
‘วรภัค’ ประกาศลาออกจากตำแหน่งรมช.คลัง หลังก่อนหน้านี้ โพสต์เฟซก่อนแถลงข่าวแสดงความบริสุทธิ์ใจ ภรรยเจอข้อกล่าวหารับคริปโตโยงกลุ่มสแกมเมอร์ ยืนยัน ไม่เคยเกี่ยวข้อง ยอมรับเสียดายบางคนที่กล่าวหาเป็นถึงนักวิชาการที่เคยชื่นชม แต่ตอนนี้มีอคติการเมือง เขียนข่าวเอามัน ยืนยันดำเนินการทางกฎหมาย 'ทอม ไรต์' แน่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวว่า เมื่อวันที่ 22 ต.ค.2568 ที่กระทรวงการคลัง นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง หลังจากถูกกล่าวหาว่าพัวพันกับกลุ่มสแกมเมอร์ โดยให้เหตุผลว่าหลังจากนี้จะต้องมีการมีการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่กล่าวหาตน ซึ่งรวมถึงนายทอม ไรต์ อดีตผู้สื่อข่าววอลสตรีทเจอร์นัล (WSJ)
ทั้งนี้การประกาศลาออกจากตำแหน่งครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ นายวรภัค ธันยาวงษ์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว นัดสื่อมวลชนเปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับกรณีที่โดนกล่าวหาว่าพัวพันกับกลุ่มสแกมเมอร์
โดยเนื้อหาเฟซบุ๊กนั้นระบุว่า
รัฐบาลนี้มีเวลาในการทำงานน้อยมากครับแต่เราพยายามทุ่มเทกันเต็มที่เมื่อวานนี้ นโยบายที่เกี่ยวข้องกับ สาหลักแรกที่ ที่มีสี่หมุดหมายหลักตามที่ แถลงในนโยบายเศรษฐกิจต่อรัฐสภา ได้รับการอนุมัติจาก ครม เรียบร้อยแล้ว เสาหลักที่เหลือกำลังตามมาเป็นรายอาทิตย์ครับ
อาทิตย์ที่แล้วผมก็ไปประชุมงานประจำปีของธนาคาร World Bank IMF ที่กรุงวอชิงตันดีซีมา แต่ละวันมีประชุมทั้งพหุภาคีและทวิภาคีเต็มตลอดวัน และที่สำคัญต้องหารือเตรียมงานที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมงานประจำปีของ World Bank IMF ซึ่งเป็นงานใหญ่ยักษ์ในเดือนตุลาคมของปี 2569
ผมพึ่งเดินทางกลับมาจากสหรัฐ เมื่อวันอาทิตย์นี้ ใช้เวลาส่วนใหญ่ขับเคลื่อนผลักดันเรื่องงานเป็นหลักครับเลยทำให้การชี้แจงข้อเท็จจริงส่วนตัวล่าช้าไปหน่อยในเรื่องที่มีขบวนการถ่วงความเจริญของประเทศชาติพยายามดิสเครดิตรัฐบาลโดย ใส่ร้ายป้ายสีว่าผมอยู่ในกระบวนการ scammers ข้ามชาติ ล่าสุดมาพาดพิงถึงภรรยากล่าวหาว่ารับสินบนเป็นคริปโตซึ่งภรรยาผมยังไม่เคยเกี่ยวข้องอะไรใดใดไม่เคยมีบัญชีคริปโตใดใดทั้งสิ้น
วันนี้หลังจาก ช่วยกับท่านเอกนิติขับเคลื่อนผลักดันนโยบายในเสาหลักแรกผ่านการอนุมัติของ ครม เรียบร้อยแล้วบ่ายนี้ผมจะมีการแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงที่กระทรวงการคลังครับทีมโฆษกกระทรวงได้นัดหมายนักข่าวไว้เรียบร้อยแล้ว และจะเริ่มดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการใส่ร้ายป้ายสีบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างเต็มที่
น่าเสียดายที่บางคนเป็นนักวิชาการอิสระที่ผมเคยชื่นชมแต่ในปัจจุบันมีอคติในทางการเมือง
และพยายามจะเขียนข่าวแบบเอามัน เลยมองภาพทุกอย่างแบบมีอคติ ผมพยายามแผ่เมตตาให้แล้วแต่ยังไม่ค่อยเป็นผล คงต้องสวดบทพาหุงมหากาคือบทปราบมารของพระพุทธเจ้าเสริม
อย่างไรก็ตามเพื่อนเพื่อนพี่พี่น้องน้องทุกท่านที่เคยร่วมงานกับผมในทุกองค์กรน่าจะยืนยันได้ว่าผมเป็นคนอย่างไร ทำงานอย่างไร ถึงแม้ผมเกษียณจากงานประจำมาหลายปีแล้ววันนี้ไปที่ไหนเจอลูกน้องเก่าลูกค้าเก่าเก่าไม่มีใครเมินหน้าเดินหนี ทุกคนยังเข้ามาทักทาย โอภาปราสัยเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมามีกัลยาณมิตรหลายวงการส่งข้อความมาให้กำลังใจผมทั้งเพื่อนเพื่อนพี่พี่น้องน้องในวงการการเงินการธนาคารรวมทั้งน้องน้องนักข่าวที่รู้จักผมดีอีกหลายหลายคน
สุดท้ายนี้ผมต้องขอขอบคุณ ผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ทีมงานสาขาธนาคารกรุงไทยและทีมงานสายเทคโนโลยีของธนาคารกรุงไทยทุกท่านที่ทุ่มเทสุดตัวในการช่วยรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ให้ติดลมจากนโยบายโครงการคนละครึ่งพลัส ผมติดตามข่าวในรายละเอียดและทราบว่าทุกสาขาทำงานกันหนักมากๆๆๆ เนื่องจากโครงการคนละครึ่งครั้งสุดท้ายจบไปแล้ว ตั้งแต่ปี 2565 ในช่วงสามปีที่ผ่านมาผู้มีสิทธิ์หลายท่านมีการเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์มือถือถึง 460,000 เลขหมายและมีอีกหลายท่านที่จำรหัสไม่ได้อีกประมาณ 450,000 ราย ซึ่งอย่างน้อยผู้มีสิทธิ์เหล่านี้ต้องไปติดต่อขอความช่วยเหลือเพื่อยืนยันตัวตนจากสาขาธนาคารกรุงไทยซึ่งทั่วประเทศมีเพียง 980 สาขานั่นเท่ากับแต่ละสาขาต้องรองรับปริมาณผู้มายืนยันตัวตนถึง 900 คนต่อหนึ่งสาขา
