สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ กรมที่ดิน ได้จัดทำรายงานสรุปชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อพิจารณาเพิกถอนคำสั่งทางปกครอง (กรณีทีธรณีสงฆ์ของวดธรรมการามวรวิหาร) สำนักข่าวอิศรา จึงนำข้อมูล มานำเสนอผ่านภาพอินโฟกราฟิก ดังนี้
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : เป็นรายละเอียดการดำเนินการเพื่อพิจารณาเพิกถอนคำสั่งทางปกครอง กรณีทีธรณีสงฆ์ของวดธรรมการามวรวิหาร ของกรมที่ดิน นับตั้งแต่นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ได้ทำพินัยกรรมฉบับลงวันที่ 20 พ.ย.2512 ยกกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามโฉนดเลขที่ 20 ต.คลองซอยที่ 5 ฝั่งตะวันออก (บึงตะเคียน) อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เนื้อที่ 730-1- 51 ไร่ และที่ดินตามโฉนดเลขที่ 1446 ต.บึงอ้ายเสียบ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เนื้อที่ 194-1-24 ไร่ ให้เป็นกรรมสทธิ์แก่วัดธรรมการามวรวิหาร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ต่อมาเมื่อนางเนื่อม ได้ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2514 ได้มีการแต่งตั้งผู้จัดการมรดก และมีการโอนมรดกที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวให้แก่มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ขณะที่ในช่วงเดือน ก.พ.2533 นายเสนาะ เทียนทอง รมช.มหาดไทย จะสั่งไม่อนุญาตให้วัดได้มาซึ่งที่ดินตามมาตรา 84 ป.ที่ดิน และต่อมาได้มีการจดทะเบียนขายให้แก่นิติบุคคลอื่นเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ กระทั่งในเวลาต่อมามูลนิธิมหามงกุฎฯ ได้ขายที่ดิน 2 แปลงดังกล่าวให้แก่บริษัท อัลไพน์ เรียลเอสเตท จำกัด และบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด ในราคา 142 ล้านบาท
ก่อนที่จะมีปัญหาข้อพิพากษาตามมาจำนวนมาก หลายยุคหลายสมัย เรื่องราวใหญ่โตเข้าสู่กระบวนการพิจารณาทางศาล จนกระทั่งนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ขณะดำรงตำแหน่ง รมช.มหาดไทย ได้ทำหนังสือบันทึกที่ มท 0100.3/324 ลงวันที่ 3 ก.ย.2567 หรือเพียง 3 วัน ก่อนที่นายชาดา จะพ้นจากตำแหน่ง รมช.มหาดไทย ไปถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยขอให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาเพิกถอน 'คำวินิจฉัยอุทธรณ์เดิม' ของนาย ยงยุทธ วิชัยดิษฐ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการแทนปลัดกระทรวงมหาดไทย กรณีที่ดิน ‘อัลไพน์’
พร้อมทั้งให้กระทรวงมหาดไทย ‘วินิจฉัยอุทธรณ์ใหม่’ เพื่อให้คำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 2308/2544 ที่ให้เพิกถอนรายการจดทะเบียนโอนที่ดิน 2 แปลง (ที่ดินตามโฉนดเลขที่ 20 ต.คลองซอยที่ 5 ฝั่งตะวันออก (บึงตะเคียน) อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เนื้อที่ 730-1- 51 ไร่ และที่ดินตามโฉนดเลขที่ 1446 ต.บึงอ้ายเสียบ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เนื้อที่ 194-1-24 ไร่) ตลอดจนรายการจดทะเบียนลำดับต่อๆ มาจากรายการข้างต้น ‘กลับมามีผล’ เนื่องจากเป็น ‘ที่ธรณีสงฆ์