ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา 'คมกริช พิชิตสุวรรณ' อดีตนักวิชาการเงิน-บัญชี มหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา เบียดบังเงินไปเป็นประโยชน์ส่วนตนโดยทุจริต ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 5 พิพากษาลงโทษจำคุก 32 ปี 96 เดือน คืนเงิน 1,200,000 บาท หลังถูกจับกุมตัวตามหมายจับ ต้นปี 2568
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายคมกริช พิชิตสุวรรณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนักวิชาการเงินและบัญชีมหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา เบียดบังเงินของมหาวิทยาลัยไปเป็นประโยชน์ส่วนตนโดยทุจริต ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 , 11 ประกอบป.อ.มาตรา 90 และ 91 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 กรกฏาคม 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 มีคำพิพากษาว่า นายคมกริช พิชิตสุวรรณ จำเลย มีความผิดตามกฏหมาย
ลงโทษจำคุกกระทงละ 5 ปี
จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
คงจำคุกกระทงละ 2 ปี 6 เดือน
รวม 16 กระทง เป็นจำคุก 32 ปี 96 เดือน
ให้คืนเงิน 1,200,000 บาท แก่มหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2568 เห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษา
สำหรับพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 ระบุว่า ผู้ใดเป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท
ก่อนหน้านี้ ในช่วงเดือนมีนาคม 2568 ปรากฏข่าวเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ประจําจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตํารวจสถานีตํารวจ นครบาลเทียนทะเล จับกุมนายคมกริช พิชิตสุวรรณ อายุ 48 ปี ตามหมายจับ โดยมีพฤติการณ์การกระทํา ความผิดกล่าวคือเมื่อผู้ถูกกล่าวหาเป็นพนักงานสายบริการตําแหน่งนักวิชาการและบัญชี สังกัดมหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา (มหาวิทยาลัยพะเยา) มีหน้าที่จ่ายรายได้ของมหาวิทยาลัยนเรศวรพะเยา และเป็นผู้ดําเนินการจ่ายเงินให้กับ ผู้ได้รับทุนการศึกษาหรือผู้ขอเบิกเงิน เป็นเหตุให้รัฐได้รับความเสียหาย ทั้งสิ้นกว่า 10,005,000 บาท
