แฉ‘นายหน้า’ยื่นผังขอซื้อที่ดินเป็นทางผ่านตั้งแต่ต้นปี 56 ปมการเคหะฯเอื้อเอกชน

เขียนวันที่

วันศุกร์ ที่ 02 พฤศจิกายน 2561 เวลา 20:30 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

รายงาน-สกู๊ป | Isranews | จัดซื้อจัดจ้าง | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

ตัดขายที่ดิน | การเคหะ | พาร์ควิลล์ร่มเกล้า | นายหน้า

ข้อมูลใหม่ ปมการเคหะฯตัดขายที่ดินบางส่วนโครงการพาร์ควิลล์ร่มเกล้า 28.8 ล.เอื้อเอกชน ปูด‘นายหน้า’ยื่นแผนผังข้อเสนอขอซื้อที่ดินเป็นทางผ่านตั้งแต่ต้นปี 56 แต่ผู้บริหารยุคนั้นไม่เล่นด้วย ไม่มีระเบียบรองรับ เปลี่ยนแผนใช้ชาวบ้านเป็นผู้ซื้อแทน อีก 2 รอบ ก่อนสำเร็จปลายปี 58

piccaatrtrtrt052 11 18

ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องเกาะติด! กรณีการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ตัดขายที่ดินบางส่วนของโครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนหารายได้ร่มเกล้า ระยะที่ 10 (พาร์ควิลล์ร่มเกล้า) เนื้อที่ 0-2-83.4 ไร่ ( กว้าง 22 x ยาว 47 เมตร) ให้แก่ชาวบ้าน 8 รายในราคา 28,897,000 บาท อ้างว่าเป็นทางเข้าออกที่ดินตาบอด 10 ไร่ ปรากฎว่าชาวบ้านได้โอนกรรมสิทธิ์ให้บริษัทในเครือแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ทันที ทำให้ถูกร้องเรียนว่าเอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชนเจ้าของหมู่บ้านจัดสรรซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินค่าซื้อที่ดิน เหตุเกิดช่วงปลายปี 2558 มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างน้อย 6 ชุด ผ่านมาเกือบ 3 ปียังไม่สามารถดำเนินการลงโทษบุคคลใดได้

กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง ผลการสอบสวนข้อเท็จจริงชุด น.ส.อุบลวรรณ สืบยุบล รองผู้ว่าการฯ (ต่อมา รักษาการ ผู้ว่าการฯ) เป็นประธานกรรมการ ส่งให้นายธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการฯ คนปัจจุบัน เมื่อเดือน มิ.ย.2560 เห็นควรให้ยุติเรื่อง อ้างว่า ขั้นตอนกระบวนการเกี่ยวกับการขายที่ดินแปลงนี้เป็นการซื้อขายปกติ การที่ผู้ซื้อ (ชาวบ้าน 8 ราย) โอนกรรมสิทธิ์ต่อให้กับเอกชนทันที (ในวันเดียวกับที่การเคหะจดทะเบียนขายให้แก่ชาวบ้าน) เป็นเรื่องที่ไม่อาจคาดหมายได้และอยู่นอกเหนือที่การเคหะฯจึงจะรับรู้

ขณะที่ ผลการสอบสวนข้อเท็จจริงชุดที่มี นายบัญชา บัญชาดิฐ ผู้ช่วยผู้ว่าการ (ต่อมาเป็นรองผู้ว่าการฯ) เป็นประธานกรรมการ มีผู้เกี่ยวข้องในทุกขั้นตอน บกพร่อง ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เอื้อประโยชน์ให้กับผู้อื่นเป็นเหตุให้การเคหะฯได้รับความเสียหาย เข้าข่ายเป็นการกระทำผิดวินัยและอาญา รวม 45 คน แบ่งเป็น รับราชการ 31 คน (ขณะนั้น) และ เกษียณอายุราชการ 14 คน ต่อมาลดเหลือ 26 ราย เนื่องจากผู้ว่าการฯสั่งให้ทบทวนแยกเฉพาะผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องและมีหลักฐานชัดเจนเพียงพอ ให้แยกการพิจารณาเป็นรายกลุ่ม ต่อมาตั้งกรรมการสอบสวนอีก 2 ชุดโดยมีรองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นประธาน ตามที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดมีข้อมูลระบุว่า ก่อนผู้ว่าการฯอนุมัติตามมติ คณะกรรมการพิจารณาการปรับปรุงโครงการด้านกายภาพ (คณะที่หนึ่ง) เมื่อ 2 ก.ย.2558 นั้น นายเจริญพนิช จันทภิรมย์รักษ์ 1 ใน 3 นายหน้าซึ่งเป็นผู้รวบรวมที่ดินขายให้เจ้าของหมู่บ้านจัดสรร ได้ยื่นข้อเสนอขอซื้อที่ดินกับการเคหะฯเพื่อทำทางเชื่อมระหว่างที่ดินของเอกชนกับที่ดินของการเคหะฯมาตั้งแต่เดือน ม.ค.2556 (ดูเอกสารประกอบ) แต่ผู้ว่าการฯ สมัยนั้นไม่ยอมขายเพราะไม่มีระเบียบรองรับให้ขายที่ดินสันเขื่อน และแนวตะเข็บที่กั้นโครงการ หากผืนขายจะส่งผลกระทบก่อความเดือดร้อนแก่ลูกค้าภายในโครงการเคหะชุมชนของ การเคหะฯ และสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิด

“แต่ด้วยความพยายามของนายหน้า ทำให้ผู้บริหารบางคนชี้แนะให้นายหน้าขอซื้อที่ดินโดยหาเจ้าของที่ดินตาบอดเป็นผู้ซื้อแทน แล้วจดทะเบียนให้บริษัทอีกต่อหนึ่ง ขณะที่การเคหะฯก็ปฏิเสธข้อเสนอของผู้ยื่นขอซื้อที่ดินรายอื่นด้วย”แหล่งข่าวกล่าว

หลังจากยื่นข้อเสนอครั้งแรกไม่ผ่าน นายเจริญพนิชฯได้ยื่นข้อเสนอขอซื้ออีก 2 ครั้ง เมื่อ 12 พ.ย. 2556 และ 9 มิ.ย.2557 กระทั่งได้รับการอนุมัติเมื่อ 2 ก.ย.2558 (อ่านประกอบ:ไทม์ไลน์ ปมขายที่ดินการเคหะฯร่มเกล้า 28.8 ล. ‘ผู้รับมอบอำนาจ’ยื่นข้อเสนอ 2 ครั้ง)

piccaatrtrtrt042 11 18

piccaatrtrtrt032 11 18

piccaatrtrtrt002 11 18

piccaatrtrtrt2 11 18

piccaatrtrtrt062 11 18

แหล่งข่าวจากอดีตผู้บริหารการเคหะฯ เปิดเผยว่า เหตุการณ์อย่างนี้มีหรือรองผู้ว่าการ และรักษาการผู้ว่าการ ที่เป็นผู้กำหนดยุทธศาสตร์ และมีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กรสู่ผู้ปฏิบัติงาน ที่จะดูไม่ออกและไม่รับรู้ข้อมูลเบื้องลึกในการขายที่แปลงนี้มาตั้งแต่ต้น

นอกจากนี้การขายที่ดินแปลงนี้มีข้อสงสัยว่า

1.ทุกโครงการของ การเคหะฯ กันแนวตะเข็บที่ดินไว้เพื่ออะไร ทำไมไม่มีระเบียบรองรับให้ขายแนวตะเข็บได้ นอกจากอนุญาตให้ผ่านทางเท่านั้น

2.เป็นการเอาเปรียบลูกค้าหรือไม่ เมื่อต้นทุนโครงการรวมระบบสาธารณูปโภค บวกเข้าไว้ในราคาขายบ้านแล้ว แต่ การขายที่ดินให้บริษัทจัดสรร เชื่อมต่อสาธารณูปโภคนั้น แม้ว่าจะโอนเป็นสาธารณะแล้วก็ตาม

3.หากจำเป็นต้องขาย ทำไมไม่ทำอย่างเปิดเผยให้เกิดความโปร่งใส เช่น ทำประชาพิจารณ์ ให้ประชาชนในชุมชนมีส่วนร่วม เปิดให้ยื่นเสนอซื้อหลายราย การประเมินราคาขายที่ดินเพื่อเป็นทางเข้าโครงการบ้านจัดสรรขนาดใหญ่ ไม่ใช่ประเมินราคาขายที่เพื่อที่อยู่อาศัยทั่วไป

4.ระเบียบการขายที่ดินที่มีข้อจำกัด หมายถึงการขายที่ดินว่างแปลงเล็กแปลงน้อยที่ไม่สามารถพัฒนาเป็นโครงการได้ ใช้กับการขายที่ดินเฉพาะลูกค้า การเคหะฯ ที่มีบ้านพร้อมที่ดินติดกับที่ดินแปลงว่างนั่น ภายในขอบเขตโครงการของ การเคหะฯ มิได้รวมถึงผู้เป็นเจ้าของที่ดินที่อยู่นอกขอบเขตติดโครงการของ การคหะฯ

5.เป็นการเอาเปรียบลูกค้าอีกหรือไม่ เนื่องจากพื้นที่สีเขียวของโครงเคหะชุมชนพาร์ควิลล์ร่มเกล้า ถูกตัดขายไปด้วย ทั้งที่ต้นทุนพื้นที่สีเขียวบวกเข้าในต้นทุนโครงการแล้ว โครงการนี้มีลูกค้าจองเกิน 50% จึงเสนอสภาพัฒน์ขออนุมัติ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

นี่คือเบื้องหลัง เหตุการณ์ขายที่ดินเกิดขึ้นมาเกือบ 3 ปีนับจากอนุมัติ ยังทำความกระจ่างและหาคนผิดไม่ได้