
"...นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา ยังมีพฤติการณ์รับเงินจากข้าราชการซึ่งทำหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์สาขา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการพัฒนาการอนุรักษ์ต้นน้ำ ผู้อำนวยการส่วนควบคุมและปฏิบัติการไฟป่า และหัวหน้าอุทยานแห่งชาติจำนวน 8 ราย ๆ ละ 10,000 –100,000 บาท รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 350,000 บาท เพื่อเป็นการตอบแทนการให้ความช่วยเหลือ ดูแล สนับสนุนเกี่ยวกับการในหน้าที่ราชการและความก้าวหน้าในตำแหน่งราชการ รวมถึงการไม่มีคำสั่งย้ายหรือเปลี่ยนแปลงตำแหน่งที่ผู้นั้นทำหน้าที่อยู่..."
คดีกล่าวหา นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด พร้อมกับพวก กรณีเรียกรับเงินจากหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดเพื่อมิให้ถูกโยกย้ายตำแหน่งและเก็บเงินรายเดือนที่ได้รับการจัดสรรจากหมวดงบประมาณต่าง ๆ พร้อมให้ส่งสำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) ตั้งแต่ช่วงเดือน ส.ค.2566 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากในวันที่ 27 ธ.ค. 2565 กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้ร่วมกันจับกุมนายรัชฎา พร้อมของกลางเป็นธนบัตรรัฐบาลไทยชนิดใบละ 1,000 บาท จำนวน 98 ฉบับ เป็นเงินจำนวน 98,000 บาท และซองสีขาวจำนวน 3 ซอง
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เคยนำเสนอข้อมูลเบื้องต้น เกี่ยวกับมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด นายรัชฎา และพวก ในคดีนี้ให้สาธารณชนได้รับทราบไปแล้ว แต่ยังไม่มีรายละเอียดพฤติการณ์การกระทำความผิดเป็นทางการ

- 'รัชฎา' โดนพร้อมพวก 7 ราย! ล้วงมติ ป.ป.ช.ชี้มูลคดีเรียกสินบน - ขอศาลริบเงินของกลาง
- คดี 'รัชฎา' เรียกสินบนชะงัก! อสส.แจ้งข้อไม่สมบูรณ์ตีกลับ2 สำนวน ตั้งคณะทำงานร่วม ป.ป.ช.
ต่อไปนี้เป็นรายละเอียดมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดคดีนี้ ทั้งหมด ที่สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบล่าสุด
@ ข้อกล่าวหาเป็นทางการ
คดีนี้ เป็นกรณีกล่าวหา นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กับพวก เรียกรับเงินจากหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดเพื่อมิให้ถูกโยกย้ายตำแหน่ง และเก็บเงินรายเดือนที่ได้รับการจัดสรรจากหมวดงบประมาณต่าง ๆ
@ พฤติการณ์การกระทำความผิด
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 หลังจากดำรงตำแหน่งได้เพียง 2วัน ได้ลงนามในบันทึกข้อความ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ ทส 0901.304/ว 3952 ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 เรื่อง ซักซ้อมแนวทางปฏิบัติการมอบหมายให้ข้าราชการไปปฏิบัติราชการ แจ้งเวียนไปยังหัวหน้าหน่วยงานในสังกัด และอาศัยแนวทางปฏิบัติตามบันทึกฉบับดังกล่าว ลงนามในคำสั่งให้ข้าราชการไปปฏิบัติราชการจำนวนมาก
จนถึงวันที่ 26 ธันวาคม 2565 ก่อนถูกจับกุม นับรวมจำนวน 255 คำสั่ง รวมจำนวนข้าราชการที่ถูกโยกย้ายทั้งสิ้น 1,293 ราย
นอกจากนี้ในช่วงเวลาดังกล่าวยังได้มีการแจ้งนโยบายจากนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา ไปยังผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า และหัวหน้าหน่วยงานภาคสนามในสังกัดที่เกี่ยวข้อง ว่าจะเรียกเก็บเงินเปอร์เซ็นต์เป็นรายเดือนจากงบประมาณในหมวดงบค่าดำเนินงานและค่าใช้สอยของหน่วยงานภาคสนามแต่ละแห่ง ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565เป็นต้นไป
จากแนวทางปฏิบัติการมอบหมายให้ข้าราชการไปปฏิบัติราชการและนโยบายการเรียกเก็บเงินเปอร์เซ็นต์เป็นเหตุให้ข้าราชการในสังกัดเกิดความเกรงกลัวว่าจะต้องถูกโยกย้ายออกจากตำแหน่ง จึงจำยอมต้องจ่ายเงินรายเดือนให้กับ นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา
ในเดือนตุลาคม 2565 และเดือนพฤศจิกายน 2565 มีการรวบรวมเงินจากการเรียกเก็บเงินเปอร์เซ็นต์รายเดือนให้กับนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา ดังนี้
1. สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) โดยนายอัมพร ทองมี ผู้อำนวยการส่วนจัดการต้นน้ำได้รวบรวมเงินรายเดือนจากหัวหน้าหน่วยจัดการต้นน้ำและหัวหน้าหน่วยอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำ รายละ 28,000 บาท รวมกับเงินของนายอัมพร ทองมี จำนวน 60,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,600,000 บาท และนายพงศ์ภาวัต ใหญ่วงศ์กรณ์ ผู้อำนวยการส่วนควบคุมและปฏิบัติการไฟป่า ได้รวบรวมเงินรายเดือนในอัตราร้อยละ 5 ของงบประมาณค่าใช้จ่ายจากหัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่า รายละ 13,700 บาท เป็นเงินรวม 232,900 บาท รวมกับเงินของนายพงศ์ภาวัต ใหญ่วงศ์กรณ์จำนวน 29,100 บาท และหัวหน้าอุทยานแห่งชาติ จำนวน 14 ราย ได้จ่ายเงินรายเดือนรายละ 25,000 – 50,000 บาท รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 400,000 บาท มอบให้ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) เพื่อนำไปให้นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา
2. สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (ลำปาง) โดยส่วนประสานโครงการพระราชดำริและกิจการพิเศษได้จ่ายเงินที่ถูกเรียกรับรายเดือนในอัตราร้อยละ 7 ของงบประมาณค่าใช้จ่าย รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 81,300 บาท
นอกจากนี้ นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา ยังมีพฤติการณ์รับเงินจากข้าราชการซึ่งทำหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์สาขา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการพัฒนาการอนุรักษ์ต้นน้ำ ผู้อำนวยการส่วนควบคุมและปฏิบัติการไฟป่า และหัวหน้าอุทยานแห่งชาติจำนวน 8 ราย ๆ ละ 10,000 –100,000 บาท รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 350,000 บาท เพื่อเป็นการตอบแทนการให้ความช่วยเหลือ ดูแล สนับสนุนเกี่ยวกับการในหน้าที่ราชการและความก้าวหน้าในตำแหน่งราชการ รวมถึงการไม่มีคำสั่งย้ายหรือเปลี่ยนแปลงตำแหน่งที่ผู้นั้นทำหน้าที่อยู่
@ มติคณะกรรมการ ป.ป.ช.
1. การกระทำของนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 91และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 มาตรา 173และมาตรา 128 ประกอบมาตรา 169และประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าพนักงานของรัฐ พ.ศ. 2563 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
2. การกระทำของนายอัมพร ทองมี และนายพงศ์ภาวัต ใหญ่วงศ์กรณ์ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 และมาตรา 144 ประกอบมาตรา 91 มาตรา 149 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 และมาตรา 91 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 และมาตรา 173 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และมาตรา 91 มาตรา 175 และมาตรา 176 วรรคหนึ่งประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
3. การกระทำของของผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์สาขา ผู้อำนวยการส่วน และหัวหน้าหน่วยงาน ที่ให้เงินแก่นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา หรือช่วยเหลือให้ความสะดวก ในการนำเงินไปให้นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 176วรรคหนึ่ง และฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิด และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงตามพฤติการณ์แห่งกรณี
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี รวมทั้งขอให้ศาลมีคำสั่งริบทรัพย์สินที่ได้มาโดยการกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐานและคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณีต่อไป
อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับความคืบหน้าคดีนี้ ในช่วงเดือนกันยายน 2567 ที่ผ่านมา สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลจากแหล่งข่าวสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ว่า เกี่ยวกับคดีนี้ อสส.ได้มีการพิจารณาสำนวนไต่สวนคดี ที่ ป.ป.ช.ส่งมาให้แล้ว จำนวน 2 สำนวน คือ 1.กรณีการล่อซื้อจับกุมนายรัชฎา พร้อมของกลางเป็นธนบัตรรัฐบาลไทยชนิดใบละ 1,000 บาท จำนวน 98 ฉบับ เป็นเงินจำนวน 98,000 บาท และซองสีขาวจำนวน 3 ซอง ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นายรัชฎา พร้อมพวกรวม 8 ราย และ 2. กรณีซองเงินอื่นๆ ที่ตรวจยึดได้ในห้องทำงานของนายรัชฎา ที่รวบรวมจากหัวหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหลายคน ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นายรัชฎา พร้อมพวกรวม 12 ราย
เบื้องต้น อสส.เห็นว่าทั้ง 2 สำนวน มีข้อไม่สมบูรณ์พอที่จะดำเนินคดีได้ และได้มีหนังสือแจ้งถึงประธาน ป.ป.ช.เพื่อขอให้ตั้งคณะทำงานร่วม 2 ฝ่าย ระหว่าง อัยการ และป.ป.ช.เพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในสำนวนคดีร่วมกัน แต่หากไม่สามารถหาข้อยุติได้ ป.ป.ช.ก็สามารถยื่นฟ้องคดีเองตามขั้นตอนทางกฎหมายได้
สำหรับสำนวนแรก กรณีการล่อซื้อจับกุมนายรัชฎา พร้อมของกลางเป็นธนบัตรรัฐบาลไทยชนิดใบละ 1,000 บาท จำนวน 98 ฉบับ เป็นเงินจำนวน 98,000 บาท และซองสีขาวจำนวน 3 ซอง นั้น อสส.เห็นว่า ควรมีการไต่สวนให้ได้ความว่าการกระทำของนายรัชฎา ในคดีนี้ ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 128 ประกอบมาตรา 169 ตามที่ ป.ป.ช.มีมติชี้มูล เนื่องจากเงินจำนวนดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่เรียกรับโดยมิชอบ มิใช่ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากการให้โดยเสน่หาตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติดังกล่าว
ขณะที่กระทำความผิดในคดีนี้ของนายรัชฎา ยังเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และการที่นายชัยวัฒน์ลิ้มลิขิตอักษร นำเงินไปมอบให้นายรัชฎา ที่ห้องทำงาน ในคราวเดียว เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 , 157 และ พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 172 เพียงกรรมเดียว ส่วนกระทำของผู้ถูกกล่าวหารายอื่นในคดีนี้ ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 176 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูล รวมไปถึงประเด็นอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีด้วย
ส่วนสำนวนที่สอง กรณีซองเงินอื่นๆ ที่ตรวจยึดได้ในห้องทำงานของนายรัชฎา ที่รวบรวมจากหัวหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหลายคน นั้น อสส.พิจารณาแล้วเห็นว่า ควรไต่สวนให้ได้ความว่า การกระทำของนายรัชฎา ในคดีนี้ ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 128 ประกอบมาตรา 169 ตามที่ ป.ป.ช.มีมติชี้มูล เนื่องจากเงินจำนวนดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่เรียกรับโดยมิชอบ มิใช่ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากการให้โดยเสน่หาตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติดังกล่าวเช่นกัน
อสส. ยังเห็นควรไต่สวนให้ได้ความว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหารายหนึ่งในคดีนี้ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และ พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 173 ตามที่คณะกรรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูล แต่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และการที่มีผู้รวบรวมนำเงินไปให้ นายรัชฎา แม้จะรวบรวมจากหัวหน้าหน่วยงานภาคสนามจำนวนหลายคน ใส่ซองไปจำนวนซองเดียวหรือหลายซองในแต่ละครั้งก็ตาม แต่เมื่อ นายรัชฎารับเงินจำนวนดังกล่าวไว้ในคราวเดียว การข่มขืนใจหรือจูงเพื่อให้หามาให้ซึ่งเงินดังกล่าวของ นายรัชฎา ในการรับเงินแต่ละครั้งจึงเป็นการกระทำความผิดเพียงกรรมเดียว จึงให้ไต่สวนให้ได้ความว่าการรับเงินในคดีนี้เป็นความผิดหลายกรรมต่างกรรมต่างวาระกันโดยระบุชัดว่าเป็นความผิดกี่กรรม แต่ละกรรมมีการกระทำผิดอย่างไร
นอกจากนี้ อสส.ยังเห็นควรให้ไต่สวนให้ได้ความว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหารายอื่นๆ ในคดีนี้ ไม่เป็นความผิดตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูล ขณะที่ผู้ถูกกล่าวหารายหนึ่ง ควรไต่สวนให้ได้ความว่าเป็นการสนับสนุนการกระทำความผิดของนายรัชฎาจำนวนกี่กรรม แต่ละกรรมมีการกระทำผิดอย่างไร รวมถึงประเด็นอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีด้วย
ขณะที่แหล่งข่าวจาก ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา ว่า อสส. ได้แจ้งข้อไม่สมบูรณ์ในสำนวนคดีนายรัชฎาและพวก ทั้ง 2 สำนวนมาให้ ป.ป.ช.รับทราบจริง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ ได้มีการเสนอเรื่องต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้ว โดยที่มีประชุมมีมติให้ตั้งคณะทำงานร่วมฝ่าย ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์สำนวนคดีร่วมกับฝ่ายอัยการต่อไป
สำหรับความผิดประมวลกฎหมายอาญา ที่อสส. เสนอมานั้น มาตรา 148 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือประหารชีวิต
มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 172 ระบุว่า เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตําแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อํานาจในตําแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
ปัจจุบัน ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่า คณะทำงานร่วมฝ่าย ป.ป.ช.และอัยการ มีข้อยุติความไม่สมบูรณ์สำนวนคดีไปแล้วหรือไม่
ขณะที่การชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช. ยังไม่สิ้นสุด นายรัชฎาและพวก ยังมีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลได้อีก
แต่ข้อมูลที่สำคัญอีกชุดหนึ่งที่ยังไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน คือ นอกจากนี้คดีนี้แล้ว นายรัชฎา ยังมีคดีอื่นที่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.สอบสวนไต่สวนอยู่
บางคดีมีแนวโน้มที่จะถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดเพิ่มด้วย

อ่านเรื่องเกี่ยวข้อง :
- ยุคนี้ให้ส่วยเป็นเงินทอน! 'ชัยวัฒน์' ให้ปากคำคดีอธิบดีอุทยานฯ-ปัดตอบปมไม่ค้นบ้าน 'รัชฎา'
- ล่อซื้อค้นเจอ 5 ล.! ป.ป.ช.-ตร.แถลงด่วนรวบตัวอธิบดีกรมอุทยานฯ คดีเรียกรับเงิน (มีคลิป)
- เก็บหัวละ 2-3 แสน! แถลงพฤติการณ์ 'อธิบดีกรมอุทยานฯ' คดีเรียกเงินวิ่งเต้นแลกไม่โยกย้าย
- พลิกปูม! เส้นทางชีวิต-ทรัพย์สิน 'รัชฎา' อธิบดีกรมอุทยานฯ ก่อนโดนรวบคดีเรียกรับเงิน
- ลับสุดยอด! เปิดปฏิบัติการขู่ทุบลิ้นชัก ล่อซื้อ 'รัชฎา'-บิ๊กตู่ชิงย้ายตัดหน้า ทส.?
- เปิดคลิปหลักฐานใหม่ 5 นาที ค้นโต๊ะทำงาน 'รัชฎา' - ตามหาเจ้าของซองเงินส่งท่านอธิบดี?
- เช็คที่นี่! เปิดครบเงินสด-สิ่งของ 21 รายการ 4.8 ล.ในห้องอธิบดีอุทยานฯ ใครส่งมาบ้าง?
- แอ่นแอ๊น! แกะซองเงินที่ 7 คดี 'รัชฎา' เจอตารางจ่ายรายเดือนงบปี 66 ด้วย 38 ล.+5% 1.9 ล.
- ฉบับเต็ม! คำสั่ง ทส. ให้ 'รัชฎา' ออกจากราชการไว้ก่อน เซ่นปมเรียกเงินสินบน
- มีผล 3 ก.พ.! ให้ออกจากราชการ 'รัชฎา' อธิบดีกรมอุทยานฯ ปมเรียกเงินสินบน
- ป.ป.ช.มีมติไต่สวนคดีสินบนอธิบดีอุทยานฯ-ยันมีหลักฐานรู้ตัวแล้วสาวถึงใครบ้าง
- ชี้ทำตามหน้าที่! ศาลคดีทุจริตฯ ยกฟ้อง 'จรูญเกียรติ-พวก' กลั่นแกล้ง 'รัชฎา' ปมสินบน
