หลังจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ตัดสินใจยุบสภา ผลกระทบที่ตามมาในบริบทของฝ่ายนิติบัญญัติ ดูจะรุนแรง ทั้งทางกว้างและทางลึก
สถานการณ์การสู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชายังคงดุเดือดตลอดแนว 7 จังหวัดพร้อมๆ กับข่าวเศร้าว่าด้วยความสูญเสียของทหารหาญเพื่อนร่วมชาติ
การตัดสินใจยุบสภาของนายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล ทำให้รัฐบาลที่เคยมีอำนาจเต็มมือตามกฎหมาย กลายสภาพเป็น “รัฐบาลรักษาการ”
ในที่สุดการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กับรักษาการนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล เพื่อคลี่คลายสถานการณ์สู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชา น่าจะเกิดขึ้นแน่นอนในช่วงค่ำวันนี้
สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันนี้ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นดินแดนที่มีแต่ปัญหาความไม่สงบเพียงมุมเดียวเท่านั้น
การประเดิมโต๊ะพูดคุยสันติสุขรอบใหม่ แต่คุยกับคนหน้าเดิมคือ BRN ภายใต้ผู้นำคณะคนเดิม คือ อุสตาซ อานัส อับดุลเราะห์มาน ได้รับการโฆษณาจากสำนักงานผู้ประสานงานรัฐบาลมาเลเซีย ในฐานะผู้อำนวยความสะดวก ว่า ประสบความสำเร็จ และสะท้อนถึงความก้าวหน้า
อดีตแกนนำ BRN ชี้ไม่ใช่เรื่องแปลก “กัสตูรี พูโล” โผล่เวทียูเอ็น หนุนทวงความยุติธรรมให้พี่น้องปัตตานี ขณะที่เยาวชนชายแดนใต้ท้าพิสูจน์ความจริงใจรัฐบาลไทย ดึงทุกกลุ่มร่วมโต๊ะพูดคุยเจรจา ด้านชาวบ้าน “คนธรรมดา” ตั้งคำถามชวนสะอึก ทุกคนอ้างประชาชน แต่ทำไมผู้คนยังเดือดร้อน แค่ความปลอดภัยยังหาไม่เจอ
“บิ๊กอั๋น” พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา นำคณะพูดคุยสันติสุขฝ่ายไทยร่วมประชุมอย่างเป็นทางการกับคณะผู้แทน BRN ที่มาเลเซีย เดินหน้ากระบวนการสันติภาพดับไฟใต้ หลังหยุดชะงักมานาน 15 เดือน หวังบรรลุเป้าหมาย 3 ประการ “ยุติความรุนแรง - ปรึกษาหารือสาธารณชน - แก้ปัญหาทางการเมือง”
หนึ่งในคำถามที่ถามกันให้เซ็งแซ่อยู่ในขณะนี้ว่า เหตุใดกัมพูชาจึงกล้าเปิดฉากโจมตีไทยอีกรอบ
“จุฬาราชมนตรี” ลงพื้นที่ให้กำลังใจผู้ประสบภัย อ.จะนะ สงขลา พร้อมสนับสนุนเงินซ่อมแซมมัสยิด 444 แห่งที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ขณะที่พรรคประชาชาติผสานมือเพื่อไทย ระดมกำลังจิตอาสาครึ่งพันจากชายแดนใต้ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูเมืองหาดใหญ่ ด้านรองนายกฯ พิพัฒน์ ลุยน้ำเยี่ยมชาวปะกาฮารัง ปัตตานี สำรวจงบซ่อมถนน 3 พันล้าน