
"...ในบันทึกข้อความดังกล่าว จะเห็นว่าที่จเรตำรวจเรียกสอบ พ.ต.ท.พิเชษฐ์ไชย พนักงานสอบสวนเองก็ยอมรับ และมีการเซ็นต์ทั้งสามคน ได้ทำบันทึกกันไว้เมื่อ 3 มีนาคม 2567 และจเรตำรวจได้นำเข้าสำนวนการสอบสวน จึงทำให้จเรตำรวจ มีมติเป็นเอกฉันท์ ว่าพนักงานสอบสวนของ สภ.เมืองสงขลา และ ของ สภ.หาดใหญ่ ผิด ส่วน พ.ต.ต.ประชิต และ ร.ต.อ.นวพล นั้นไม่ผิด..."
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : จากกรณีปรากฎข่าวตำรวจ 2 นาย คือ พ.ต.ต.ประชิต ทิพมณี ผู้กล่าวหา และ ร.ต.อ.นวพล ลื่อดิลกวัฒนา พยาน ไปกลับคำให้การ จนกระทั่งนายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.)พรรคกล้าธรรมไม่ถูกดำเนินคดีเว็บพนันออนไลน์ นั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบบันทึกสำคัญที่จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) เรียกสอบจากพนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวน ของ สภ.เมืองสงขลา ที่ทำไว้กับ ชุดจับ 2 คนตามที่เป็นข่าว จึงทำให้จเรตำรวจฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ ว่าพนักงานสอบสวนของ สภ.เมืองสงขลา และ ของ สภ.หาดใหญ่ ผิด เเต่ตำรวจสองคน (ประชิตเเละนวพล) นั้นไม่ผิด
บันทึกดังกล่าวลงวันที่ วันที่ 3 มีนาคม 2567 ความว่า กรณีที่มีการสอบสวน พ.ต.ท.ประชิตฯ ผู้กล่าวหาและ ร.ต.อ.นวพลฯ พยานใน คดีอาญาที่ 352 ลงวันที่ 24 ก.พ.25 ของ สภ.เมืองสงขลา
คดีระหว่าง พ.ต.ต.ประชิต ผู้กล่าวหา กับ ผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก ในข้อหา ร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ " นั้น ด้วย พนักงานสอบสวน ได้รับการร้องเรียน(ด้วยวาจา) จากทนายความของ ผู้ต้องหาที่ 1 ว่า ตนเองไม่ได้เป็นผู้กระทำ ความผิด เจ้าของเว็บพนันคือ นายพชร สุพัฒนกุล ผู้ต้องหาที่ 2 จึงร้องขอให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องและให้สอบปากคำผู้กล่าวหาและพยานจับกุมเพิ่มเติม เพื่อให้ยืนยันในประเด็นก่อนและหลังการจับกุม
ต่อมา ในวันที่ 24 มิถุนายน 2565 พ.ต.ท.พิเชษฐ์ไชย หนูผุด รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.เมือง สงขลา พนักงานสอบสวน ได้รับคำสั่งให้ดำเนินการ จึงได้ติดต่อประสานงาน เจ้าหน้าที่ชุด ปฏิบัติการฝ่ายสอบสวน (ศปอส.ตร.) ชป.ที่ 4 เพื่อให้ช่วยนัดหมายกับผู้กล่าวหาและพยานให้เดินทางมาให้การเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองสงขลา แต่ทั้งสองไม่สะดวกเดินทางมาให้การ เนื่องจาก พ.ต.ต.ประชิตติดราชการ ส่วน ร.ต.อ.นวพล ติดอบรม ประกอบกับระยะทางไกล พนักงาน สอบสวน จึงนัดหมายคนทั้งสองว่า วันที่ 30 มิถุนายน 2565 พนักงานสอบสวน จะเดินทางไปราชการที่รัฐสภาเพื่อชี้เเจงต่อคณะกรรมาธิการในเรื่องคดีอื่น จึงขอนัดสอบปากคำบุคคลทั้งสองเพิ่มเติมในประเด็นดังกล่าว โดยนัดหมายกันที่ บก.น.7 ช่วงเวลาประมาณ 16.30 น. เนื่องจากเป็นจุดที่ใกล้กับสถานที่อบรมของ ร.ต.อ.นวพล ซึ่งอบรมที่ศาลายา อ.พุทธมณฑล และ ใกล้บ้านพักของ พ.ต.ต.ประชิต
โดยให้ พ.ต.ต.ประชิตจัดเตรียมคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค และเครื่องปริ้นเตอร์ไว้ให้ด้วย ซึ่งก่อนออกเดินทางพนักงานสอบสวนได้ร่างคำให้การในการสอบเพิ่มเติม บันทึกเป็นไฟล์ PDF ใส่ไว้ในแฟลชไดร์ฟ ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2565 ซึ่งเป็นวันที่ติดต่อประสานงาน
ต่อมาวันที่ 30 มิถุนายน 2565 พนักงานสอบสวน เดินทางมาที่กรุงเทพฯ เเละเสร็จสิ้นภารกิจที่รัฐสภาเวลาประมาณ 16.30 น. จากนั้นเดินทางไปที่ บก.น.7 ไปถึงเวลาประมาณ 17.30 น.ซึ่งเป็นเวลาปิดทำการ พบบุคคลทั้งสองนายมารออยู่ที่ลานจอดรถ ด้วยความรีบเร่งที่จะไม่ทันเครื่องเที่ยวบินเวลา 20.00น.ต้องเช็คอินภายในเวลา 18.30 น. พนักงานสอบสวนจึงรีบสอบปากคำเพิ่มเติมตามไฟล์เอกสารที่เตรียมมา โดยสอบถามผู้กล่าวหา และพยานในประเด็นเดียวกันสามประเด็น ดังนี้
ในประเด็นที่ต้องการทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ และขณะเกิดเหตุที่เข้าตรวจค้นจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาในคดีนี้ พบตัวนายชนนพัฒน์ ผู้ต้องหาที่ 1 อยู่ในที่เกิดเหตุหรือไม่ และประเด็นคำถามเกี่ยวกับการใช้รูปโปรไฟล์ในเเอพพลิเคชั่นไลน์ในเครื่องโทรศัพท์ของกลางที่ตรวจยึดมาภายหลังหลังการจับกุม เพื่อตรวจสอบยืนยันตัวบุคคลเป็นรูปโปรไฟล์ของนายชนนพัฒน์ ผู้ต้องหาที่ 1 หรือไม่ เพื่อให้ข้อเท็จจริงตามที่ผู้ต้องหาที่ 1 ร้องขอความเป็นธรรมว่าตนเองไม่ได้อยู่ที่เกิดเหตุขณะที่เข้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเข้าทำการตรวจค้นบ้านที่เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 และไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด
ส่วนเนื้อหาคำถาม ในคำให้การเพิ่มเติมลงวันที่ 24 มิถุนายน 2565 นั้น พนักงานสอบสวนได้แยกเป็นสามคำถามเพื่อให้เกิดความชัดเจน ประเด็นสั้นๆ ดังนี้
ข้อที่ 1.ต้องการทราบว่า จากการสืบสวนก่อนเกิดเหตุ และขณะเกิดเหตุที่เข้าตรวจค้น บ้านเป้าหมาย (7 กุมภาพันธ์ 2565) ผู้กล่าวหา และพยานเคยพบตัวนายชนนพัฒน์ ผู้ต้องหาที่ 1 มาก่อนหรือไม่ และในวันตรวจค้นจับกุมกลุ่มผู้ต้องหารายอื่นๆ ได้มีการจับกุมผู้ต้องหาที่ 1 ด้วยหรือไม่ ผู้ต้องหาที่ 1 มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหายอื่นๆที่ถูกจับวันตรวจค้นหรือไม่
ข้อที่ 2. ต้องการทราบว่าตาม ผลการตรวจโทรศัพย์ของกลางซึ่งมีการสนทนาของกลุ่มผู้ต้องหา และบุคคล อยากทราบว่ารูปโปรไฟล์ ที่ปรากฏชื่อ Powerinkrit ภายหลังการจับกุมยังเป็นของผู้ต้องหาที่ 1 หรือไม่ หรือของใคร
ข้อที่ 3.ขณะเข้าตรวจค้นและจับกุมกลุ่มผู้ต้องหารายอื่นๆ เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 นายชนนพัฒน์ อยู่ในที่เกิดเหตุ และมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหารายอื่นๆที่ถูกจับกุมในวันตรวจค้นจับกุมหรือไม่อย่างไร
โดยใช้เวลาสอบปากคำสั้นๆ ประมาณ 10-15 นาที ด้วยความเร่งรีบพนักงานสอบสวนกลัวจะตกเครื่องจึงไม่ได้แก้ประโยคคำถามที่เคยร่างใส่แฟลชไดร์ฟ ไว้เมื่อวันที่24 มิถุนายน 2565 จึงพิมพ์เฉพาะคำตอบของผู้กล่าวหา และพยานที่ให้การเพิ่มเติมใส่ลงไป
เมื่อสอบปากคำเสร็จ จึงได้ปริ๊นคำให้การให้ผู้กล่าวหาและพยานลงชื่อ ด้วยความรีบเร่ง แล้วแยกย้ายกันเดินทางกลับ
สำหรับประเด็นคำถามที่พนักงานสอบสวนต้องการสอบปากคำผู้กล่าวหาและพยานเพิ่มเติมที่แท้จริง คือเป็นไปตามประเด็นคำถามที่มาสอบปากคำผู้กล่าวหา และพยานเพิ่มเติมที่ บก.น.7 ) วันที่ 30 มิถุนายน 2565 คือ ต้องการทราบว่า จากการสืบสวนก่อนก่อนเกิดเหตุ และขณะเกิดเหตุที่เข้าตรวจ ค้นบ้านเป้าหมาย ผู้กล่าวหา และพยานเคยพบตัวนายชนนพัฒน์ มาก่อนหรือไม่ และในวันตรวจค้นจับกุมกลุ่มผู้ต้องหารายอื่นๆ ได้มีการจับกุมผู้ต้องหาที่ 1 ด้วยหรือไม่ ,ต้องการทราบว่า ผลการตรวจโทรศัพท์ของกลาง ซึ่งมีการสนทนาของกลุ่มผู้ต้องหา และบุคคล อยากทราบว่า ภายหลังการจับกุมรูปโปรไฟล์ ที่ปรากฏชื่อ Powerinkrit เป็นของผู้ต้องหาที่ 1 หรือไม่ ,ต้องการ ทราบว่าขณะเข้าตรวจค้นและจับกุมกลุ่มผู้ต้องหารายอื่นๆ เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565
ผู้ต้องหาที่ 1 อยู่ในที่เกิดเหตุ และมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหารายอื่นๆที่ถูกขับกุมในวันตรวจค้นจับครั้งนั้นหรือไม่ ซึ่งเมื่อพนักงานสอบสวนถามปากเปล่าเสร็จ ก็จะพิมพ์ปรับคำให้การเพิ่มเติมตามที่ร่างไว้เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2565 ก่อนเดินทางมาสอบในวันที่ 30 มิถุนายน 2565 เเละไฟล์คำให้การที่พนักงานสอบสวนร่างเมื่อมาเปิดเพื่อแก้ไขข้อความในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ฝ่ายพยานจัดเตรียมไว้
พบว่า“มีความผิดเพี้ยนของข้อความ” ทำให้ต้องมีการแก้ไขโดยวิธีการคัดลอกข้อความแต่ละประโยคมาวางไว้ในไฟล์ใหม่ ทำให้ตามข้อความขาดหายไป จึงไม่ได้ปรับแก้ไขให้ตรงกันเพราะเห็นว่าน่าจะเป็นประเด็นเดียวกันที่พนักงานสอบสวนต้องการทราบตามคำร้องขอความเป็นธรรมของผู้ต้องหาที่ 1 คือประด็นที่ผู้ต้องหาที่ 1 ไม่ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุตอนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหารายอื่น ๆ เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565
ประกอบกับด้วยความรีบเร่งที่จะต้องเดินทางไปเช็คอินที่สนามบินดอนเมืองเดินทางกลับจังหวัดสงขลา ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาช่วงเย็นรถเริ่มติด เกรงว่าจะตกเครื่อง จึงไม่ได้แก้ไขคำถามที่ร่างใส่แฟลชไดร์ฟ ไว้เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2565 ให้ตรงประเด็นในเรื่องที่ต้องการถามต่อหน้าผู้กล่าวหาและ พยานเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน เพื่อทราบประเด็นดังกล่าว คือ จุดประสงค์ที่แท้จริงในการสอบสวนเพิ่มเติม
ในการสอบปากคำ พ.ต.ต.ประชิต ผู้กล่าวหา กับ ร.ต.อ.นวพลพยาน เพิ่มเติมตามบันทึกคำ ให้การเพิ่มเติมลงวันที่ 24 มิถุนายน 2565 ก่อนถามคำให้การเพิ่มเติม ผู้กล่าวหาให้การยืนยันคำให้การเดิมที่เคยให้ไว้ต่อพนักงานสอบสวนก่อนหน้านี้ เนื่องจากด้วยความยุ่งยากในการปรับแก้ไฟล์คำให้การที่กล่าวมาแล้วข้างต้น และความรีบเร่งที่ต้องรีบเดินทางไปขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง เพื่อเดินทางกลับ จึงทำให้พนักงานสอบสวนหลงลืมพิมพ์คำถามยืนยันคำให้การเดิมที่เคยให้ไว้ต่อพนักงานสอบสวก่อนหน้านี้ ในบันทึกคำให้การเพิ่มเติมตอบประเด็นดังกล่าว
ลงชื่อ พ.ต.ต.ประชิต ทิพมณี ผู้กล่าวหา และ ร.ต.อ.นวพล ลื่อดิลกวัฒนา พ.ต.ท.พิเชษฐ์ไชย หนูผุด รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมือง สงขลา (ดูเอกสารประกอบ)



ทั้งนี้ ในบันทึกข้อความดังกล่าว จะเห็นว่าที่จเรตำรวจเรียกสอบ พ.ต.ท.พิเชษฐ์ไชย พนักงานสอบสวนเองก็ยอมรับ และมีการเซ็นต์ทั้งสามคน ได้ทำบันทึกกันไว้เมื่อ 3 มีนาคม 2567 และจเรตำรวจได้นำเข้าสำนวนการสอบสวน จึงทำให้จเรตำรวจ มีมติเป็นเอกฉันท์ ว่าพนักงานสอบสวนของ สภ.เมืองสงขลา และ ของ สภ.หาดใหญ่ ผิด
ส่วน พ.ต.ต.ประชิต และ ร.ต.อ.นวพล นั้นไม่ผิด
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลที่ พ.ต.ต.ประชิต และ ร.ต.อ.นวพล ไปให้การที่ สภ.หาดใหญ่ ขยายความสิ่งที่ให้การที่ สภ.เมืองสงขลา
แต่พนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ไม่พิจารณาคำให้การเเต่กลับเอาข้อมูล สภ.เมืองสงขลา มาหักสั่งไม่ฟ้อง นายชนนพัฒฐ์
อ่านประกอบ :
- เปิดคำสั่ง อสส.สอบเพิ่ม 8 ประเด็นตั้งแต่ปี 67หลังพบพิรุธ คดี 'ชนนพัฒฐ์'เอี่ยวเว็บพนัน
- ปปง.อายัดทรัพย์ สส. ‘ชนนพัฒฐ์’ พรรคกล้าธรรม กับพวก 159 ล้าน เหตุเอี่ยว 3 เว็บพนัน
