ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 2 พิพากษายกฟ้อง ‘บังอร วิลาวัลย์’ นายก อบจ.ปราจีนบุรี-พวกรวม 21 ราย คดีฮั้วเอกชนก่อสร้างงานซ่อมแซมถนน-สะพาน-ขุดลอกคูคลอง 15 โครงการ 52.5 ล. เรียกรับเงิน 8-9% จากราคากลางให้ลูกน้องกีดกันรายอื่น
สำนักข่าวอิศรา (wwwisranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ย.2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 มีคำพิพากษายกฟ้อง นางบังอร วิลาวัลย์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปราจีนบุรี กับพวกรวม 21 คน ในคดีกล่าวหากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างขององค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี จำนวน 15 โครงการ ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดในช่วงปี 2563 และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด (อสส.) ฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย แต่อสส.มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ป.ป.ช.ต้องฟ้องคดีเอง
เบื้องต้น ยังไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุผลในการยกฟ้องคดีนี้ ของ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2
สำหรับข้อมูลคดีนี้ ป.ป.ช.เคยแถลงข่าวระบุว่า เมื่อปี พ.ศ. 2555 ขณะ นางบังอร วิลาวัลย์ ดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี (เป็นน้องสาวนายสุนทร วิลาวัลย์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข) ได้ประกาศประมูลจ้างเหมาก่อสร้างและซ่อมแซมถนน งานซ่อมแซมคอสะพาน งานขุดลอกคลอง ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 15 โครงการ วงเงิน 52,522,000 บาท นางบังอร วิลาวัลย์ ได้จัดประชุมนอกรอบโดยเรียกรองนายก อบจ.ปราจีนบุรี เลขานุการนายก อบจ.ปราจีนบุรี และสมาชิกสภา อบจ.ปราจีนบุรี เพื่อแจ้งให้ทราบว่าแต่ละอำเภอจะได้โครงการก่อสร้างในเขตพื้นที่กี่โครงการ โครงการอะไรบ้าง
ต่อมานางบังอร ได้มอบหมายตัวแทนไปประชุมกับตัวแทนผู้รับเหมาในเขตพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีเพื่อตกลงแบ่งงานโครงการก่อสร้างทั้ง 15 โครงการ ให้กับผู้รับเหมาก่อสร้าง และเมื่อจัดสรรงานให้กับผู้รับเหมาก่อสร้างรายใดแล้ว ผู้รับเหมาก่อสร้างต้องจ่ายเงินค่าฮั้วประมูลเป็นเงิน 8 - 9 เปอร์เซ็นต์ของราคากลาง จึงจะสามารถซื้อเอกสารประมูลการจ้าง ยื่นเอกสารประมูลจ้าง และได้เป็นผู้ชนะการประมูลทำสัญญาจ้างกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรีได้ โดยนางบังอร วิลาวัลย์ ได้มอบหมายให้นายสถิต เนมียะ เลขานุการนายก อบจ.ปราจีนบุรี เป็นผู้รับเงินค่าฮั้วงานทั้ง 15 โครงการดังกล่าว
ต่อมาในระหว่างวันที่ 5 - 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ซึ่งเป็นวันเวลาราชการที่มีการขายเอกสารประมูลจ้างทั้ง 15 โครงการดังกล่าว นายเต็มพงษ์ ฤทธิ์เดช สมาชิกสภา อบจ.ปราจีนบุรีกับพวก ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการขายเอกสารประมูลจ้างได้แยกย้ายกันอยู่โดยรอบสำนักงาน อบจ.ปราจีนบุรี และห้องขายเอกสารประมูลจ้าง โดยแบ่งหน้าที่กันทำเพื่อคอยกีดกันขัดขวางไม่ให้ผู้ที่สนใจ เข้าซื้อเอกสารประมูลจ้างได้ รวมทั้งเสนอให้รับเงินตอบแทนเป็นค่าใช้จ่ายแล้วไม่ต้องเข้าซื้อเอกสารประกวดราคาจนทำให้ผู้รับเหมาก่อสร้างรายอื่นต้องตกลงยินยอมจะรับเงินโอนเข้าบัญชีเป็นค่าใช้จ่ายแล้วก็กลับออกไปโดยไม่ซื้อเอกสารประกวดราคา
ผลจากการกีดกันขัดขวางการเข้าซื้อเอกสารประกวดราคาดังกล่าว ทำให้มีผู้เข้าซื้อเอกสารประกวดราคาจำนวนไม่กี่ราย โดยทั้ง 15 โครงการจะมี ห้างหุ้นส่วนจำกัด จำนวน 2 ห้าง ซื้อเอกสารทุกโครงการ ในลักษณะเป็นเพียงคู่เทียบเสนอราคา และในแต่ละโครงการจะมีผู้รับเหมาก่อสร้างอีกหนึ่งรายที่จะซื้อเอกสารประกวดราคาเพียง 1 – 3 โครงการ ในวันที่กำหนดให้ผู้ซื้อเอกสารประมูลจ้างทั้ง 15 โครงการ มาดูสถานที่ตามโครงการและรับฟังคำชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติม แต่ไม่ปรากฏว่าผู้ซื้อเอกสารทั้ง 15 โครงการ ได้มาดูสถานที่ตามที่กำหนดในเงื่อนไขในประกาศ อบจ.ปราจีนบุรีแต่อย่างใด
ต่อมาในวันที่ 29 และวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ได้มีการเสนอราคาแข่งขันกันด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ปรากฏว่าผู้เสนอราคาได้มีการเสนอราคากันเพียงครั้งเดียว โดยไม่มีการเสนอราคาแข่งขันกันตามปกติวิสัยของวิญญูชนทั่วไปที่ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้างที่มุ่งหวังในการชนะการแข่งขันเสนอราคา โดยห้างหุ้นส่วนจำกัดทั้ง 2 รายที่ซื้อเอกสารประมูลจ้างและเข้าร่วมแข่งขันเสนอราคาทั้ง 15 โครงการ ไม่ชนะการเสนอราคาทั้ง 15 โครงการ แต่จะมีผู้รับเหมารายที่ตกลงไว้ที่ซื้อเอกสารประกวดราคาเพียง 1 - 3 โครงการ เป็นผู้ชนะการเสนอราคา โดยหากซื้อโครงการใดก็จะเป็นผู้ชนะการเสนอราคาโครงการนั้น
ต่อมานายศิริศักดิ์ พลากุลมณฑล รองนายก อบจ.ปราจีนบุรี ปฏิบัติราชการแทนนายก อบจ.ปราจีนบุรี ได้ลงนามอนุมัติให้มีการสั่งจ้างในวันที่เสนอรายงานผลการพิจารณาประกวดราคา จากนั้นได้เรียกผู้ชนะการเสนอราคามาทำสัญญาจ้างกับ อบจ.ปราจีนบุรี ระหว่างการขายเอกสารประกวดราคา
เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ตำรวจภูธรภาค 2 ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบร่วมกับตัวแทนห้างหุ้นส่วนจำกัดแห่งหนึ่ง เข้าซื้อเอกสารประมูลงานก่อสร้าง 15 โครงการดังกล่าว แต่กลับถูกนายเต็มพงษ์ ฤทธิ์เดช กับพวก ขัดขวางมิให้เข้าซื้อเอกสาร โดยนายเต็มพงษ์ ฤทธิ์เดช ได้เสนอเงินให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบเพื่อมิให้เข้าซื้อเอกสารประมูลงาน เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบไม่สามารถซื้อเอกสารประมูลงานได้ ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน และขอออกหมายจับนายเต็มพงษ์ ฤทธิ์เดช กับพวก ในความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 และตำรวจภูธรภาค 2 ได้มีหนังสือถึงนายก อบจ.ปราจีนบุรี แจ้งว่าในการขายเอกสารประกวดราคามีการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 องค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี จึงได้มีหนังสือไปยังผู้รับจ้างทั้ง 15 โครงการ บอกเลิกสัญญาจ้าง
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วมีมติว่า การกระทำของนางบังอร วิลาวัลย์ มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน เรียกรับทรัพย์สิน สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้หรือกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และมีมูลความผิดฐานปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 79
การกระทำของนายศิริศักดิ์ พลากุลมณฑล มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และมีมูลความผิด ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 79
การกระทำของนายสถิตย์ เนมียะ มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 และตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 5 วรรคสอง และมาตรา 12
การกระทำของห้างหุ้นส่วนจำกัดและหุ้นส่วนผู้จัดการ ที่ตกลงร่วมกันในการเสนอราคา จำนวนรวม 19 ราย มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542
ให้ส่งรายงาน ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับผู้ถูกกล่าวหา และไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน เพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ
ก่อนที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 จะมีคำพิพากษายกฟ้อง นางบังอร วิลาวัลย์ อดีตนายก อบจ.ปราจีนบุรี กับพวกรวม 21 คน ดังกล่าว