เผยความคืบหน้าคดีทุจริตจัดซื้อสื่อการเรียนรู้ 17.3 ล. 'มนตรี ชาลีเครือ-มณเฑียร เลิศรัฐการ' 2 อดีตบิ๊กอบจ.ชัยภูมิ มาตามนัด อัยการส่งตัวฟ้อง 16 ก.ค.68 ได้ประกันตัว หลักทรัพย์คนละ 300,000 บาท เริ่มต้นสู้คดีชั้นศาลเป็นทางการแล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าล่าสุดคดีกล่าวหา นายมนตรี ชาลีเครือ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ชัยภูมิ และ นายมณเฑียร เลิศรัฐการ อดีตรองนายก อบจ.ชัยภูมิ กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ โครงการจัดซื้อสื่อการเรียนรู้ชุดพัฒนาทักษะภาษาเกี่ยวกับประเทศสมาชิกอาเซียน ตามโครงการพัฒนาทักษะภาษาสู่ประชาคมอาเซียน งบประมาณ 17,360,200 บาท โดยวิธีพิเศษ ทั้งที่สามารถดำเนินการจัดซื้อด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ส่อไปในทางทุจริต ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดและส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) ขอให้ดำเนินคดีอาญากับนายมนตรี และนายมณเฑียร ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน 2567 ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 กรกฏาคม 2568 ที่ผ่านมา นายมนตรี ชาลีเครือ และ นายมณเฑียร เลิศรัฐการ ได้เข้ารายงานต่อพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 3 เพื่อดำเนินการส่งตัวฟ้องคดีตามขั้นตอนทางกฎหมายแล้ว โดยศาลประทับรับฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำที่ อท 158/2568 ได้รับการประกันตัว หลักทรัพย์ประกัน คนละ 300,000 บาท
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ อัยการสูงสุด (อสส.) ได้มีคำสั่งยุติเรื่องร้องขอความเป็นธรรรมของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองราย ขณะที่ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 3 ได้ทำหนังสือแจ้งสำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อขอให้แจ้งนายมนตรี ชาลีเครือ และนายมณเฑียร เลิศรัฐการ ไปรายงานตัวต่อพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 3 ในวันที่ 16 กรกฏาคม 2568 เวลา 09.30 น. ที่ผ่านมา เพื่อดำเนินการฟ้องคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย หากผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองไม่ไปรายงานตัวตามกำหนดนัด และมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าจะหลบหนี ขอให้ดำเนินการขอศาลออกหมายจับผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองมาฟ้องคดีภายในกำหนดอายุความตามกฎหมายต่อไป
แหล่งข่าวจากสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 3 เปิดเผยว่า คดีนี้อัยการได้ยื่นฟ้องศาลฯ แล้ว หลังจากที่จำเลยทั้งสองมารายงานตัวตามนัดหมาย ไม่หลบหนีคดี จึงถือว่าการต่อสู้คดีในชั้นศาล เริ่มต้นเป็นทางการ หลังจากยืดเยื้อมานานพอสมควร

อนึ่งเกี่ยวกับ คดีนี้สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้วว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ป.ป.ช. พบว่า นายมนตรี ชาลีเครือ นายก อบจ.ชัยภูมิ (ในขณะนั้น) ได้มอบอำนาจให้นายมณเฑียร เลิศรัฐการ รองนายก อบจ.ชัยภูมิ (ในขณะนั้น) เป็นผู้มีอำนาจในการสั่ง การอนุญาต การอนุมัติ เกี่ยวกับงานจัดซื้อสื่อการเรียนรู้ชุดพัฒนาทักษะภาษาเกี่ยวกับประเทศสมาชิกอาเซียนตามโครงการพัฒนาทักษะภาษาอาเซียน แต่นายมนตรี ได้ร่วมกันกระทำความผิดกับนายมณเฑียร แบ่งหน้าที่กันทำ
โดยนายมนตรี เป็นผู้ตั้งงบประมาณในการดำเนินโครงการพัฒนาภาษาอาเซียน ต่อมาในการดำเนินการจัดซื้อสื่อการเรียนรู้ตามโครงการ นายมณเฑียร ได้สั่งการในรายงานขอซื้อ โดยอนุมัติให้กองพัสดุและดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ปรากฏว่า นาง ว. ผู้อำนวยการกองพัสดุและทรัพย์สิน ไม่ดำเนินการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษตามที่ได้รับการสั่งการ และได้ทักท้วงเป็นลายลักษณ์อักษร
นายมณเฑียร จึงได้ออกคำสั่งให้นาง ว. ไปช่วยราชการสังกัดสำนักปลัด อบจ.ชัยภูมิ เป็นการชั่วคราว
จากนั้น นายมนตรี ได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้นาย ภ. รองปลัดอบจ.ชัยภูมิ รักษาราชการในตำแหน่งผู้อำนวยการกองพัสดุและทรัพย์สินแทนนาง ว. เป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ เพื่อให้ อบจ. ชัยภูมิ สามารถดำเนินการจัดซื้อสื่อการเรียนรู้ดังกล่าว โดยวิธีพิเศษ โดยไม่ชอบตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ อบจ.ชัยภูมิ
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหาที่ถูกชี้มูลความผิดยังมีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลได้อีก
@ มณเฑียร ตั้งข้อสงสัย พิจารณาหนังสือขอความเป็นล่าช้า นัด 16 ก.ค.กระชั้นชิดมาก
ขณะที่ นายมณเฑียร เลิศรัฐการ อดีตรองนายก อบจ.ชัยภูมิ ติดต่อชี้แจงสำนักข่าวอิศราว่า มติคณะกรรมการ ป.ป.ช.สั่งฟ้องคดีส่งให้อัยการสำนักปราปราบปรามคดีทุจริตภาค 3 พิจารณามีความเห็นสั่งฟ้อง แต่สำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 3 แจ้งตนให้ทราบหลังจากขั้นตอนทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว ให้รายงานตัวเพื่อฟ้องคดีครั้งที่ 1 วันที่ 13 มีนาคม 2568 ตนมีหนังสือขอความเป็นธรรมไป หลังจากนั้น อัยการสำนักปราบปรามคดีทุจริตภาค 3 สั่งเลื่อนการรายงานตัวไป 3 เดือน ต่อมาเปลี่ยนแปลงคำสั่งเป็นไม่พิจารณาหนังสือขอความเป็นธรรมอ้างเหตุส่งหนังสือร้องขอความเป็นธรรมหลังจากที่มีการสั่งคดีแล้ว ตามระเบียบข้อ 12 ให้รายงานตัวครั้งที่ 2 วันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กระชั้นชิดมาก
"ผมเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงคำสั่งเป็นไม่พิจารณาหนังสือนั้น ไม่ถูกต้องตามระเบียบการรับหนังสือร้องขอความเป็นธรรมข้อ 15 เมื่อรับแล้วต้องพิจารณาให้เสร็จสิ้น ถ้าไม่รับหนังสืออัยการสำนักปราบปรามคดีทุจริตภาค 3 ก็ไม่มีอำนาจหน้าที่สั่งให้เลื่อนการมอบตัวในครั้งที่ 1 ได้ อัยการสำนักปราบปรามคดีทุจริตภาค 3 ต้องพิจารณาหนังสือขอความเป็นธรรม ส่วนจะสั่งคดีอย่างไรย่อมเป็นดุลยพินิจ การพิจารณาหนังสือเป็นการอำนวยความยุติธรรม ผมจึงตั้งข้อสงสัยว่าทำไมถึงไม่กล้าพิจารณาหนังสือขอความเป็นธรรม" นายมณเฑียรระบุ

- ป.ป.ช.ชี้มูล 'มนตรี ชาลีเครือ' อดีตนายกอบจ.ชัยภูมิ-พวก จัดซื้อสื่อการเรียนรู้ 17.3 ล.
- เอ็กซ์คลูซีฟ! ล้วงมติป.ป.ช.ชี้มูล 2 อดีตบิ๊กอบจ.ชัยภูมิ คดีซื้อสื่อการเรียนรู้ 17.3 ล.
อ่านข่าวเกี่ยวข้อง
- ปิดสำนวนสอบ'อิศรา'!คดีจัดซื้ออุปกรณ์เรียน อบจ.ชัยภูมิ 100ล. สตง. ส่งเรื่องถึง ป.ป.ช.แล้ว
- บิ๊กเทศบาลฯโผล่รับเงินแทน!หลักฐานใหม่สตง.มัดจัดซื้ออุปกรณ์เรียนอบจ.ชัยภูมิ-ชงป.ป.ช.สอบ
- ตั้งธงนำสอบปมฮั้ว! สตง.รับลูก'อิศรา' ลุยตรวจ อบจ.ชัยภูมิ ซื้ออุปกรณ์เรียน7สัญญา
- นายกอบจ.ชัยภูมิ โอดถูกใส่ร้าย! ยันไม่รู้เรื่อง บ.แข่งขายอุปกรณ์เรียนเชื่อมโยงกัน
