
"...พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว จำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่ง สส. และรองประธานคณะกรรมาธิการคนที่สิบ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.พ.ศ. 2555 สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติมีหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลเพื่อควบคุมการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินของฝ่ายบริหารให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน โดยต้องไม่เข้าไปแทรกแซงหรือมีส่วนได้เสียในการใช้งบประมาณ แต่จำเลยที่ 1 กระทำการในลักษณะไม่ซื่อสัตย์สุจริตและเป็นต้นเหตุแห่งการกระทำความผิดในคดีนี้..."
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.or) : เมื่อวันที่ 31 กรกฏาคม 2568 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้เผยแพร่ข่าวสรุปผลคำพิพากษาทุจริตเงินจัดสรรงบประมาณปี พ.ศ.2555 จัดสร้างสนามฟุตซอลให้กับโรงเรียนในเขตพื้นที่การศึกษา 18 จังหวัด มูลค่า 4,459 ล้านบาท รวมทั้งโรงเรียนในเขตพื้นที่การศึกษา เขต 2 จ.นครราชสีมา ที่ อัยการสูงสุด (อสส.) ยื่นฟ้อง นายวิรัช รัตนเศรษฐ อดีตประธานวิปรัฐบาล สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (สส.) บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กับพวก รวม 89 คน เป็นทางการ
หลังจากก่อนหน้านี้ปรากฏข่าวไปแล้วว่า นายวิรัช รัตนเศรษฐ ถูกศาลฯ พิพากษาว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 ลงโทษจำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา ส่วน นางทัศนียา รัตนเศรษฐ ภรรยาโดนคุก 3 ปี 4 เดือน เเละกลุ่มที่เป็นนักการเมืองโดนโทษจำคุกทุกคนไม่รอลงอาญา กลุ่ม บริษัทผู้ประสานงานฮั้ว รับเหมา ถูกจำคุกทั้งหมด 15 ปี เเละมีบางรายที่โดนโทษปรับสูงสุด 79 ล้านบาท ส่วนกลุ่ม ผอ.เขต โทษจำคุกไม่รอลงอาญา ส่วนกลุ่มที่เป็น ส่วนผอ.โรงเรียนจำคุก 1 ปี รอลงอาญาทุกคน ,กลุ่มลูกจ้าง เเม่บ้าน เเจกเอกสาร ยกฟ้อง
ปรากฏรายละเอียดดังต่อไปนี้
********************
วันนี้ เวลา 9.30 นาฬิกา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษากษาคดีหมายเลขดำที่ อม.17/2564 หมายเลขแดงที่ อม.31/2568 ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ นายวิรัช รัตนเศรษฐ จำเลยที่ 1 นางทัศนียา รัตนเศรษฐ จำเลยที่ 2 นายสัมภาษณ์ อัตถาวงศ์ จำเลยที่ 3 กับพวก และจำเลยคดีหมายเลขดำที่ อ.457 /2564, อ.458/2564 และ อ.672/2564 ของศาลจังหวัดนครราชสีมาที่โอนมา รวม 89 คน (คดีฟุดซอล)
เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2564 โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็น สส. และรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2555 จำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็น สส.
จำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 4 และที่ 6 เสนอขอเพิ่มงบประมาณ จำเลยที่ 5 ใช้ให้ส่งบัญชีคุมยอดไปยังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ)
จำเลยที่ 1 กับพวก ให้จำเลยที่ 70 กับพวกไปประสานงาน ผอ. รร. แล้วให้จำเลยที่ 71 และที่ 86 นำรายชื่อ รร. ไปมอบให้จำเลยที่ 6
จำเลยที่ 1 กับพวก แบ่งหน้าที่กัน โดยจำเลยที่ 83 และที่ 84 เขียนแบบก่อสร้างและลงลายมือชื่อในแบบ ส่วนจำเลยที่ 73 ถึงที่ 82 จัดทำแผ่นซีดีบันทึกข้อมูลโดยระบุเงื่อนไขเจาะจงให้จัดซื้อหนังสือ 5 รายการ ซึ่งจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ของจำเลยที่ 74 และที่ 82
ต่อมาจำเลยที่ 6 เสนอจำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 4 อนุมัติให้มีการแจ้งจัดสรรงบประมาณไปยังจำเลยที่ 7 ถึงที่ 13 ซึ่งเป็น ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
@ ปลอมรายงานผลการทดสอบ-หนังสือรับรองคุณสมบัติของแผ่นยางสังเคราะห์
ต่อมาจำเลยที่ 15 ถึงที่ 40 ที่ 42 ถึงที่ 60 ที่ 62 ถึงที่ 68 ซึ่งเป็น ผอ. รร. ไปร่วมประชุมสถานที่ต่างๆ โดยจำเลยที่ 70 และที่ 82 มาชี้แจงกับมอบแผ่นซีดี หรือได้ใช้ให้เจ้าหน้าที่พัสดจัดทำเอกสารการจัดซื้อจัดจ้างตามแผ่นซีดี แล้วนำไปให้คณะกรรมการต่าง ๆ ลงชื่อโดยได้ปฏิบัฏิบัติหน้าที่จริง และได้อนุมัติเอกสารการจัดซื้อจัดจ้างนั้น ทั้งจำเลยที่ 73 ถึงที่ 78 ที่ 81 และที่ 82 ร่วมกันปลอมรายงานผลการทดสอบของกรมวิทยาศาสตร์บริการ และรายงานผลการทดสอบของสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยที่ออกให้สำหรับแผ่นยางสังเคราะห์ของจำเลยที่ 81
นอกจากนี้ จำเลยที่ 73 ถึงที่ 78 ร่วมกันปลอมหนังสือรับรองคุณสมบัติของแผ่นยางสังเคราะห์ที่ออกโดยรองอธิการบดีสถาบันการพลศึกษา ประจำวิทยาเขตเชียงใหม่ จำเลยที่ 74 และที่ 82 ให้พวกไปเสนอราคา (เคาะราคา) มีจำเลยที่ 75 และที่ 77 เสนอราคาเป็นคู่เทียบ
@ ต้องดำเนินการจัดจ้างโดยวิธีประกวดราคา กลับอนุมัติให้สั่งจ้างโดยวิธีพิเศษ
จำเลยที่ 27 ถึงที่ 30 ทราบว่าต้องดำเนินการจัดจ้างโดยวิธีประกวดราคา กลับอนุมัติให้สั่งจ้างโดยวิธีพิเศษ ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 4, 7,10, 11, 12, 13 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 พ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทูต พ.ศ. 2561 มาตรา 172, 192 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157, 162, 264, 265, 268, 83, 86, 93 นัด นับโทษคุก จำเลยที่ 4 ที่ 31 ที่ 72 ที่ 74 ที่ 76 และที่ 82 ต่อตามฟ้อง
คดีโอนทั้งสามสำนวนโจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 74 ที่ 88 และที่ 89 ร่วมกันปลอมสำเนารายงานผลการทดสอบและวิเคราะห์แผ่นยางสังเคราะห์ สำเนาหนังสือรับรองของสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตเชียงใหม่ แล้วนำเอกสารปลอมไปใช้หลอกลวงคณะกรรมการประกวดราคา ทำให้ได้ไปซึ่งเงินค่าจ้างตามสัญญา ขอให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 83, 91, 264, 265, 668,341 ให้จำเลยที่ 74 และที่ 88 ใช้เงิน 233,097.99 บาท และ 126,895.10 บาท ให้จำเลยที่ 74 และที่ 89 ใช้เงิน 126,895.10 บาท คืนแก่ผู้เสียหาย และนับโทษจำคุกจำเลยที่ 74 ที่ 88 ต่อตามฟ้อง
จำเลยทั้ง 89 ให้การปฏิเสธ
ศาลไต่สวนพยานโจทก์ 137 ปาก ไต่สวนพยานจำเลย 228 ปาก ใช้เวลา 100 นัด เริ่มไต่สวนนัดแรก วันที่ 12 กรกฎาคม 2565
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 41 และที่ 61 ถึงแก่ความตาย
@ โจทก์มีอำนาจฟ้องคดี
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยว่า การสรุปสำนวนและความเห็นของคณะกรรมการ ป.ปช. ไม่เป็นเหตุให้การไต่สวนเสียไป ทั้งการแจ้งข้อกล่าวหาชอบแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้
จำเลยที่ 4 นั้น มีดุลพินิจที่จะพิจารณาจัดสรรรบประมาณของสพฐ. จำเลยที่ 6 ทำบันทึกเสนอนอต่อจำเลยที่ 4 ระบุว่า "...กรรมาธิการพิจารณาร่างประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2555 ได้ระบุเงื่อนไขในชั้นกรรมาธิการว่าจะต้องใช้ข้อมูลรายละเอียดประกอบการจัดสรรงบประมาณจากสภาผู้แทนราษฎรโดยการประสานงานจาก สส. และขณะนี้ สพฐ. ได้รับการประสานข้อมูลจาก สส.เป็นบางส่วนยังไม่ครบถ้วนทั้งหมด" และมีการประสานงานมิให้เกินวงเงินตามใบโควตาพรรคการเมือง
@ จัดสรรงบประมาณตามโบโควตา
การที่จำเลยที่ 4 จัดสรรงบประมาณตามโบโควตาจึงเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ ไม่ได้พิจารณาจัดสรรงบประมาณตามสำดับของความจำเป็นและเหมาะสม ทำให้เสียหายแก่รัฐ และมีผลกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน อันเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 157 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 123/1
การที่จำเลยที่ 4 จัดสรรงบประมาณตามที่ได้รับการประสานงานจาก สส. ส่งผลให้ สส. เข้ามาแทรกแซงทางอ้อมเพื่อประโยชน์แก่การเลือกตั้ง อันเป็นประโยชน์ที่ไม่ควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ย่อมเป็นการกระทำโดยทุจริต จำเลยที่ 4 มีหน้าที่จัดสรรงบประมาณ จึงมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 151 แต่จำเลยที่ 4 มีเจตนาอย่างเดียวในอันที่จะจัดสรรเงินงบประมาณตามใบโควตาให้หมดในปีงบประมาณเดียวกันจึงเป็นความผิดกรรมเดียว เมื่อคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อม.31/2567 ศาลมีคำพิพากษาลงโทษไปแล้ว จึงเป็นกรณีที่ศาลได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 4 ย่อมระงับไป
จำเลยที่ 6 ละเลยไม่วิเคราะห์ความขาดแคลน กลับใช้ข้อมูลจากผู้ประสานงานของ สส.เพียงอย่างเดียว จำเลยที่ 6 ย่อมรู้ว่าขัดต่อระบียบราชการ ทำให้มีการใช้งบประมาณอย่างไม่เหมาะสมคุ้มค่า ถือได้ว่ามีเจตนาพิเศษเพื่อให้เกิดความเสียหายจึงเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 157 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 123/1 และเป็นการสนับสนุนจำเลยที่ 4 ตาม ป.อ. มาตรา 151, 86
จำเลยที่ 5 มีเพียง ณ. เป็นพยานยืนยันว่าได้รับโบโควตามาจากจำเลยที่ 5 แต่ ณ. เพิ่งจะระบุชื่อจำเลยที่ 5 หลังให้ถ้อยคำนานถึง 3 ปี และหลังจากที่ ณ. ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา
ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้กัน ณ. ไว้เป็นพยานทั้ง ณ. ยอมรับว่าจำไม่ได้ จึงมีข้อสงสัยหลายประการ ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 5 กระทำความผิดตามฟ้อง

@ วิรัช รัตนเศรษฐ
@ มีผู้ไปประสานงาน
จำเลยที่ 1 การปรากฏชื่อจำเลยที่ 1 ทั้งในใบโควตาและในบัญชีรายละเอียดขอรับการสนับสนุนงบประมาณ แสดงว่าจำเลยที่ 1 มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งมีผู้ไปประสานงานแทนจำเลยที่ 1 จนส่งผลให้ รร. ที่ได้รับงบประมาณอยู่ในพื้นที่ฐานคะแนนเสียงเลือกตั้งสำคัญของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 พูดที่วัด ธ. ว่ามีงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอลมาให้ พร้อมให้ติดต่อกับเลขานุการคือจำเลยที่ 70 ลำพังจำเลยที่ 70 ไม่อยู่ในวิสัยที่จะล่วงรู้และไปประสานงานกับ รร.ได้ การดำเนินการของจำเลยที่ 70 เป็นเรื่องจำเป็นแก่จำเลยที่ 1 ที่จะต้องนำรายชื่อ รร.ไปแจ้งต่อสพฐ.
ฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ดำเนินการให้จำเลยที่ 4 จัดสรรงบประมาณสนามฟุตซอลไปตามข้อเสนอของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่ให้รอการประสานงานจาก สส. อันเป็นการแทรกแซงการจัดสรรงบประมาณ สพฐ. โดยมิชอบ ถือได้ว่ามีเจตนาพิเศษเพื่อให้เกิดความเสียหาย
แม้จำเลยที่ 1 ไม่มีอำนาจจัดสรรงบประมาณ สพฐ. เอง แต่จำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่ง สส. และรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ เชื่อว่าจำเลยที่ 1 บังคับให้ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ให้รอการประสานงานจาก สส. ดังที่ระบุไว้ในเอกสาร นอกจากนั้น รธน. 2550 มาตรา 168 วรรคทก มุ่งหมายที่จะมิให้ สส. มีสวนในการใช้งบประมาณ
จำเลยที่ 1 บิดเบือนต่อบัญญัติดังกล่าว จึงเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ถือเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 4 จึงครบองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 123/1
แต่จำเลยที่ 1 ไม่มีอำนาจหน้าที่จัดสรรงบประมาณ จึงเป็นผู้สนับสนุนตาม ป.อ. มาตรา 151, 157, 86 ซึ่งไม่ต้องปรับบทมาตรา 157, 86
จำเลยที่ 2 มีชื่อในบัญชีขอรับการสนับสนุนงบประมาณ และจำเลยที่ 2 แจ้งต่อที่ประชุม รร. ห. ว่า รร.ของผู้เข้าร่วมประชุมจะได้รับงบประมาณเนื่องจากอยู่ในพื้นที่ฐานคะแนนเสียง โดยให้ รร.จัดทำคำของบประมาณ ทั้ง น. เบิกความว่า เมื่อเกิดปัญหาเกี่ยวกับรูปแบบการก่อสร้างจึงไปคุยกันที่บ้านพักบริเวณสถานีบริการน้ำมันซึ่งเชื่อมโยงถึงจำเลยที่ 2
@ ป้ายสนามฟุตซอลขอบคุณ
นอกจากนี้ จำเลยที่ 2 เป็นประธานงานผ้าป่าสามัคดีที่ รร. บ. ซึ่งทำป้ายสนามฟุตซอลขอบคุณจำเลยที่ 2 ที่จัดหางบประมาณมาให้ ฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมของบประมาณสนามฟุตขอล
แม้จำเลยที่ 2 ไม่มีอำนาจหน้าที่พิจารณางบประมาณ แต่จำเลยที่ 2 เกี่ยวข้องในบางขั้นตอนถือว่าเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 4 ตาม ป.อ. มาตรา 157, 86
จำเลยที่ 2 มีส่วนเกี่ยวข้องเพียงบางขั้นตอน ไม่เพียงพอที่จะทำให้จำเลยที่ 4 และที่ 6 เชื่อว่าจำเลยที่ 2 ใช้อำนาจในตำแหน่ง สส. แทรกแซงการจัดสรรงบประมาณ ทั้งที่มีได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่ จึงเป็นผู้สนับสนันสนุนจำเลยที่ 4 ตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 123/1 และ ป.อ. มาตรา 151, 86 ซึ่งไม่ต้องปรับบทมาตรา 157, 86
จำเลยที่ 3 นั้น บัญชีขอรับการสนับสนุนงบประมาณระบุชื่อจำเลยที่ 3 ทั้ง ด. เบิกความว่า จำเลยที่ 3 โทรศัพท์แจ้งว่ามีงบประมาณสนามฟุดขอล 2 สนาม ให้ช่วยหา รร. ที่ต้องการ ฟังได้ว่า จำเลยที่ 3 มีส่วนเกี่ยวข้องกับงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอล แต่เมื่อจำเลยที่ 3 ไม่มีอำนาจหน้าที่จัดสรรงบประมาณ จึงเป็นผู้สนับสนับสนุนจำเลยที่ 4 ตาม ป.อ. มาตรา 157, 86
จำเลยที่ 3 มีส่วนเกี่ยวข้องบางขั้นตอนจึงเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 4 ตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 123/1 และ ป.อ. มาตรา 151, 86
สำหรับความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาฯ ไม่ปรากฎว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 มีส่วนเกี่ยวข้องกับขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง การจัดทำแผ่นซีดี การเสนอราคา หรือรู้จักกับผู้ประกอบการ หรือได้รับผลประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 กระทำความผิดดังกล่าว
จำเลยที่ 71 นั้น ส. และ ท. เบิกความว่า จำเลยที่ 71 นำเอกสารที่ระบุว่า สส. ได้รับการจัดสรรวงเงินงบประมาณเท่าใดและจัดสรรแก่ รร. ใดบ้างมามอบให้แก่จำเลยที่ 6 เจือสมกับคำเบิกความของจำเลยที่ 6 และที่ 71 จำเลยที่ 71 ย่อมต้องทราบเรื่อง เมื่อจำเลยที่ 71 รู้เรื่องวิธีการงบประมาณ จึงเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 4 ตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 123/1 ป.อ. มาตรา 157, 86
@ เป็นลูกจ้างรับส่งเอกสาร
จำเลยที่ 86 นั้น ท. ไม่ยืนยันว่าจำเลยที่ 86 มาส่งเอกสาร ทั้งจำเลยที่ 86 เป็นลูกจ้างรับส่งเอกสารไม่อยู่ในสถานะที่จะสอบถาม การส่งเอกสารให้แก่หน่วยงานราชการอย่างเปิดเผยก็ยากที่จะคิดว่าเป็นความผิด ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 86 รู้เรื่องงบประมาณ ซองเอกสารปิดผนึก ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 86 กระทำผิดตามฟ้อง
จำเลยที่ 72 นั้น น. เคยให้ถ้อยคำในชั้นคณะอนุกรรมการไต่สวนว่า จำเลยที่ 72 โทรศัพท์มอบหมายให้ประสานงานกับ รร. 3 แห่ง ซึ่งมีรายละเอียดสมเหตุผล ส่วนที่ น. มาเบิกความแตกต่างจากที่เคยให้ถ้อยคำนั้นเป็นเวลาหลังเกิดเหตุหลายปี ทั้งจำเลยที่ 72 ถอนฟ้อง น. จึงเชื่อว่าจำเลยที่ 72 มอบหมายให้ น. ไปติดต่อหา รร.
นอกจากนั้น น.ไปประชุมที่บ้านพักบริเวณสถานีบริการน้ำมัน โดยเข้าใจว่าเป็นบ้านของจำเลยที่ 72 ยิ่งกว่านั้น จำเลยที่ 72 ไปเป็นประธานงานผ้าป่าสามัคคีที่ รร. บ. ร่วมกับจำเลยที่ 2 ซึ่ง รร. ได้ทำป้ายสนามฟุตซอลขอบคุณ โดย น. ติดต่อ รร. นี้ ตามที่จำเลยที่ 72 มอบหมาย ฟังได้ว่าจำเลยที่ 72 มอบหมายให้ น. ประสานกับ ผอ. รร. แต่จำเลยที่ 72 เกี่ยวข้องบางขั้นตอนและไม่มีอำนาจหน้าที่จัดสรรงบประมาณ จึงเป็นเพียงผู้สนับสนุนจำเลยที่ 4 ตามพ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 123/1 และ ป.อ. มาตรา 157, 86
@ อนุมัติทั้งที่ขาดข้อมูลสำคัญ
จำเลยที่ 7 ถึงที่ 13 นั้น มีหน้าที่วิเคราะห์จัดงบประมาณให้สอดคล้องกับความจำเป็นขาดแคลนตรวจสอบความถูกต้อง เหมาะสม และรับผิดชอบแบบแปลน ประมาณราคาวัสดุ และรายละเอียดที่ใช้ในการดำเนินการตามหนังสือจำเลยที่ 4 การจัดสรรงบประมาณจำนวนมากสำหรับสนามฟุตซอลแก่ รร. เพียงบางพื้นที่บางแห่ง ทั้งที่ รร.ไม่เคยมีคำขอมาแต่แรกซึ่งไม่เคยเกิดกรณีเช่นนี้มาก่อน ทั้งคำของบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอลของแต่ละ รร. มีเนื้อหาเหมือนกัน ย่อมเป็นที่น่าสงสัย และการกำหนดรายการหนังสือซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับสนามฟุตซอลเป็นการกำหนดคุณลักษณะเฉพาะให้ตรงกับของผู้ขายรายหนึ่งโดยเฉพาะ
อีกทั้งมีการแจกแผ่นชีดีในการประชุมที่ห้องประชุม สพป.นม.เขต 1 เขต 5 เขต 7 อย่างเปิดเผยโดยจำเลยที่ 82 ไปร่วมประชุมและแจกแผ่นซีดี แต่จำเลยที่ 7 ที่ 11 และที่ 12 กลับไม่สนใจตรวจสอบ ประกอบกับแผ่นซีดีปรากฎข้อมูลใบเสนอราคาทั้งที่ยังมิได้เริ่มกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
นอกจากนั้น การตรวจสอบแบบแปลนจะทำให้ทราบถึงปริมาณงานและงบประมาณ การไม่จัดส่งแบบแปลนทำให้ไม่มีข้อมูลเพียงพอ พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 7 ที่ 12 และที่ 13 อนุมัติทั้งที่ขาดข้อมูลสำคัญย่อมไม่พึงกระทำ
กรณีของจำเลยที่ 7 ปรากฏว่าได้ให้ รร. 4 แห่ง ดำเนินการจ้างโดยวิธีพิเศษ ทั้งที่ไม่ปรากฎเหตุตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ข้อ 24
เมื่อจำเลยที่ 7 ถึงที่ 13 รู้ถึงความผิดปกติ แต่ไม่ตรวจสอบรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ ทั้งจำเลยที่ 7 ที่ 11 ที่ 12 และที่ 13 ไม่ตรวจสอบแบบแปลน จำเลยที่ 7 อนุมัติให้จัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีพิเศษโดยมิชอบ จึงเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติโดยมิชอบ และส่อแสดงเจตนาว่ามุ่งจะอนุมัติไปอย่างเดียวโดยไม่ได้คำนึงว่าจะเกิดความเสียหาย ย่อมถือได้ว่ามีเจตนาพิเศษเพื่อให้เกิดความเสียหาย
จำเลยที่ 7 ถึงที่ 13 มีความผิดตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 123/1 และ ป.อ. มาตรา 157 จำเลยที่ 7 ถึงที่ 13 ไม่ได้มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์จึงไม่มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 151 ทั้งจำเลยที่ 7 ถึงที่ 13 ไม่รู้จักผู้เสนอราคา จึงฟังไม่ได้ว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาฯ มาตรา 12
จำเลยที่ 14 นั้น มีหน้าที่เสนอความเห็นต่อจำเลยที่ 12 ทั้งจำเลยที่ 14 ร่วมกันชี้แจงที่ รร. ช. จำเลยที่ 14 แนะนำให้ทำตามแผ่นซีดี ย่อมตระหนักดีว่าไม่ใช่วิธีปฏิบัติราชการตามปกติ จึงมีความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 123/1 และ ป.อ. มาตรา 157
จำเลยที่ 14 ไม่ได้มีหน้าที่โดยตรงในการซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ จึงไม่มีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 151 ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 14 ตกลงร่วมกันในการเสนอราคา มิได้มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาหรือการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการเสนอราคา มีได้เป็นผู้ทำการกำหนดเงื่อนไขอันเป็นมาตรฐานในการเสนอราคา จึงฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 14 กระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาฯ มาตรา 4, 10, 13
สำหรับความผิดตามมาตรา 7 มุ่งหมายที่จะปกป้องกระบวนการเสนอราคาเพื่อให้ได้ราคาที่เป็นธรรมและมิให้มีผู้มาก่อการรบกวนหรือกระทำการอันเป็นการเสียหาย โดยไม่จำกัดวิธีการ การที่จำเลยที่ 14 ชี้นำให้จัดจ้างตามแผ่นซีดี เป็นการกีดกันผู้ประกอบการรายอื่น จึงมีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาฯ มาตรา 7
เมื่อจำเลยที่ 14 เป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ ได้ร่วมกับจำเลยที่ 82 ชักนำให้ใช้ข้อมูลในแผ่นแผ่นซีดี จึงเป็นความผิดตามมาตรา 12 ด้วย
จำเลยที่ 15 ถึงที่ 40 ที่ 42 ถึงที่ 60 และที่ 62 ถึงที่ 69 ซึ่งเป็น ผอ. รร. มีหน้าที่วิเคราะห์ความจำเป็นความขาดแคลน ตรวจสอบแบบแปลน ประมาณราคา รายละเอียดคณลักษณะตามที่ได้รับมอบหมาย และมีหน้าที่อนุมัติการจัดซื้อจัดจ้างสำหรับขั้นตอนการเสนอคำของบประมาณนั้น หาก รร. มีความจำเป็นขาดแคลนสนามฟุตซอลจริงน่าจะต้องเสนอของบประมาณปกติ การที่ รร. ของบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอลเหมือนกัน บ่งชี้ว่ามิได้วิเคราะห์อย่างแท้จริง
ส่วนการปรึกษาคณะครูและคณะกรรมการสถานศึกษานั้น เป็นเพียงการสอบถาม ถือไม่ได้ว่าเป็นการวิเคราะห์ความจำเป็นขาดแคลนที่แท้จริง
@ รู้เห็นหรือสั่งการให้เจ้าหน้าที่พัสดุจัดทำเอกสารจากแผ่นซีดี
สำหรับขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง จำเลยที่ 15 ถึงที่ 40 ที่ 42 ถึงที่ 60 และที่ 62 ถึงที่ 69 รู้เห็นหรือสั่งการให้เจ้าหน้าที่พัสดุจัดทำเอกสารจากแผ่นซีดี แล้วให้คณะกรรมการต่าง ๆ ลงชื่อโดยไม่ได้ทำหน้าที่จริงดังนี้ การได้รับแผ่นซีดีมาในลักษณะที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอนของทางราชการ ทั้งไม่ปรากฏว่าผู้จัดทำหรือผู้ส่งเป็นผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องจึงควรต้องตรวจสอบก่อน ส่วนการได้รับแผ่นซีดีมาจากที่ประชุมใน สพป.ก็ไม่ได้นำส่งเป็นหนังสือราชการจึงไม่พ้นจากหน้าที่ตรวจสอบ
นอกจากนั้น ยังมิได้ตรวจสอบแบบแปลนว่าถูกต้องและผู้เขียนแบบแปลนยินยอมให้ใช้ ถือได้ว่าปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในส่วนขั้นตอนการดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ปรากฏว่ามีการให้เจ้าหน้าที่พัสดุจัดทำเอกสารตามแผ่นซีดีเพื่อให้คณะกรรมการลงชื่อว่าปฏิบัติหน้าที่ จากนั้นจำเลยที่ 15 ถึงที่ 26 ที่ 31 ถึงที่ 40 ที่ 42 ถึงที่ 60 และที่ 62 ถึงที่ 69 ลงชื่ออนุมัติ เป็นการละเลยระเบียบดังกล่าว กรณีเป็นเรื่องผิดวิสัยข้าราชการ จึงจะอ้างเหตุไม่รู้หรือเข้าใจโดยสุจริตหาได้ไม่ เนื่องจากทำให้ระเบียบฯ ไร้ผล ซึ่งแม้แต่ผู้บังคับบัญชาก็ไม่อาจสั่งเช่นนั้นได้โดยชอบ ประกอบกับข้อมูลในแผ่นซีดีไม่ได้ยกเว้นว่าไม่ต้องตรวจสอบ และไม่ว่าผู้รับจ้างจะส่งมอบงานสำเร็จหรือไม่ก็ไม่อาจลบล้างความผิดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนส่งมอบงานได้ พยานหลักฐานฟังได้ว่า จำเลยที่ 15 ถึงที่ 40 ที่ 42 ถึงที่ 60 และที่ 62 ถึงที่ 69 ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
การให้เจ้าหน้าที่พัสดุจัดทำเอกสารตามแผ่นซีดีส่อแสดงว่ามุ่งที่จะขออนุมัติโดยไม่สนใจว่าจะเกิดความเสียหาย แผ่นซีดีก็ปรากฏใบเสนอราคาตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
นอกจากนั้น การรู้เห็นให้คณะกรรมการไม่ต้องปฏิบัติหน้าที่ เป็นการจงใจฝ่าฝืนต่อระเบียบฯ ถือได้ว่าจำเลยที่ 15 ที่ 16 ที่ 19 ถึงที่ 40 ที่ 42 ถึงที่ 51 ที่ 54 ถึงที่ 60 และที่ 63 ถึงที่ 67 มีเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหาย
ส่วนจำเลยที่ 17 ที่ 18 ที่ 52 ที่ 53 ที่ 62 ที่ 68 และที่ 69 ไม่ได้ทักท้วงอย่างจริงจังและยังรู้เห็นการจัดทำเอกสารตามแผ่นซีดีโดยคณะกรรมการไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่
จำเลยที่ 15 ถึงที่ 40 ที่ 42 ถึงที่ 60 และที่ 62 ถึงที่ 69 จึงมีความผิดตามพ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 123/1 และ ป.อ. มาตรา 157
จำเลยที่ 15 ถึงที่ 40 ที่ 42 ถึงที่ 60 และที่ 62 ถึงที่ 69 มุ่งหมายเพื่อให้ รร.มีสนามฟุตซอลจึงมิได้ทุจริต ย่อมไม่เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 153 แต่การลงชื่ออนุมัติเอกสารอันเป็นเท็จ เป็นความผิดตามป.อ. มาตรา 162 (4) ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 15 ถึงที่ 40 ที่ 42 ถึงที่ 60 และที่ 62 ถึงที่ 69 รู้เห็นกับการตกลงร่วมกันในการเสนอราคา หรือชี้นำสั่งการให้ปฏิบัติแก่ผู้เสนอราคาเป็นพิเศษ จึงฟังไม่ได้ว่ากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาฯ มาตรา 4, 7, 10, 12 ส่วนมาตรา 11 เมื่อมิได้ทุจริตจึงไม่เป็นความผิดดังกล่าว

@ ทัศนียา รัตนเศรษฐ
@ บ่งชี้ว่าแสดงตนเป็นผู้ได้รับมอบหมายจาก สส.
จำเลยที่ 70 นั้น ได้เข้าไปประสานงานกับ ผอ. รร. ในหลายพื้นที่ต่างเวลาต่างสถานที่ บ่งชี้ว่าแสดงตนเป็นผู้ได้รับมอบหมายจาก สส. ที่ผลักดันงบประมาณแปรญัตติ ทั้งจำเลยที่ 70 ไปพบ ผอ. รร. ที่ร้าน ล. ร้านอาหาร ป. บ้านพักสถานีบริการน้ำมันซึ่งล้วนแต่มีการพูดคุยเรื่องงบประมาณสนามฟุตซอล จำเลยที่ 70 เกี่ยวข้องกับสนามฟุตซอลในหลายขั้นตอน ฟังได้ว่า จำเลยที่ 70 ประสานงานจัดหารายชื่อ รร.และชี้นำให้ไข้ข้อมูลในแผ่นซีดี จึงมีความผิดตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 123/1 และ ป.อ.มาตรา 157, 86
จำเลยที่ 70 ไม่เคยประสานงานกับจำเลยที่ 4 จึงฟังไม่ได้ว่าเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 4 กระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 151 แต่จำเลยที่ 70 ชักนำให้ใช้แผ่นซีดี จึงเป็นความผิดตามพ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคา ฯ มาตรา 7 , 12 ประกอบ ป.อ. มาตรา 86 แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 70 มีส่วนตกลงร่วมกันเสนอราคาจึงไม่มีความผิดตามมาตรา 4 เมื่อไม่มีผู้อื่นกระทำความผิดตามมาตรา 11 จึงไม่มีตัวการที่จำเลยที่ 70 จะเป็นผู้สนับสนุนได้
จำเลยที่ 73 ถึงที่ 85 และที่ 87 นั้น ในส่วนการจัดสรรงบประมาณของ สพฐ. ไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 73 ถึงที่ 85 และที่ 87 เกี่ยวข้องจึงฟังไม่ได้ว่ากระทำความผิด
ในส่วนกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง จำเลยที่ 73 ที่ 74 ที่ 77 ที่ 78 ที่ 79 ที่ 81 และที่ 82 ร่วมกันจัดทำเอกสารและแผ่นซีดี โดยกำหนดรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะให้มีหนังสือ 5 รายการ ที่จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ของจำเลยที่ 74 และที่ 82 นอกจากนี้ ตัวอย่างใบประมาณการราคา ร่างขอบเขตของงาน (TOR) ประกวดราคาจ้าง ล้วนแต่มีรายการหนังสือดังกล่าว แสดงว่ามีการวางแผนจัดทำตัวอย่างเอกสารเพื่อกำหนดรายการหนังสือมากีดกันผู้ประกอบการรายอื่น บ่งชี้ว่าจำเลยที่ 74 และที่ 82 มีส่วนร่วมจนนำไปสู่การวางแผนให้จำเลยที่ 52 เข้าไปดำเนินการประชุมและแจกแผ่นซีดีให้ รร. ต้องดำเนินการตามแผ่นซีดี โดยจำเลยที่ 82 แสดงตนเป็นผู้เชี่ยวชาญจากส่วนกลางและกำชับให้ทำตามข้อมูลมูลในแผ่นซีดี
พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 73 ที่ 75 และที่ 77 เป็นทั้งตัวแทนจำหน่ายหนังสือและเป็นทั้งตัวแทนจำหน่ายแผ่นยางสังเคราะห์ (EVA) ส่อพิรุธว่าเป็นการกำหนดตัวผู้มีสิทธิเสนอราคา แม้จำเลยที่ 81 จะมิได้เป็นผู้เสนอราคา แต่ได้ดำเนินการในส่วนสำคัญอื่นแทบทุกขั้นตอน ถือได้ว่าเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ
ในส่วนจำเลยที่ 75 ถึงที่ 78 ซึ่งไม่ชนะการเสนอราคานั้น แผ่นซีดีปรากฏใบเสนอราคาของจำเลยที่ 75 ซึ่งระบุราคาหนังสือ 5 รายการ หากจำเลยที่ 75 ไม่มีส่วนร่วมวางแผน ย่อมไม่มีทางที่จะจัดทำใบเสนอราคาหนังสือล่วงหน้าได้ประกอบกับจำเลยที่ 74 และที่ 82 คงไม่แต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายหนังสือ
นอกจากนั้น จำเลยที่ 81 ที่ 82 ขอหนังสือค้ำประกันให้แก่จำเลยที่ 73 ที่ 77 และที่ 779 ยิ่งกว่านั้น ในการซื้อและยื่นเอกสารประกวดราคา จำเลยที่ 75 และที่ 77 ต่างใช้บุคคลที่เกี่ยวพันกับจำเลยที่ 89 ทั้งสิ้น ทั้งจำเลยที่ 75 และที่ 77 ไม่ได้ส่งผู้ใดมาเคาะราคาจริงจนมีการใช้ลายมือชื่อปลอมหรือเอกสารของผู้อื่นโดยไม่ชอบ
เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 75 และที่ 77 เข้าไปเสนอราคาเป็นคู่เทียบ
แม้จำเลยที่ 78 เป็นพนักงานขับรถของ ก. แต่หากไม่รู้เห็นก็ไม่มีเหตุจะต้องสอดเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการจัดการงานของจำเลยที่ 77 ทั้งจำเลยที่ 78 มีโอกาสอ่านข้อความในเอกสารได้ ย่อมตระหนักว่าการลงชื่อจะทำให้เกิดผลผูกพันตน การลงชื่อโดยไม่ทราบข้อความเป็นเรื่องผิดวิสัยของบุคคลที่ไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องจะพึงกระทำ
ในส่วนจำเลยที่ 79 และที่ 80 ซึ่งชนะการเสนอราคาบาง รร. นั้น จำเลยที่ 79 ดำเนินการในลักษณะเดียวกับจำเลยที่ 75 และที่ 77 คงแตกต่างกันเพียงว่าจำเลยที่ 79 เป็นผู้ชนะการประกวด อันเป็นการวางแผนให้แยบยลยิ่งขึ้นว่ามีผู้อื่นชนะการเสนอราคาได้
จำเลยที่ 80 เป็นคนรับใช้ของ ก. ต่อมา ก. ขอใช้ชื่อจำเลยที่ 80 เป็นกรรมการจำเลยที่ 79 แต่ไม่มีเหตุน่าเชื่อว่าจำเลยที่ 80 จะยอมให้ใช้ชื่อตนโดยง่าย เพราะเป็นการเสียงที่จะต้องมีปัญหา โดยเฉพาะจำเลยที่ 79 เป็นผู้ชนะการเสนอราคาและได้เข้าทำสัญญารับจ้าง จำเป็นต้องจัดทำเอกสารสัญญา และหลักฐานเบิกเงินค่าจ้างต่อทางราชการ หากจำเลยที่ 80 ไม่ยินยอม ย่อมต้องถอนชื่อจำเลยที่ 80 ออก
การที่จำเลยที่ 80 ยังคงมีชื่อเป็นกรรมการจำเลยที่ 79 ส่อพิรุธว่าเปิดช่องให้นำชื่อของตนไปใช้โดยไม่สนใจความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
พยานหลักฐานฟังได้ว่า จำเลยที่ 73 ถึงที่ 82 ตกลงร่วมกันเสนอราคา จึงมีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาฯ มาตรา 4 และเมื่อเป็นเหตุให้ผู้อื่นไม่สามารถแข่งขันเสนอราคาได้จึงมีความผิดตามมาตรา 7 ทั้งจำเลยที่ 73 ถึงที่ 78 ที่ 81 และที่ 82 เป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 14 อันเป็นความผิดตามมาตรา 12 ประกอบ ป.อ. มาตรา 86 ด้วย และจำเลยที่ 73 ถึงที่ 82 สนับสนุนจำเลยที่ 15 ถึงที่ 40 ที่ 42 ถึงที่ 60 และ ที่ 62 ถึงที่ 68 กระทำความผิดตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 12323/1 และ ป.อ. มาตรา 157, 86 แต่ความผิดตาม ป.อ. มาตรา 151 พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาฯ มาตรา 10, 11 ประกอบ ป.อ. มาตรา 86 ไม่มีตัวการที่จำเลยทำเลยที่ 73 ที่ 82 จะเป็นผู้สนับสนุนได้
ปัญหาว่า จำเลยที่ 73 ถึงที่ 82 ที่ 88 และที่ 89 ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอมหรือไม่ เมื่อรายงานผลการทดสอบของกรมวิทยาศาสตร์บริการมีการลบข้อความ "รายงานนี้รับรองเฉพาะวัตถุตัวอย่างที่ได้ทดสอบ/สอบเทียบเท่านั้น ไม่รับรองวัตถุหรือสินค้าที่ใช้รายงานนี้ในการโฆษณาหรืออ้างถึง ห้ามคัดถ่ายใบรับรองหรือรายงานผลแต่เพียงบางส่วน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมวิทยาศาสตร์บริการเป็นลายลักษณ์อักษร" ส่วนรายงานผลการทดสอบและวิเคราะห์ของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยได้มีการลบข้อความ "ผลการทดสอบ/วิเคราะห์นี้รับรองเฉพาะตัวอย่างที่ได้ทำการทดสอบ/วิเคราะห์เท่านั้น ห้ามนำผลการทดสอบ/วิเคราะห์ไปโฆษณาโดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก วว." ออก เห็นได้ว่าต้องการให้เป็นการรับรองโดยไม่มีเงื่อนไข ทำให้เนื้อความตามเอกสารเปลี่ยนแปลงไป อันเป็นการปลอมเอกสารอย่างหนึ่ง จำเลยที่ 73 ที่ 74 ที่ 81 และที่ 82 เป็นผู้ได้รับประโยชน์โดยตรงจึงบ่งชี้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการปลอมเอกสาร
@ มอบให้ผู้อื่นไปใช้ก็ถือว่าเป็นผู้ใช้เอกสารปลอม
แม้จำเลยที่ 73 ที่ 74 ที่ 81 และที่ 82 จะมอบให้ผู้อื่นไปใช้ก็ถือว่าเป็นผู้ใช้เอกสารปลอมสำหรับหนังสือรับรองของสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตเชียงใหม่ ที่ออกโดย ช. นั้น ช. เบิกความยืนยันว่าเป็นผู้ออกหนังสือและลงนามเอง จึงไม่เป็นความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมจำเลยที่ 75 ที่ 77 และที่ 79 เป็นคู่เทียบ ส่วนจำเลยที่ 88 และที่ 89 89 เป็นเพียงผู้รับมอบอำนาจให้ไปยื่นเอกสารต่อ รร. อาจมิได้รู้เห็นการตัดทอนข้อความ จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 75 ถึงที่ 80 ที่ 88 และที่ 89 ร่วมปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม
ในส่วนจำเลยที่ 74 ที่ 88 และที่ 89 สำหรับข้อหาฉ้อโกงนั้น การที่ผู้กระทำผิดฐานฉ้อโกงได้ไปซึ่งทรัพย์สิน ต้องเป็นผลโดยตรงจากการหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง แม้รายงานผลการทดสอบของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยจะมีการตัดทอนโดยลบข้อความออก แต่ก็เป็นเพียงการใช้เอกสารเพื่อแสดงว่ามีคณสมบัติเบื้องต้นของผู้เสนอราคา ส่วนจะเป็นผู้มีสิทธิเข้าทำสัญญาจ้างหรือไม่ ย่อมขึ้นอยู่กับผลการแข่งขันเสนอราคาอันเป็นเหตุการณ์ในอนาคต การได้ไปซึ่งทรัพย์สินในการทำสัญญาจ้างมิได้เกิดจากผลโดยตรงจากการถูกหลอกลวงเกี่ยวกับคุณสมบัติของแผ่นยางสังเคราะห์ การกระทำของ
จำเลยที่ 74 ที่ 88 และที่ 89 จึงไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงจำเลยที่ 87 นั้น ได้จัดเตรียมเอกสารและไปติดต่อหน่วยงานราชการ แต่สถานะของจำเลยที่ 87 คงไม่มีโอกาสรู้และยากเกินกว่าที่จะเข้าใจแผนการได้ ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 87 ได้รับส่วนแบ่งนอกจากค่าจ้างปกติ ส่วนที่มีการส่งข้อมูลผ่านทางอีเมลของจำเลยที่ 87 ก็ไม่มีผู้ใดทักท้วงว่าเป็นข้อมูลที่ผิดปกติ พยานหลักฐานฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 87 กระทำความผิด
จำเลยที่ 83 และที่ 84 นั้น จำเลยที่ 83 และที่ 84 เป็นผู้เขียนแบบแปลนก่อสร้างพื้นคอนกรีตที่ปรากฏอยู่ในแผ่นซีดี แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 83 และที่ 84 มีส่วนร่วมจัดทำแผ่นซีดีและแจกจ่าย กรณีเป็นไปได้ว่ามีผู้อื่นนำไปใช้โดยพลการ แบบแปลนก็ไม่มีลักษณะที่ต้องเลือกใช้แผ่นยางสังเคราะห์ของจำเลยที่ 81 และไม่เกี่ยวข้องกับรายการหนังสือหรือแผ่นยางสังเคราะห์ จึงฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 83 และที่ 84 กระทำความผิด
จำเลยที่ 85 นั้น จำเลยที่ 85 แนะนำ ว. ให้มาดำเนินการ และจำเลยที่ 85 ลงชื่อแทนเจ้าของลายมือชื่อที่แท้จริง ทั้งมีการจัดทำเอกสารระบุว่า ช. เป็นผู้เคาะราคาให้จำเลยที่ 75 แต่ ช.อยู่ที่สาธาธารณรัฐเกาหลี ส่อแสดงว่าพร้อมที่จะช่วยเหลือกลุ่มผู้เสนอราคา ถือได้ว่าสนับสนุนกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาฯ มาตรา 4, 12 ประกอบ ป.อ. มาตรา 86
จำเลยที่ 85 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องการกับจัดทำหรือแจกแผ่นซีดี จึงไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาฯ มาตรา 7 ส่วนมาตรา 11. 10 ประกอบ ป.อ. มาตรา 86 ไม่มีตัวการที่จำเลยที่ 85 จะเป็นผู้สนับสนุนได้ ส่วนความผิดตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทจริตฯ มาตรา 12223/1 และป.อ. มาตรา 151, 157, 86 นั้น จำเลยที่ 85 มิได้กระทำการใดอันพอจะแสดงว่ากระทำความผิด
@ คำพิพากษาลงโทษเป็นรายบุคคล
พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 123/1 ป.อ..มาตรา 151 (เต็ม) ประกอบมาตรา 86 เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 151 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ.มาตรา 90 จำคุก 4 ปี
จำเลยที่ 2 และที่ 3 มีความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา123/1 ประกอบ ป.อ. มาตรา 86 ป.อ. มาตรา 151 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 151 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 จำคุกคนละ 3 ปี 4 เดือน
จำเลยที่ 5 มีความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 123/1 ป.อ.มาตรา 157 (เดิม) , 151 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 151 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สดตตาม ป.อ.มาตรา 90 จำคุก 3 ปี 4 เดือน และปรับ 26,000 บาท
จำเลยที่ 7 ถึงที่ 13 มีความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ 123/1 ป.อ. มาตรา 157(เดิม) เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฤหมายหลายบท ลงโทษตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 123/1 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 จำคุกคนละ 1 ปี และปรับคนละ 20,000 บาท
จำเลยที่ 14 มีความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 123/1 ป.อ.มาตรา 157 (เดิม) พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาฯ มาตรา 7, 12 เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาฯ มาตรา 12 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 จำคุก 5 ปี
จำเลยที่ 15 ถึงที่ 40 ที่ 42 ถึง 60 และที่ 62 ถึงที่ 69 มีความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 123/1 ป.อ. มาตรา 157 (เดิม) มาตรา 162 (4) (เดิม) เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 129/1 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 จำคุกคนละ 1 ปี
เฉพาะจำเลยที่ 32 ให้ปรับอีกสถานหนึ่งเป็นเงิน 20,000 บาท
จำเลยที่ 70 มีความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาประกอบ ป.อ. มาตรา 86 ป.อ. มาตรา 157 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาฯ มาตรา 7, 12 ประกอบ ป.อ. มาตรา 86 เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตาม ป.อ. มาตรา 91 รวม 7 กระทง ซึ่งการกระทำแต่ละกระทงเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90
สำหรับกรณีสนับสนุนการจัดหารายชื่อ รร. 1 กระทง ลงโทษตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทจวิต ฯ มาตรา 123/1 ประกอบ ป.อ. มาตรา 86 จำคุก 2 ปี
กรณีสนับสนุนจำเลยที่ 14 จำนวน 1 กระทง ลงโทษตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาฯ มาตรา 12 ประกอบ ป.อ. มาตรา 86 จำคุก 3 ปี 4 เดือน และลงโทษตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาฯ มาตรา 7 อีก 5 กระทง จำคุกกระทงละ 2 ปี เป็นจำคุก 10 ปี รวมทั้งหมด 7 กระทง เป็นจำคุก 15 ปี 4 เดือน
จำเลยที่ 71 และที่ 72 มีความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา123/1 ประกอบ ป.อ. มาตรา 86 ป.อ. มาตรา 157 (เดิม), 86 เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 1223/1 ประกอบ ป.อ.มาตรา 86 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 จำคุกคนละ 8 เดือน และปรับคนละ 14,000 บาท
จำเลยที่ 73 ที่ 74 ที่ 81 และที่ 82 มีความผิดตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 123/1 ประกอบ ป.อ. มาตรา 86 ป.อ. มาตรา 157 (เดิม), 86 มาตรา 265 (เดิม) มาตรา 268 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 265 (เดิม) พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคา ฯ มาตรา 4 วรรคหนึ่ง, 72 ประกอบ ป.อ. มาตรา 86 เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามป.อ. มาตรา 91
จำเลยที่ 73 ที่ 74 ที่ 81 และที่ 82 ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมต้องลงโทษฐานใช้เอกสารราชการปลอมแต่กระทงเดียวตาม ป.อ. มาตรา 268 วรรคสอง ซึ่งการ กระทำแต่ละกรรมเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท สำหรับกระทงแรกกรณีสนับสนุนจำเลยที่ 14 ลงโทษตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาฯ มาตรา 12 ประกอบ ป.อ. มาตรา 86 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ.มาตรา 90 ส่วนกระทงอื่นลงโทษตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาฯ มาตรา 7 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 จึงปรับจำเลยที่ 73 กระทงแรกเป็นเงิน 70,000 บาท และปรับจำเลยที่ 73 เฉพาะกรณีสพป.นม. เขต 5 และ สพม.นม.เขต 31 อีก 2 กระทง แต่ละกระทงให้ปรับร้อยละห้าสิบของจำนวนเงินที่มีการเสนอราคาสูงสุดในระหว่างผู้ร่วมกระทำความผิดหรือของจำนวนเงินที่มีการทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐแล้วแล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า เป็นเงิน 21,3224,750 บาท รวมปรับ 21,394,750 บาท ปรับจำเลยที่ 81 กระทงแรกเป็นเงิน 70,000 บาท และสำหรับกรณีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเขตอื่นอีก 6 แห่ง เป็น 6 กระทง แต่ละกระทงให้ปรับร้อยละห้าสิบ ฯ เป็นเงิน 78,960,000 บาท รวมปรับ 79,030,000 บาท
จำคุกจำเลยที่ 74 และที่ 82 กระทงแรกคนละ 3 ปี 4 เดือน กระทงอื่นอีก 6 กระทง จำคุกกระทงละคนละ 2 ปี เป็นจำคุกคนละ 12 ปี รวม 7 กระทง เป็นจำคุกคนละ 15 ปี 4 เดือน
จำเลยที่ 75 ถึงที่ 78 มีความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 123/1 ประกอบ ป.อ. มาตรา 86 ป.อ. มาตรา 157 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาฯ มาตรา 4 วรรคหนึ่ง, 7, พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคา ฯ มาตรา 12 ประกอบ ป.อ.มาตรา 86 เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตาม ป.อ. มาตรา 91 ซึ่งการกระทำแต่ละกระทงเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามป.อ. มาตรา 90 สำหรับกระทงแรกกรณีสนับสนุนจำเลยที่ 14 ลงโทษตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ประกอบ ป.อ. มาตรา 86 ส่วนกระทงอื่นลงโทษตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาฯ มาตรา 7 จึงปรับจำเลยที่ 75 และที่ 77 กระทงแรกเป็นเงินรายละ 70,000 บาท และกระทงที่เหลือ สำหรับจำเลยที่ 75 เฉพาะสพป.นม เขต 1 เขต 5 และ สพม.นม. เขต 31 อีก 3 กระทง และจำเลยที่ 77 อีก 6 กระทง แต่ละกระทงให้ปรับร้อยละห้าสิบฯ
สำหรับจำเลยที่ 75 เป็นเงิน 47,641,500 บาท และสำหรับจำเลยที่ 77 เป็นเงิน 78,960,000 บาท รวมทุกกระทงปรับจำเลยที่ 75 จำนวน 47,711,500 บาท ปรับจำเลยที่ 77 จำนวน 74,030,00000 บาท
จำคุกจำเลยที่ 76 กระทงแรก 3 ปี 4 เดือน กระทงที่เหลืออีก 3 กระทง จำคุกกระทงละ 2 ปี เป็น 6 ปี รวม 4 กระทง เป็นจำคุก 9 ปี 4 เดือน
จำคุกจำเลยที่ 78 กระทงแรก 3 ปี 4 เดือน และปรับ 70,000 บาท กระทงที่เหลืออีก 6 กระทง จำคุกกระทงละ 2 ปี เป็นจำคุก 12 ปี รวม 7 กระทง เป็นจำคุก 15 ปี 4 เดือน และปรับ 70,000 บาท
จำเลยที่ 79 และที่ 80 มีความผิดตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 123/1 ประกอบ ป.อ. มาตรา 86 ป.อ. มาตรา 157 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาฯ มาตรา 5 วรรคหนึ่ง, 7 ลงโทษตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐพ.ศ. 2542 มาตรา 7 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 จึงปรับจำเลยที่ 79 เป็นเงินร้อยละห้าสิบ ฯ เฉพาะกรณี สพป.นม. เขต 4 เป็นเงิน 15,054,000 บาท
ส่วนจำเลยที่ 80 จำคุก 2 ปี
จำเลยที่ 85 มีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาฯ มาตรา 4 วรรคหนึ่ง, 12 ประกอบ ป.อ. มาตรา 86 เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาฯ มาตรา 122 ประกอบ ป.อ. มาตรา 86 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตาม ป.อ. มาตรา 90 จำคุก 3 ปี 4 เดือน
@ ไม่ซื่อสัตย์สุจริต/เป็นต้นเหตุแห่งการกระทำความผิดในคดีนี้
พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว จำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่ง สส. และรองประธานคณะกรรมาธิการคนที่สิบ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.พ.ศ. 2555 สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติมีหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลเพื่อควบคุมการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินของฝ่ายบริหารให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน โดยต้องไม่เข้าไปแทรกแซงหรือมีส่วนได้เสียในการใช้งบประมาณ
แต่จำเลยที่ 1 กระทำการในลักษณะไม่ซื่อสัตย์สุจริตและเป็นต้นเหตุแห่งการกระทำความผิดในคดีนี้ จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 70 เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 4 อันเป็นการส่งเสริมให้จำเลยที่ 4 กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เป็นเหตุให้สพฐ.ได้รับความเสียหาย มีผลกระทบต่อการใช้งบประมาณของรัฐที่ใด้มาจากการเสียภาษีอากรของประชาชนเพื่อใช้ในการพัฒนาประเทศ

@ ชินภัทร ภูมิรัตน
จำเลยที่ 14 เป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำความผิดในลักษณะเอื้อประโยชน์แก่ผู้เสนอราคาที่เกี่ยวพันกับจำเลยที่ 74 และที่ 82 ทั้งจำเลยที่ 70 ที่ 74 ที่ 76 ที่ 82 และที่ 85 มีส่วนสำคัญทำให้เกิดความเสียหายแก่ระบวนการเสนอราคาหรือทำให้ไม่มีการแข่งขันเสนอราคาอย่างเป็นธรรม พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กรณีจึงไม่มีเหตเพียงพอที่จะรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ที่ 14 ที่ 70 ที่ 74 ที่ 76 ที่ 82 และที่ 85
ส่วนจำเลยที่ 6 ถึงที่ 13 ที่ 15 ถึงที่ 40 ที่ 42 ถึงที่ 60 และที่ 62 ถึงที่ 69 ไม่ปรากฏว่าได้รับประโยชน์ส่วนตนในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน แต่กระทำไปโดยมุ่งหมายจะให้ รร.ได้มีสนามกีฬาฟุตชอล ประกอบกับได้รับราชการมานาน นับว่ามีคุณงามความดีมาก่อน จำเลยที่ 71 มีส่วนเกี่ยวข้องเฉพาะขั้นตอนจัดส่งรายชื่อ รร. ให้แก่จำเลยที่ 6 ส่วนจำเลยที่ 72 มีส่วนเกี่ยวข้องเฉพาะการช่วยผู้อื่นประสานงานกับ รร.บางแห่ง ส่วนจำเลยที่ 78 ซึ่งเป็นพนักงานขับรถและจำเลยที่ 80 ซึ่งเป็นคนรับใช้ พฤติการณ์ในการกระทำความผิดเกิดจากการถูกครอบงำในระหว่างที่เป็นลูกจ้าง
ดังนั้น เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 6 ถึงที่ 13 ที่ 15 ถึงที่ 40 ที่ 42 ถึงที่ 60 ที่ 62 ถึงที่ 69 ที่ 71 ที่ 72 ที่ 78 และที่ 80 เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนดคนละ 3 ปี ตาม ป.อ. มาตรา 56
หากจำเลยที่ 6 ถึงที่ 13 ที่ 72 ที่ 71 ที่ 72 และที่ 78 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ป.อ. มาตรา 29, 30 ส่วนจำเลยที่ 73 ที่ 75 ที่ 77 ที่ 79 และที่ 81 หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ป.อ. มาตรา 29 นับโทษจำคกจำเลยที่ 74 ที่ 76 ที่ 82 ต่อตามฟ้อง ข้อหาอื่นและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
และยกฟ้องโจทก์สำหรับ จำเลยที่ 4 ที่ 5 ที่ 83 ที่ 84 และที่ 86 ถึงที่ 89
********************
อย่างไรก็ดี คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลยยังมีสิทธิ์อุทธรณ์กับที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จ นายวิรัช ยื่นประกันตัวโดยศาลอนุญาตให้ประกันตัวเพิ่มวงเงินเป็น 4 เเสนบาท จากชั้นพิจารณาคดี 2 เเสนบาท
********************
สำหรับรายชื่อจำเลยในคดีนี้ เดิมที่มี 87 ราย แต่มีการเรียกจำเลยร่วมจากศาลจังหวัดนครราชสีมาอีก 2 ราย รวมแล้วจำเลยในคดีนี้มี 89 คน
โดยรายชื่อจำเลย ที่มีการตรวจสอบยืนยันข้อมูลแล้ว มีดังต่อไปนี้
จำเลยที่ 1 นายวิรัช รัตนเศรษฐ (อดีตประธานวิปรัฐบาล สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (สส.) บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ)
จำเลยที่ 2 นางทัศนียา รัตนเศรษฐ (สส.นครราชสีมา ภรรยา นายวิรัช)
จำเลยที่ 3 นายสัมภาษณ์ อัตถาวงศ์ อดีต สส.จังหวัดนครราชสีมา
จำเลยที่ 4 นายชินภัทร ภูมิรัตน (อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.))
จำเลยที่ 5 นายประยงค์ ตั้งเจริญ (อดีตผู้อำนวยการส่วนการงบประมาณ สำนักนโยบายและแผนงบประมาณ สำนักงบประมาณ ในฐานะกรรมการและเลขานุการในคณะกรรมการพิจารณาการเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 )
จำเลยที่ 6 นายรังสรรค์ มณีเล็ก (อดีตผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สพฐ. )
จำเลยที่ 7 นายปฐมฤกษ์ มณีเนตร
จำเลยที่ 8 นายนิเวศน์ อุดมรัตน์ (อดีตผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา นครราชสีมาเขต 2)
จำเลยที่ 9 นายพิสิษฐ์ ชดกิ่ง
จำเลยที่ 10 นายสมภพ ศักดิษฐานนท์
จำเลยที่ 11 นายพจน์ เจริญสันเทียะ
จำเลยที่ 12 นายชนาธิป สำเริง
จำเลยที่ 13 นายชูเกียรติ วิเศษเสนา
จำเลยที่ 14 นายวิชัย ทองเกลียว
จำเลยที่ 15 นายนราศักดิ์ เกษตรเวทิน
จำเลยที่ 16 นายพยุงศักดิ์ เสริฐสูงเนิน
จำเลยที่ 17 นางสุทิน ชวนนอก
จำเลยที่ 18 นางบุปผาวัลย์ เจริญชัยสงค์
จำเลยที่ 19 นางวัชรารัตน์ พิทักษ์
จำเลยที่ 20 นางวาสนา สังข์กลาง
จำเลยที่ 21 นายเรืองยศ เชื่อมกลาง
จำเลยที่ 22 นายสละ กิ่งโพธิ์
จำเลยที่ 23 นายมานะ อุนารัตน์
จำเลยที่ 24 นายสุรัตน์ มุ่งอิงกลาง
จำเลยที่ 25 นายฉลอง วงศ์ปัดแก้ว
จำเลยที่ 26 นายบำรุง โลหะการก
จำเลยที่ 27 นายไพทูลย์ พิทักษ์
จำเลยที่ 28 นายนิมิตร มากกลาง
จำเลยที่ 29 นายฐปนนท์ ทองเกิด
จำเลยที่ 30 นายอัญเชิญ วชิรพันธุ์
จำเลยที่ 31 นายวิโรจน์ เลิศพงษ์
จำเลยที่ 32 นายอนันต์ สุวรรณะ
จำเลยที่ 33 นายทองอินทร์ ไปเจอะ
จำเลยที่ 34 นางสาวพูนพิศมัย เปี่ยมสุวรรณ
จำเลยที่ 35 นางสาวอ้อย สงึมรัมย์
จำเลยที่ 36 จ่าอากาศตรี หรือนายอุดม หวังหุ้นกลาง
จำเลยที่ 37 นายพีระวัฒน์ พีระธรรมเดช
จำเลยที่ 38 นายไพฑูรย์ อักษรครบุรี
จำเลยที่ 39 นายคำรื่น ทองเหลื่อม
จำเลยที่ 40 นายสุวันชัย ปานอุบล
จำเลยที่ 41 นายประสิทธิ์ ด่านกระโทก
จำเลยที่ 42 นายสมพล ทองตัน
จำเลยที่ 43 นายนิคม สุวรรณทา
จำเลยที่ 44 นายสุริยา พลกลาง
จำเลยที่ 45 นายเผด็จ ศรีนอก
จำเลยที่ 46 นางสมบัติ ถ่อนสันเทียะ
จำเลยที่ 47 นายสามารถ เอื้องคำประเสริฐ
จำเลยที่ 48 นายขันธ์เพชร ถาวรพรหม
จำเลยที่ 49 นายชาญชัย เพียกขุนทด
จำเลยที่ 50 นายประยงค์ สวัสดีพุทรา
จำเลยที่ 51 นายสมบัติ วรรณา
จำเลยที่ 52 นายชาญ อยู่เกาะ
จำเลยที่ 53 นายเจริญ ดวงมาลัย
จำเลยที่ 54 นายวีรเดช จันหนุกูล
จำเลยที่ 55 นายอำนวย ดงนอก
จำเลยที่ 56 นายสุวิทย์ แก้วไพทูรย์
จำเลยที่ 57 นายตะวัน ตลอดไธสง
จำเลยที่ 58 นายนพดล โสดาปัดชา
จำเลยที่ 59 นายวิชัย จันทพรม
จำเลยที่ 60 นายทองด้วง โพธิจักร จำเลยที่ 61 นายประทวน ด่านแก้ว
จำเลยที่ 62 นายบุณยสิทธิ์ แสงทอง
จำเลยที่ 63 นายวุฒิชัย หวังอ้อมกลาง
จำเลยที่ 64 นายวีระพงษ์ จันทนุกูล
จำเลยที่ 65 นางพิกุล ดีวงศา
จำเลยที่ 66 นายณัฐพัชร์ พินพัฒนกุล
จำเลยที่ 67 นายอนันต์ เพียรเกาะ
จำเลยที่ 68 นายสภูษณพงศ์ เครื่องกลาง
จำเลยที่ 69 นายนิพนธ์ ภักดีแก้ว
จำเลยที่ 70 นายสัมฤทธิ์ ปลั่งกลาง
จำเลยที่ 71 นายประภัสร์หรือยาว ลิมานันท์
จำเลยที่ 72 นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ (สส.นครราชสีมา น้องสาวนางทัศนียา)
จำเลยที่ 73 บริษัทวายอีอี จำกัด
จำเลยที่ 74 นายยี พณิชยา
จำเลยที่ 75 ห้างหุ้นส่วนจำกัด จี โอ โอ ดี โดยนายนนทชิตหรืออนุชา วงศ์มณีรัตน์ หุ้นส่วนผู้จัดการ
จำเลยที่ 76 นายนนทชิตหรืออนุชา วงศ์มณีรัตน์
จำเลยที่ 77 บริษัทวอร์เตอร์ ฮีล แลนด์ จำกัด โดยนายมานัส ชาวนา กรรมการ
จำเลยที่ 78 นายมานัส ชาวนา
จำเลยที่ 79 บริษัทพี.อาร์.เอ็น. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยนางสาวสุธาดา เรื่องพูน กรรมการ
จำเลยที่ 80 นางสาวสุธาดา เรื่องพูน
จำเลยที่ 81 บริษัทสปอร์ต แอนด์ เกม จำกัด โดยนางสาวเบญจพันธ์หรือเอ๋ บุญบงการ กรรมการ
จำเลยที่ 82 นางสาวเบญจพันธ์หรือเอ๋ บุญบงการ
จำเลยที่ 83 นายสรรพสิทธิ์ บุญเทียม
จำเลยที่ 84 นายวิธิวัสส์ ภู่ขัสส์วุฒิกุล
จำเลยที่ 85 นางสาวฐิติรัตน์หรือแนน ทันหาบุรุษ
จำเลยที่ 86 นางสาวกุลธิดาหรือเต้ย วีรตานนท์
จำเลยที่ 87 นางสาวรัตนาหรือน้อง มงคลสกุล
อ่านข่าวประกอบ:

- สรุป! มหากาพย์คดีฟุตซอล 'วิรัช-เมีย-น้องเมีย' หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.-ไล่ออก ครู 65 คน
- ใครเป็นใคร? เปิดชื่อครบ‘วิรัช-84 ผู้ถูกกล่าวหา’ถูก อสส.สั่งฟ้องศาลฎีกาฯคดีฟุตซอลโคราช
- ตัดสินแล้ว! คดีทุจริตฟุตซอล จำคุก 4 ปี 'วิรัช รัตนเศรษฐ'- เมียโดนด้วย ได้ประกันตัว
