
'อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์' ปลัดมท. แจง อิศรา กรณีถอนสัญชาติ ‘ก๊กอาน-ลูก 3 คน’ เป็นไปตามขั้นตอน ล่าสุดลบจำหน่ายข้อมูลทุจริตออกจากทะเบียน พร้อมแจ้งความดำเนินคดีแล้ว ส่วนเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบ หากพบมีส่วนกระทำความผิดโดนโทษอาญา-วินัย แน่
กรณีปรากฏข่าว กรมการปกครอง โดยนายวิฑูรย์ สิรินุกุล รองอธิบดีกรมการปกครอง ฝ่ายการทะเบียนและเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้รับรายงานการตรวจสอบข้อมูลในทางลับจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และฝ่ายข่าว พบว่า นายก๊ก อาน สมาชิกวุฒิสภาของกัมพูชา และประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกาสิโน การค้ามนุษย์ การฟอกเงินและสแกมเมอร์ ถือเป็นความผิดตามกฎหมายไทย และได้รับใบสำคัญถิ่นที่อยู่ และมีบุตร 3 คนที่ได้สัญชาติไทยโดยระบุว่ามีบิดามรรดาเป็นบุคคลสัญชาติไทย จึงไม่ตรงกับข้อเท็จจริง

ล่าสุด นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า กรณีนายก๊อกอัน และบุตร จะมีการดำเนินการสอบสวนในเรื่องทุจริตหรือไม่นั้น จะมีการพิจารณาใน 2 ประเด็น คือ 1 เมื่อพบการทุจริตดังกล่าวแล้วจะต้องดำเนินการ 3 ขั้นตอน ได้แก่ (1) ลบหรือจำหน่ายข้อมูลที่ทุจริตออกจากทะเบียน (2) แจ้งความดำเนินคดีอาญากับผู้เกี่ยวข้อง และ (3) สอบสวนทางวินัยเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
"ขณะนี้ได้ดำเนินการลบข้อมูลบุคคลที่ทุจริตแล้ว ในส่วนการดำเนินคดีอาญาและสอบวินัยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยกรมการปกครองมีหน้าที่เร่งรัด และรายงานผลชี้แจงให้ทราบเป็นระยะ" ปลัดกระทรวงมหาดไทยระบุ
นายอรรษิษฐ์ กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่ในกรณีที่แจ้งเกิดหลายรายเจ้าหน้าที่ไม่สงสัยเลยหรือไม่ นั้น ปกติการแจ้งเกิดเกินกำหนดหลายราย ระบุสถานที่เกิดว่า “ระหว่างทาง” ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ และในพื้นที่ไม่มีใครรู้จัก รวมถึงญาติพี่น้องที่ระบุบิดาเดียวกันยืนยันว่าไม่ใช่พี่น้องร่วมบิดา เจ้าหน้าที่ต้องสงสัยและอาจต้องตรวจ DNA ด้วย
"แต่ด้วยเรื่องนี้ได้เกิดขึ้นนานแล้วและข้อเท็จจริงยังไม่ยุติ จึงต้องสอบสวนข้อเท็จจริงให้ชัดเจนก่อน หากพบว่าเจ้าหน้าที่มีส่วนในการทุจริต ก็จะสามารถดำเนินคดีอาญา และทางวินัยแก่ผู้เกี่ยวข้องได้" ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า เกี่ยวกับกรณีนี้ กรมการปกครอง ได้เผยแพรข้อมูลผลการตรวจสอบเป็นทางการ ระบุว่า ในฐานะสำนักทะเบียนกลางซึ่งมีอำนาจกำกับดูแลสำนักทะเบียนทุกแห่งได้เร่งรัดในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการมีถิ่นที่อยู่ และการได้สัญชาติไทยดังกล่าวแล้ว โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักทะเบียนกรุงเทพมหานคร สำนักทะเบียนอำเภอ และส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว ผลปรากฏว่า
1. นายก๊อกอัน (KOK AN) บุคคลสัญชาติกัมพูชา ได้รับให้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยโดยถูกต้อง จากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจริง แต่ด้วยบุคคลดังกล่าวได้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้ดำเนินการแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด ทำให้ใบถิ่นที่อยู่นั้นไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป จึงได้แจ้งให้สำนักงานเขตประเวศ กรุงเทพฯ ดำเนินการจำหน่ายชื่อของบุคคลดังกล่าวออกจากทะเบียนบ้านด้วยแล้ว (นายก๊อกอัน มีเลขประจำตัว 8-1032-xxxxx-xx-x และมีทะเบียนบ้านอยู่ในเขตประเวศ กรุงเทพฯ) โดยคาดว่าจะจำหน่ายชื่อในทะเบียนบ้านได้ในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 และจะทำให้บุคคลดังกล่าวมีสถานะ “เป็นคนต่างด้าวที่ไม่มีสิทธิอาศัยในประเทศไทย”
2. บุตรของนายก๊อกอัน (KOK AN) บุคคลสัญชาติกัมพูชา จำนวน 3 ราย ได้แก่ 1) น.ส.จุรี คล่องกิจกล , 2) น.ส.ภูเฌอหลิน คล่องกิจกล (ยุไล่) และ 3. นายกิตติศักดิ์ คล่องกิจกล ได้ตรวจสอบพบว่าได้สัญชาติไทยโดยทุจริตเนื่องจากได้แอบอ้างนำคนสัญชาติไทย ซึ่งไม่ใช่บิดามารดาที่แท้จริง มาระบุว่าเป็นบิดามารดาของตน ในขณะที่ได้มีการแจ้งการเกิดเกินกำหนด ณ สำนักทะเบียนอำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด จึงถือว่าบุคคลดังกล่าว ทั้ง 3 ราย ไม่มีสัญชาติไทยตั้งแต่แรก โดยมีการยกเลิกสูติบัตรที่ได้มีการแจ้งการเกิดโดยทุจริต และสำนักทะเบียนกลางได้แจ้งให้สำนักงานเขตประเวศ กรุงเทพฯ ดำเนินการจำหน่ายชื่อของบุคคลดังกล่าวออกจากทะเบียนบ้านด้วยแล้ว เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 (น.ส.จุรี คล่องกิจกล มีเลขประจำตัว 2-4507-xxxxx-xx-x , 2) น.ส.ภูเฌอหลิน คล่องกิจกล (ยุไล่) มีเลขประจำตัว 2-4507-xxxxxx-xx-x และ 3. นายกิตติศักดิ์ คล่องกิจกล มีเลขประจำตัว 2-4507-xxxxx-x และมีทะเบียนบ้านอยู่ในเขตประเวศ กรุงเทพฯ) โดยปัจจุบันบุคคลทั้ง 3 ราย ถือว่า "เป็นคนต่างด้าวที่ไม่มีสิทธิอยู่ในประเทศไทย" และจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายจากผลที่ได้มีการแจ้งการเกิดโดยทุจริตต่อไป
กรมการปกครอง ยังยืนยันด้วยว่า การได้สัญชาติไทย และการได้ใบสำคัญถิ่นที่อยู่เป็นการก่อให้เกิดสิทธิความเป็นพลเมืองไทย หากมีบุคคลต่างด้าวแฝงตัวเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมายและได้รับสิทธิดังกล่าวแล้วจะทำให้ประชาชนคนไทยเกิดความเดือดร้อนได้ โดยนโยบายของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยได้มุ่งเน้นปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติทุกรูปแบบ หากมีบุคคลได้สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ หรือได้สัญชาติไทยภายหลังการเกิด พบว่ามีพฤติกรรมที่มีการกระทำความผิดในเงื่อนไขที่สามารถถอนสัญชาติไทยได้ ถือว่าเป็นบุคคลที่ทำร้ายคนไทยไม่ควรมีสัญชาติไทยต่อไป และจะพิจารณาถอนสัญชาติโดยเด็ดขาดทุกกรณี
