
การกระทําดังกล่าวของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จึงเข้าข่ายการกระทํา ความผิดตามกฎหมายอาญา มีความสุ่มเสี่ยงและอาจจะทําให้ดินแดนและอธิปไตยของราชอาณาจักร ไทยต้องสูญเสียให้ประเทศกัมพูชา ด้วยการกระทําการใด ๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรไทยหรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดของราชอาณาจักรไทยตกไปอยู่ใต้อํานาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ
หมายเหตุสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) :สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 ส.ค.นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา นายแพทย์ ตุลย์ สิทธิสมวงศ์,นายคมสัน โพธิ์คง นักวิชาการกฎหมาย และนายนิติธร ล้ำเหลืออดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ยื่นเอกสารให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ไต่สวนข้อเท็จจริง ชี้มูลความผิด ดำเนินคดีอาญา กับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ในฐานะเจ้าพนักงานรัฐ ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิปฏิบัติอย่างใด ในตำแหน่งหรือหน้าที่ เพื่อใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต หรือทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ หรือกระทำผิดฐานอื่นที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ต่อกรณีคลิปเสียงคุยกับนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา

สำนักข่าวอิศราจึงได้นำเอาหนังสือร้องเรียนฉบับเต็มของนายสมชายมานำเสนอ มีรายละเอียดดังนี้
เรื่อง ขอให้ไต่สวนข้อเท็จจริง ชี้มูลความผิด ดําเนินคดีอาญา กับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะเจ้าพนักงานรัฐ ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใด ในตําแหน่ง หรือหน้าที่ เพื่อใช้อํานาจในตําแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่ง ผู้ใด หรือการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต หรือทุจริตต่อตําแหน่งหน้าที่ หรือกระทําผิดฐานอื่นที่อยู่ในอํานาจหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
เรียน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
สิ่งที่ส่งมาด้วย
1.สําเนาเอกสารถอดบทสนทนา จากคลิปเสียงที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ ระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร กับ สมเด็จฮุน เซน และนายฮวด ลําดับที่ 1 - 110 รวม 7 แผ่น
2. สําเนาหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กห.0300/850 เรื่อง เรื่องขอนําเรื่องมาตรการ ยกระดับการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และการค้ามนุษย์ ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เข้าที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2568 จํานวน 1 แผ่น
ข้อ 1. ข้าพเจ้า นายสมชาย แสวงการ (อดีตสมาชิกวุฒิสภา) นายแพทย์ ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ (รับราชการ) นายคมสัน โพธิ์คง (นักวิชาการกฎหมาย) และนายนิติธร ล้ำเหลือ (ทนายความ) รายละเอียดที่อยู่หมายเลขโทรศัพท์ ปรากฏตามเอกสารแนบท้ายหนังสือฉบับนี้
ข้าพเจ้าทุกคนเป็นประชาชนคนไทย มีหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ตามรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย หมวด 4 หน้าที่ของปวงชนชาวไทย
นอกจากนี้
นายสมชาย แสวงการ นายคมสัน โพธิ์คง และนายนิติธร ล้ำเหลือ ร่วมกันเป็นผู้ ร้องทุกข์กล่าวโทษ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568 กรณีคลิปเสียงบทสนทนา ระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร กับ สมเด็จ ฮุน เซน และนายฮวด ซึ่งเข้าข่ายการกระทํา ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา หมวด 3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร มาตรา 120 ถึงมาตรา 129
ข้อ 2. เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภา ประเทศกัมพูชา ได้ทํา การปล่อยคลิปเสียงการสนทนา ระหว่างนาย ฮุน เซน กับ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ของประเทศไทย ความยาว ประมาณ 17 นาที ทางหน้าเพจเฟซบุ๊ก ของนายฮุน เซน ซึ่งเป็นคลิปเสียง การสนทนาเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 โดยมีนายฮวด ล่ามชาวกัมพูชา เป็นผู้แปล พบว่าข้อความ ในการสนทนาดังกล่าวบางช่วง มีการกล่าวถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งเป็นทหารของชาติผู้ทําหน้าที่พิทักษ์ ปกป้องดินแดนและอธิปไตยของชาติ ว่าเป็นบุคคลฝ่ายตรงข้าม และขอให้นายฮุน เซน อย่าไปฟังการ พูด ของคนที่เป็นของ “พวกฝ่ายตรงข้าม” โดยมีข้อความเสียงว่า “ ไม่อยากให้ Uncle ไปฟังคนที่ เป็นฝั่งตรงข้ามกับเรา เพราะว่าพอไปฟังฝั่งตรงข้ามอย่างพวกแม่ทัพภาค 2 อย่างเนี้ยค่ะ เป็นคน ของฝั่งตรงข้ามหมดเลย...” และยังมีข้อความบางช่วงว่า “จริง ๆ แล้วท่านอยากได้อะไรก็ให้ท่าน บอกมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะจัดการให้
รายละเอียดข้อความข้อเท็จจริงทั้งหมดปรากฏตามเอกสารสิ่ง ที่ส่งมาด้วย 1 (สําเนาเอกสารได้รับจากพนักงานสอบสวน ต้นฉบับอยู่ที่พนักงานสอบสวน กองบังคับ การปราบปราม กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง) และยังมีข้อความอีกหลายข้อความที่แสดงให้ เห็นว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้ทําการในลักษณะร่วมสมคบกับประเทศกัมพูชา กระทําการอันเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ นอกจากนี้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ยังแถลงข่าวให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 เวลา 14.09 นาฬิกา ที่ทําเนียบรัฐบาล ยอมรับว่าคลิปเสียงดังกล่าวเป็นเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างตนกับ นายฮุน เซน จริง เป็นการสนทนาเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 และพยายามอธิบายต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับการกล่าวถึงแม่ ทัพภาคที่ 2 ที่ว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ใช่พวกเรา
โดยอธิบายว่า หมายถึงไทยกับกัมพูชาเป็นฝั่งตรง ข้ามกัน นอกจากนี้ยังมีการกล่าวในลักษณะว่า จะสั่งการจัดการเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้ของ ทหารให้เป็นไปตามที่นายฮุนเซนมีความประสงค์
บทสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ดังกล่าวทําให้วิญญูชนและสาธารณชนเข้าใจว่า พวกเราหมายถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นพวกเดียวกับประเทศกัมพูชา ซึ่งปัจจุบันกัมพูชา กระทําการในลักษณะเป็นอริราชศัตรูของราชอาณาจักรไทยที่ทําการรุกล้ำดินแดนไทยในหลายจุด
โดยกล่าวอ้างว่าเป็นดินแดนของประเทศกัมพูชา และเป็นข้อพิพาทตามแนวชายแดน มีการปะทะ กันของทหารตามแนวชายแดนที่ช่องบก สามเหลี่ยมมรกต อําเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี จนมีการ ตรึงกําลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ตลอดแนวชายแดนไทย - กัมพูชา อีกทั้งนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชายังประกาศว่าจะนําประเด็นข้อพิพาทตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา เสนอต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งทางกองทัพไทยได้มีมาตรการกดดันตอบโต้ด้วยการ ปรับเปลี่ยนเวลาเปิดปิดด่านตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และมาตรการกดดันตอบโต้การกระทําของประเทศกัมพูชาอีกหลายเรื่อง
การกระทําดังกล่าวของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จึงเข้าข่ายการกระทํา ความผิดตามกฎหมายอาญา มีความสุ่มเสี่ยงและอาจจะทําให้ดินแดนและอธิปไตยของราชอาณาจักร ไทยต้องสูญเสียให้ประเทศกัมพูชา ด้วยการกระทําการใด ๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรไทยหรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดของราชอาณาจักรไทยตกไปอยู่ใต้อํานาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป และตามข้อความการสนทนายังมีลักษณะเป็นการคบคิดกับผู้ร่วมสนทนากระทําการเพื่อประโยชน์ของรัฐต่างประเทศที่เป็นปรปักษ์ต่อราชอาณาจักรไทย หรือกระทําการใด ๆ เพื่ออุปการะ แก่การดําเนินการรบหรือการตระเตรียมการรบของข้าศึก หรือคบคิดกับบุคคลซึ่งกระทําการเพื่อประโยชน์ของรัฐต่างประเทศในทางที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ หรือกระทําการใด ๆ เพื่อให้เกิดเหตุร้ายแก่ ประเทศจากภายนอก
การกระทําดังกล่าวจึงเข้าข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติอันเป็นความผิด ต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักรไทย ตามประมวลกฎหมายอาญา หมวด 3 ความผิด ต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร มาตรา 119 มาตรา 120 มาตรา และ 122 ประกอบกับมาตรา 128 และมาตรา 129
2.1 ภายหลังจากบทสนทนาระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายฮุน เซน และนายฮวด เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์แล้ว ความปรากฏว่า กองบัญชาการกองทัพไทยได้มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ กห. 0300/850 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2568 เรื่องขอนําเรื่องมาตรการยกระดับการป้องกันและ ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และการค้ามนุษย์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เข้าที่ประชุม สภาความมั่นคงแห่งชาติ เสนอต่อสํานักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติความสรุปดังนี้ “จึงขอให้สํานัก สภาความมั่นคงแห่งชาติได้กรุณาเสนอมาตราการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี การค้า มนุษย์ และบ่อนการพนันในกัมพูชา เข้าที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยเร่งด่วน ดังนี้”
“2.1 แจ้งให้ฝ่ายกัมพูชาเร่งรัดปราบปรามผู้ก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีและ การค้ามนุษย์ในทุกพื้นทีทันที จับกุมและบังคับใช้กฎหมายต่อผู้กระทําความผิดรวมถึง ผู้สนับสนุนทั้งหมด
2.2 ยกระดับมาตรการป้องกันและปราบปรามฯ อาทิเช่น การตัดกระแสไฟฟ้า การระงับสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่ส่งเข้าไปในพื้นที่ที่เป็นบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ การ ควบคุมสินค้าและยุทโธปกรณ์ที่อาจจะนําไปใช้ในการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีและ อาชญากรรมข้ามชาติอื่น ๆ ลงนามโดย พลเอก มนัส จันดี” รายละเอียดปรากฏตาม สําเนาเอกสาร สิ่งที่ส่งมาด้วย 2
หนังสือดังกล่าวเสนอสํานักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเพื่อให้สํานักงานสภาความมั่นคงแห่งชาตินําเข้าที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติโดยเร่งด่วน เพื่อยกระดับมาตรการฯ ต่อเนื่อง ตามมติสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ที่มอบหมายให้กองทัพบก และกองทัพเรือ ดําเนินการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภท ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
2.2 ตามรายงานของสื่อมวลชน จะมีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในวันที่ 16 มิถุนายน 2568 แต่ไม่ปรากฏว่ามีการประชุมในวันดังกล่าว มีแต่สื่อมวลชนรายงานข่าวว่า รัฐบาล โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และในฐานะประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้ จัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.)และนายฮวดเกิดขึ้นวันที่ 15 มิถุนายน 2568
หากพิจารณาเรื่องวันเวลา รื่องวันเวลา การสนทนา ระหว่างนางสาวแพทองธาร ชินวัตร กับนายฮุน เซน 15 มิถุนายน 2568 ภายหลังจากกองบัญชาการกองทัพไทยได้เสนอเรื่อง มาตรการยกระดับฯ เพื่อให้เข้าที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติโดยเร่งด่วนแล้ว และต่อมาปรากฏว่า ไม่มีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในวันที่ 16 มิถุนายน 2568 แต่อย่างใด แต่มีการตั้งศูนย์ (ศบ.ทก.) แทน จนปัจจุบันมาตรการยกระดับฯ ตามหนังสือของกองบัญชาการกองทัพไทย ยังไม่มี การดําเนินการแต่อย่างใด ก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อกัมพูชา
ข้อ 3.พฤติการณ์การกระทําของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นอกจากเข้าข่ายการกระทํา ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาแล้ว พฤติการณ์การกระทําดังกล่าว ยังถือได้ว่าจงใจฝ่าฝืน กระทําการ ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ หมวด 5 หน้าที่ของรัฐ มาตรา 52 มาตรา 66 หมวด 8 คณะรัฐมนตรี มาตรา 160 มาตรา 161 มาตรา 164 ทั้งยังฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทาง จริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงิน แผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 อย่างร้ายแรง ประจักษ์ชัด ต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ
ข้อ 4. พฤติการณ์การกระทําของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้ก่อให้เกิดผลกระทบความเสียหายต่อเกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ เศรษฐกิจของประเทศ และความ สงบเรียบร้อยของประชาชน กระทบต่อการปฏิบัติการทางการทหาร การทูต และการข่าวกรอง อย่างมีนัยสําคัญ รวมไปถึงเกียรติภูมิแห่งสถานะตําแหน่งนายกรัฐมนตรี
ตามที่กล่าวมาข้างต้น พฤติการณ์การกระทําของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐ ถือได้ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ไม่ ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม มีลักษณะร้ายแรง ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใด ใน ตําแหน่งหรือหน้าที่ เพื่อใช้อํานาจในตําแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่ง ผู้ใด หรือการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต หรือทุจริตต่อตําแหน่งหน้าที่ หรือกระทํา ผิดฐานอื่นที่อยู่ในอํานาจหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จึงขอให้ไต่สวนข้อเท็จจริง ชี้มูลความผิด ดําเนินคดีอาญา กับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
จึงเรียนมาเพื่อดําเนินการโดยเร่งด่วน
สำหรับรายละเอียดของสําเนาเอกสารถอดบทสนทนา จากคลิปเสียงที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ ระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร กับ สมเด็จฮุน เซน และนายฮวดมีรายละเอียดดังนี้







สำหรับรายละเอียดของสําเนาหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กห.0300/850 เรื่อง เรื่องขอนําเรื่องมาตรการ ยกระดับการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และการค้ามนุษย์ ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา มีรายละเอียดดังนี้

