
ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา 'ลำพอง นามพันธ์' อดีตนายก อบต.พิมลราช นนทบุรี เบิกจ่ายเงินค่าจ้าง-วัสดุครุภัณฑ์โครงการแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อผู้รับเงินตามเช็คโดยมิชอบ ล่าสุด ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำคุก 30 ปี หลังก่อนหน้านี้ โดน 6 ปี ได้รอลงอาญา พวกอีก 2 ราย เจอคนละ 50 ปี
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายลำพอง นามพันธ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) พิมลราช อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี กับพวก คือ นายวิรัติ ปีดแก้ว นางสาวจรรยา ชาญวิชัย เบิกจ่ายเงินค่าจ้างและค่าวัสดุครุภัณฑ์โครงการต่างๆ และแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อผู้รับเงินตามเช็คโดยมิชอบ ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 151, 157 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1
จากเดิมมีคำพิพากษา ดังนี้
1. นายลำพอง นามพันธ์ จำเลยที่ 1 นายวิรัติ ปีดแก้ว จำเลยที่ 2 และนางสาวจรรยา ชาญวิชัย จำเลยที่ 3 มีความผิดตามกฏหมาย
ลงโทษจำคุก นายลำพอง นามพันธ์ จำเลยที่ 1 จำนวน 6 กระทง รวม 6 ปี ปรับ 30,000 บาท
ลงโทษจำคุก นายวิรัติ ปีดแก้ว จำเลยที่ 2 มีกำหนด 26 ปี
ลงโทษจำคุก นางสาวจรรยา ชาญวิชัย จำเลยที่ 3 มีกำหนด 10 ปี และปรับ 50,000 บาท
2. รอลงอาญาโทษจำคุก นายลำพอง นามพันธ์ จำเลยที่ 1 และ นางสาวจรรยา ชาญวิชัย จำเลยที่ 3 ไว้มีกำหนด 2 ปี
แก้เป็น
จำเลยทั้งสามมีความผิดตามมาตรา 151 (เดิม), 83 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จำคุก กระทงละ 5 ปี
จำเลยที่ 1 รวม 6 กระทง จำคุก 30 ปี
จำเลยที่ 2 และที่ 3 รวม 10 กระทง จำคุกคนละ 50 ปี ไม่ลงโทษปรับและไม่รอการลงโทษ จำเลยที่ 1 และ ที่ 3 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมลงมติเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2568 มีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) หารือไม่ฏีกาคำพิพากษา
สำหรับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท

