เผยมติ ป.ป.ช.ตีตกข้อกล่าวหา 'สมศักดิ์ ฐิติพฤติกุล' อดีตปลัด อบจ.ภูเก็ต-พวก ไม่ดําเนินการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมผู้เข้าพักโรงแรมกะตะ บีช รีสอร์ท เหตุข้อเท็จจริงพยานหลักฐานไม่เพียงพอฟังได้ว่ากระทําความผิด ข้อกล่าวหาไม่มีมูล แต่ให้มีหนังสือแจ้งดําเนินการติดตามค่าธรรมเนียมบํารุงให้ครบถ้วนถูกต้องต่อไป
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตีตกข้อกล่าวหา นายสมศักดิ์ ฐิติพฤติกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตและพวก กรณีไม่ดําเนินการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ของผู้เข้าพักในโรงแรมกะตะ บีช รีสอร์ท หลังพิจารณาสำนวนไต่สวนเบื้องต้นพบว่า ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่ากระทําความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูลให้ข้อกล่าวหาตกไป แต่ให้มีหนังสือแจ้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตดําเนินการติดตาม ค่าธรรมเนียมบํารุงองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ภายหลังจากสิ้นระยะเวลายกเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียมบํารุงองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต จากผู้พักในโรงแรม เนื่องจากเหตุสึนามิ ถึงปี พ.ศ.2556 จากโรงแรมกะตะ บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา ให้ครบถ้วนถูกต้อง ตามข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมบํารุงองค์การบริหารส่วนจังหวัดจากผู้พักโรงแรม พ.ศ. 2545 ด้วย
คดีนี้ มีผู้ถูกกล่าวหา 4 ราย คือ นายสมศักดิ์ ฐิติพฤติกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นายมานพ ลีลาสุธานนท์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นายวัฒนา พิชญางกูร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองคลัง องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และนางวรรณี สุประดิษฐ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองคลัง องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต
พฤติการณ์ที่กล่าวหาว่ากระทำผิดโดยสรุประบุว่า นายสมศักดิ์ ฐิติพฤติกุล และนายมานพ ลีลาสุธานนท์ ซึ่งดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นายวัฒนา พิชญางกูร และนางวรรณี สุประดิษฐ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองคลัง ละเว้นไม่ดำเนินการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ของผู้เข้าพักในโรงแรมกะตะ บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 ถึงปี พ.ศ. 2555 ตามข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมบำรุงองค์การบริหารส่วนจังหวัดจากผู้พักในโรงแรม พ.ศ.2545 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า จากการไต่สวนเบื้องต้น โรงแรมกะตะ บีช รีสอร์ท ไม่ได้นำส่งค่าธรรมเนียมบํารุงองค์การบริหารส่วนจังหวัดจากผู้พักในโรงแรมให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่เดือนธันวาคม ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2544 จนถึงปี พ.ศ. 2555 โดยนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตได้มีการพิจารณาให้กองคลังมีหนังสือแจ้งให้ดำเนินการเรียกเก็บและนำส่งค่าธรรมเนียมข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมบํารุงองค์การบริหารส่วนจังหวัดจากผู้พักในโรงแรม พ.ศ. 2545 ไปยังโรงแรมกะตะ บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา และโรงแรมอื่นๆ เรื่อยมา แต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการ จนกระทั่ง ปี พ.ศ. 2556 ผู้ควบคุมและจัดการโรงแรมกะตะ บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา ได้นำส่งค่าธรรมเนียมบำรุงองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตจากผู้พักในโรงแรมให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่เดือนมกราคม 2556 จนถึงปัจจุบัน
เห็นว่า การที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตได้ออกข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมบำรุงองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตจากผู้พักในโรงแรม พ.ศ. 2545 โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 นั้น ถือว่าเป็นอำนาจหน้าที่โดยเฉพาะในการบริหารงานขององค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมอันเป็นมาตรการทางภาษีอย่างหนึ่งในการหารายได้นำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานขององค์การบริหารส่วนจังหวัดอีกทางหนึ่ง
การที่ไม่สามารถบังคับใช้ข้อบัญญัติดังกล่าว เพื่อจัดเก็บค่าธรรมเนียมบำรุงองค์การบริหารส่วนจังหวัดจากผู้พักในโรงแรมจากโรงแรมกะตะ บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา และโรงแรมอื่นๆ ในจังหวัดภูเก็ตหลายแห่งได้อย่างเคร่งครัด นั้น และถือว่าเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ในทางบริหารหรือทางการปกครองขององค์การบริหารส่วนจังหวัดที่ต้องพิจารณากำหนดมาตรการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ละเมิดข้อบัญญัติดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้ไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 จนถึงปี พ.ศ. 2555 องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตได้เลือกปฏิบัติโดยไม่จัดเก็บค่าธรรมเนียมเฉพาะโรงแรมกะตะ บีช รีสอร์ท เท่านั้น เนื่องจากยังมีโรงแรมจำนวนมากในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตที่ไม่สามารถดำเนินการจัดเก็บค่าธรรมเนียมให้เป็นไปตามข้อบัญญัติได้
ทั้งนี้ สํานักงาน ป.ป.ช. ได้มีการแจ้งการดําเนินการศึกษาข้อเท็จจริงเบื้องต้นเกี่ยวกับการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมบํารุงองค์การบริหารส่วนจังหวัดจากผู้พักโรงแรมไปยังปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยกระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือกระทรวงมหาดไทย ด่วนที่สุด ที่ มท 0808.3/4115 ลงวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 แจ้งจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อแจ้งกําชับองค์การบริหารส่วนจังหวัดให้บังคับใช้กฎหมายกับผู้ละเมิดข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัดจากผู้เข้าพักในโรงแรมอย่างเคร่งครัดแล้ว
จากพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงแล้ว เห็นว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐดังกล่าวยังไม่มูลความผิดทางอาญา ฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมครั้งที่ 77/2566 เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2566 ที่ประชุมพิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง ุ6 เสียง เห็นว่า จากการไต่สวนเบื้องต้น ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่านายสมศักดิ์ ฐิติพฤติกุล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 นายมานพ ลีลาสุธานนท์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นายวัฒนา พิชญางกูร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 นางวรรณี สุประดิษฐ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 นางประไพพรรณ สกุลชิต นางมาลี ทวีพงษ์ศักดิ์ นางอัญชลี เทพบุตร และนายสุทิน อุทัยธํารง กระทําความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูลให้ข้อกล่าวหาตกไป
อย่างไรก็ดี ให้มีหนังสือแจ้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตดําเนินการติดตาม ค่าธรรมเนียมบํารุงองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ภายหลังจากสิ้นระยะเวลายกเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียมบํารุงองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต จากผู้พักในโรงแรม เนื่องจากเหตุสึนามิ ถึงปี พ.ศ.2556 จากโรงแรมกะตะ บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา ให้ครบถ้วนถูกต้อง ตามข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมบํารุงองค์การบริหารส่วนจังหวัดจากผู้พักโรงแรม พ.ศ. 2545 ด้วย