ศาลอุทธรณ์ พิพากษาเเก้สั่งให้จำคุก 2 ปี 'ณพ ณรงค์เดช-คุณหญิงกอแก้ว 2 ปี ไม่รอลงอาญา คดีปลอมแปลงเอกสาร โอนหุ้นบริษัทฯ ก่อนยื่นวงเงินประกันตัวคนละ 1 แสน ได้รับอนุญาต ด้านเจ้าตัวส่วนยันสู้ฎีกาต่อ เผยคดีเเพ่งยกฟ้องชี้ชัด ไม่ได้ปลอม เชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ห้องพิจารณา 807 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษา จำคุก คุณหญิงกอแก้ว บุญยะจินดา ภรรยา พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา อดีตอธิบดีกรมตำรวจ , นายณพ ณรงค์เดช นักธุรกิจชื่อดัง ในความผิดฐานร่วมกันใช้เอกสารปลอม คนละ 2 ปี ไม่รอลงอาญา ก่อนที่ทั้งสอง จะยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกา ศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกาโดยตีราคาประกันคนละ 100,000 บาท
สำหรับคดีนี้ นายเกษม ณรงค์เดช บิดาของนายณพ เป็นโจทก์ ฟ้อง คุณหญิงกอแก้ว, นายณพ และนายสุทัศน์ จิรจรัสพร เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันใช้เอกสารปลอม
บรรยายฟ้องโจทก์ว่า โจทก์เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทโกลเด้น มิวสิค ลิมิเต็ด จัดตั้งโดยถูกกฎหมายฮ่องกง โจทก์ถือหุ้นบริษัทดังกล่าวจำนวน 459,103,350 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 99.99 ซึ่งบริษัทโกลเด้นมิวสิค ลิมิเต็ด ถือหุ้นอยู่ใน บริษัทวิน เอ็นเนอร์จี โฮลดิ้งจำกัด ระหว่างวันที่ 25 เม.ย. 59-26 มิ.ย. 61 จำเลยทั้ง 3 ได้สมคบคิดร่วมกันกระทำความผิดฐานใช้เอกสารปลอมทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายโดยจำเลยทั้ง 3 ทราบดีอยู่แล้วว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม
ต่อมา เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2561 โจทก์ได้รับหนังสือจากที่ปรึกษากฎหมายว่าศาลฮ่องกงมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามมิให้บริษัทโกลเด้นมิวสิคโอนหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัท วิน เอ็นเนอร์จี จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงหากโจทก์จะทำการฝ่าฝืนจะต้องได้รับโทษและรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น
โจทก์จึงได้มีหนังสือแจ้งไปยังกรรมการบริษัทโกลเด้น มิวสิค ว่าโจทก์ต้องปฏิบัติตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลฮ่องกงและขอเรียกประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อแจ้งเจตนารมณ์ของโจทก์เพื่อให้ได้รับทราบเพื่อความชัดเจน
ต่อมาทราบว่าเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 61 ได้มีการแต่งตั้งจำเลยที่ 3 เข้ามาเป็นกรรมการเพียงคนเดียวของบริษัท โกลเด้น มิวสิค โดยไม่มีการแจ้งให้โจทก์รับทราบมาก่อน
เห็นว่าการกระทำดังกล่าวและพฤติการณ์ของจำเลยที่ 3 เป็นพฤติการณ์ที่ไม่ปกติ และมีเจตนาขัดขวางไม่ให้เกิดการประชุมผู้ถือหุ้นตามที่โจทก์ร้องขอ ต่อมาวันที่ 19มิ.ย. 61 บริษัท พรีเมียร์ ฟิดูเซียรี่ซึ่งทำหน้าที่เป็นเลขานุการของบริษัทโกลเด้น มิวสิค ได้มีหนังสือแจ้งไปยังบริษัทที่ปรึกษากฎหมายของโจทก์ว่า บริษัท พรีเมียร์ ฟิดูเซียรี่ ได้รับแจ้งจากกรรมการของบริษัทโกลเด้น มิวสิค เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 61 ว่า กรรมการของบริษัทได้มีมติโอนหุ้นของโจทก์จำนวน 459,109,350 หุ้นจากโจทก์ไปยังจำเลยที่ 1 และบริษัทโกลเด้น มิวสิค อนุมัติการโอนหุ้นดังกล่าวแล้ว
เมื่อโจทก์ได้รับแจ้งดังกล่าวจึงได้มอบหมายให้บริษัทที่ปรึกษากฎหมายของโจทก์มีหนังสือไปยังจำเลยที่ 3 เพื่อแจ้งว่าโจทก์ไม่เคยตกลงและดำเนินการให้สัญญาในการโอนหุ้นใดๆ ของโจทก์ให้แก่จำเลยที่ 1 การโอนหุ้นดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่ได้รับความยินยอมใดๆจากโจทก์
โดยในเอกสารสัญญาแต่งตั้งตัวแทนระหว่างจำเลยที่ 1 กับโจทก์ลงวันที่ 25 เม.ย. 59 มีข้อความที่ระบุไว้ว่าจำเลยที่ 1 ได้แต่งตั้งให้โจทก์เป็นตัวแทนในการถือหุ้นในบริษัทโกลเด้นมิวสิคและจำเลยที่ 1 และโจทก์ตกลงใช้ตราสารการโอนหุ้นที่เกี่ยวข้องซึ่งโจทก์ได้เคยลงนามไว้ก่อนหน้านี้แล้วโดยมีพยานและเอกสารที่โจทก์ส่งมอบให้กับจำเลยที่ 1 โดยโจทก์อนุญาตยินยอมให้จำเลยที่ 1 เขียนข้อความที่จำเป็นในตราสารการโอนหุ้นและเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อโอนหุ้นในบริษัท วิน เอ็นเนอร์ยี่ หรือสัดส่วนของหุ้นที่ถืออยู่
หลังจากที่โจทก์ได้รับแล้วก็ตรวจสอบเอกสารที่อ้างว่าเป็นสัญญาแต่งตั้งตัวแทนซึ่งจำเลยที่ 1 แต่งตั้งให้โจทก์เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 โจทก์พบว่าลายมือชื่อที่อ้างว่าเป็นลายมือชื่อของโจทก์ในสัญญาแต่งตั้งตัวแทนนั้นเป็นลายมือชื่อปลอม โจทก์ไม่เคยทราบและไม่มีทางที่จะลงนามในสัญญาแต่งตั้งตัวแทนเพื่อรับเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 แต่อย่างใด
จึงไม่มีเหตุผลใดที่โจทก์จะเข้ารับเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 โจทก์ไม่เคยลงนามในตราสารการโอนหุ้นและสำเนาใบสำคัญการซื้อขายหุ้นระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ถือเป็นการสมคบคิดกันกับจำเลยที่ 1 ให้มีการนำสัญญาแต่งตั้งตัวแทนซึ่งเป็นเอกสารปลอมไปใช้ในการดำเนินการให้มีการโอนหุ้นในบริษัทโกลเด้น มิวสิค อันเป็นทรัพย์สินของโจทก์ไปให้กับจำเลยที่ 1
ส่วนจำเลยที่ 3 นั้นเป็นเพียงกรรมการเพียงคนเดียวของบริษัทโกลเด้น มิวสิค และมีพฤติกรรมที่พยายามขัดขวางการใช้สิทธิในฐานะผู้ถือหุ้นในบริษัทโกลเด้น มิวสิค ของโจทก์
การกระทำของจำเลยที่ 3 ที่โอนหุ้นของโจทก์ไปยังจำเลยที่ 1 จึงถือว่าจำเลยที่3 มีพฤติการณ์อันเป็นการสมรู้กับจำเลยที่ 1 ในการใช้เอกสารปลอมซึ่งรวมถึงตราสารการโอนหุ้นและสำเนาใบสำคัญในการซื้อขายหุ้นระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสิทธิปลอม
การกระทำของจำเลยทั้ง 3 เป็นการร่วมกันใช้สัญญาแต่งตั้งตัวแทนระหว่างจำเลยที่ 1 กับโจทก์ซึ่งเป็นเอกสารปลอมและร่วมกันใช้ตราสารการโอนหุ้นและสำเนาใบสำคัญการซื้อขายหุ้นระหว่าโจทก์กับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเอกสารสิทธิที่พร้อมเพื่อดำเนินการให้มีการโอนหุ้นของบริษัทโกลเด้น มิวสิค อันเป็นทรัพย์สินของโจทก์ไปให้กับจำเลยที่ 1 โดยการกระทำของจำเลยทั้ง 3 ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์
โจทก์ได้รับทราบสาเหตุที่จำเลยทั้ง 3 ได้สมคบคิดร่วมกันกระทำความผิดจากหนังสือของบริษัท ดีแอลเอ ไปป์เปอร์ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2561 คดีนี้เกิดขึ้นในฮ่องกงแต่เนื่องจากจำเลยทั้ง 3 เป็นคนไทย และกรณีนี้เป็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับเอกสารตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 กรณีจึงต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 8 (ก) (2) ศาลไทยจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้
สำหรับคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้อง เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2561 โดยเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาไม่อาจรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า หนังสือแต่งตั้งตัวแทนตราสารการโอนหุ้นบริษัทโกลเด้น มิวสิค และหนังสือสัญญาซื้อขายหุ้นบริษัทโกลเด้น มิวสิค รวม 3 ฉบับเป็นเอกสารปลอม เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อสงสัยดังกล่าวการใช้เอกสารทั้ง 3 ฉบับย่อมไม่อาจรับฟังได้ว่า เป็นความผิดฐานใช้เอกสารปลอม กรณีต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยทั้ง 3 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 227 วรรค 2
ก่อนที่ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 (เดิม), 83 จำคุกคนละ 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกาโดยตีราคาประกันคนละ 100,000 บาท ตามที่ปรากฏเป็นข่าวข้างต้น

@ ณพ ณรงค์เดช
@ 'ณพ' เปิดคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีเเพ่ง ยกฟ้อง ชี้ชัดไม่ได้ปลอม สู้ฎีกาอาญาต่อ-เชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม
ขณะที่นายณพ ณรงค์เดช นักธุรกิจชื่อดัง กล่าวว่า "สำหรับในวันนี้ ที่มีคำตัดสินในส่วนคดีที่ศาลอาญารัชดาฯ ทางเรามั่นใจในกระบวนการยุติธรรมและข้อมูลเอกสารหลักฐานต่างๆ ก็พร้อมเดินหน้าเรื่องคดีความในชั้นฎีกาต่อไปตามที่หลักกฎหมายกำหนด"
ส่วนความคืบหน้าคดีคดีผิดสัญญา เรียกทรัพย์คืน พ.978/2565 (ศาลแพ่งกรุงเทพใต้) กรณีนายกฤษณ์ และนายกรณ์ ณรงค์เดช เป็นโจทก์ร่วมฟ้อง ณพ ณรงค์เดช เป็นจำเลยที่ 1 บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH เป็นจำเลยที่ 2 บริษัท โกลเด้น มิวสิค ลิมิเต็ด จำกัด เป็นจำเลยที่ 3 และคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา เป็นจำเลยที่ 4
นายณพ ระบุว่า คดีดังกล่าวย้อนไปเดือน ก.ย 2568 ที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ก็เพิ่งยกฟ้องและอ่านคำพิพากษายืนว่า ตนและคุณหญิงกอแก้ว ไม่ได้ใช้เอกสารปลอมในการโอนหุ้นของบริษัทวินด์ เอนเนอร์ยีฯ
โดยศาลอุทธรณ์ชี้ว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การที่โจทก์ทั้งสอง (นายกฤษณ์ ณรงค์เดช และนายกรณ์ ณรงค์เดช) อุทธรณ์ว่า เอกสารการโอนหุ้นที่เกี่ยวข้องกับนายเกษม ณรงค์เดช ทั้งหมดเป็นเอกสารปลอมนััน เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายเกษมเคยยื่นฟ้องนายณพ ณรงค์เดช จำเลยที่ 1 กับพวกเกี่ยวกับหุ้นพิพาทว่าหุ้นดังกล่าวเป็นของนายเกษมตามสัญญาโอนหุ้น เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2559 จึงไม่น่าเชื่อว่า นายเกษมจะยื่นฟ้องเพื่อบังคับตามเอกสารที่ตนเองรู้ดีว่าไม่ได้จัดทำขึ้นจริง“
นอกจากนั้น ศาลอุทธรณ์ยังชี้ด้วยว่า “เมื่อพิเคราะห์ข้อความตามบันทึกการจัดสรรหุ้นดังกล่าว กลับเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคต มิได้ระบุถึงจำนวนหุ้นที่ได้มาแล้ว และไม่ปรากฏข้อความอย่างชัดแจ้งถึงหุ้นที่จำเลยที่ 1 ไปดำเนินการซื้อมาแล้วแต่อย่างใด ส่วนโจทก์ทั้งสองอ้างว่าตระกูลณรงค์เดชเป็นผู้ชำระค่าหุ้นนั้น ตามคำเบิกความของโจทก์ทั้งสอง กลับไม่ปรากฏหลักฐานการชำระเงินที่ชัดแจ้งว่าเป็นการชำระค่าหุ้น ส่วนจำเลยที่1 มีหลักฐานการชำระหนี้ค่าหุ้นโดยตรง”
