
ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา 'เสฏฐา กันภัย' อดีตรองปลัด อบต.ฝางคำ อุบลฯ แบ่งซื้อผ้าห่มกันหนาวเอื้อผู้ขาย ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 3 พิพากษาลงโทษจำคุก 1 ปี พวก 2 ราย โดนคนละ 3 ปี 4 เดือน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายบุญมี พิกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ฝางคำ อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี กับพวก จัดซื้อผ้าห่มกันหนาวปีงบประมาณ 2557 มีลักษณะเป็นการแบ่งซื้อแบ่งจ้างและเอื้อประโยชน์แก่ผู้ขายบางราย ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 , 157 และ 162 (1) , (4) พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 ประกอบ พ.ร.ป. ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 มาตรา 192 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) มาตรา 12 ประกอบ ป.อ. มาตรา 86 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา
โดยปรากฏชื่อ นายเสฏฐา กันภัย (เคยมีตำแหน่งเป็นรองปลัด อบต.ฝางคำ) เป็นจำเลยที่ 1 นายชวลิต ชัชวาลมงคล จำเลยที่ 2 และนางสาวกนกวรรณ ชูสกุล จำเลยที่ 3
ส่วนนายบุญมี พิกุล ไม่ได้ปรากฏชื่อเป็นจำเลยในคดีนี้ด้วย
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2567 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 มีคำพิพากษา ดังนี้
1. นายเสฏฐา กันภัย จำเลยที่ 1 นายชวลิต ชัชวาลมงคล จำเลยที่ 2 และนางสาวกนกวรรณ ชูสกุล จำเลยที่ 3 มีความผิดตามกฏหมาย
2. นายเสฏฐา กันภัย ลงโทษจำคุก 1 ปี
3. นายชวลิต ชัชวาลมงคล และนางสาวกนกวรรณ ชูสกุล ลงโทษจำคุกคนละ 3 ปี 4 เดือน นับโทษต่อคดีเก่าของศาลนี้ด้วย
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมลงมติเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 เห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษา
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐเทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

