
"...มีการวิเคราะห์กันว่า ก่อนที่จะถึงวันนัดหมายสำคัญดังกล่าว นายทักษิณ อาจจะอ้างเหตุผลเรื่องอาการเจ็บป่วย ต้องเลื่อนเดินทางกลับประเทศ ถ้าหากศาลฯ มีคำพิพากษาตัดสินว่า ไม่ต้องกลับไปรับโทษจำคุกเป็น 1 ปี นายทักษิณ ก็อาจจะเดินทางกลับไทยในเวลาต่อมา แต่ถ้าหากศาลฯ มีคำตัดสินว่า นายทักษิณ ต้องกลับไปรับโทษจำคุกเป็นเวลา 1 ปี ตามคำพิพากษาเดิม นายทักษิณ ก็คงไม่ได้เดินทางกลับมาไทยอีกนานแล้ว และก็ไม่มีความเสี่ยงอะไรจากการติดคุก เนื่องจากตนเองไปอยู่นอกประเทศแล้ว และการใช้ชีวิตก็คงไม่ลำบากอะไร เพราะเคยทำมาแล้วเป็นระยะเวลายาวนานหลายปี..."
กรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางออกนอกประเทศไทยด้วยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว ในช่วงเวลา 19.03 น. วันที่ 4 กันยายน 2568 ไฟล์ท GL7T กำหนดจุดหมายปลายทาง คือ ประเทศสิงคโปร์ โดยอ้างว่าเดินทางไปพบแพทย์ ทำธุระส่วนตัว และจะเดินทางกลับประเทศไทยในอีก 1-2 วัน แต่เมื่อเครื่องบินลำดังกล่าวบินออกจากกรุงเทพ กลับหักหัวออกไปทางทะเลอันดามัน และตรงไปทางมหาสมุทรอินเดีย ไม่ได้เดินทางไปประเทศสิงคโปร์ เปลี่ยนเป้าหมายปลายทางไปลงจอดที่ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แทน
ล่าสุด มีคำชี้แจงเป็นทางการจาก นายทักษิณ ชินวัตร ไปแล้วว่า
1. เขาตั้งใจเดินทางไปสิงคโปร์เพื่อไปตรวจสุขภาพ กับหมอที่เคยดูแลระหว่างอยู่ต่างประเทศ
2. ตม.ไทย ถ่วงเวลาไว้เกือบ 2 ชั่วโมง ทำให้เครื่องจะไปลงสนามบิน Seletar ซึ่งใช้สำหรับเครื่อง Private Jet ลงที่สิงคโปร์ไม่ทัน เพราะสนามบินเปิดให้บริการ ถึงแค่ 4 ทุ่ม เท่านั้น (เวลาสิงคโปร์เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง)
3. เมื่อไม่สามารถไปลงที่สิงคโปร์ได้ จึงตัดสินใจให้นักบินเปลี่ยนแผนไปลงดูไบ เพราะที่ดูไบมีหมอกระดูก และหมอปอดที่ใช้ประจำมานาน และยังมีโอกาสได้เยี่ยมเพื่อนที่ดูไบ ซึ่งไม่ได้เจอกันมา 2 ปีกว่าแล้ว โดยในระหว่างรอขออนุญาตจากสนามบินดูไบ นักบินต้องบินวนรออยู่พักใหญ่ จนกระทั่งได้รับอนุญาตจึงได้หันหัวบินต่อไปยังดูไบ
4. ตั้งใจจะกลับมาไทยไม่เกินวันที่ 8 กันยายน 2568 เพื่อเข้ารับฟังคำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (อม.) กรณีการตรวจสอบข้อเท็จจริงการบังคับโทษคดีถึงที่สุด เป็นระยะเวลา 1 ปี หรือ คดีติดคุกทิพย์ด้วยตัวเอง ในวันที่ 9 กันยายนนี้

กลับไทยไม่เกิน 8 ก.ย.! 'ทักษิณ' แจงโดนถ่วงเวลาบินลงสิงคโปร์ไม่ทัน-เปลี่ยนแผนหาหมอดูไบ
โฟกัสข้อมูลในส่วนประเด็นที่ 2 ถึงข้ออ้าง ตม.ไทย ถ่วงเวลาไว้เกือบ 2 ชั่วโมง ทำให้เครื่องจะไปลงสนามบิน Seletar ซึ่งใช้สำหรับเครื่อง Private Jet ลงที่สิงคโปร์ไม่ทัน เพราะสนามบินเปิดให้บริการ ถึงแค่ 4 ทุ่ม เท่านั้น (เวลาสิงคโปร์เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง)

สำนักข่าวอิศรา ได้รับคำยืนยันจากแหล่งข่าวในแวดวงการบิน ว่า สนามบิน Seletar เปิดให้เครื่องลงได้ตั้งแต่เวลา 07.00 LT , ปิดเวลา 22.00 LT เครื่องลำสุดท้ายสามารถลงได้ เวลา 22.00 LT
เนื่องจากสนามบินแหล่งนี้ จะใช้ในการฝึกซ้อมการบินด้วย จึงมีช่วงเวลาที่สนามบินปิดเพื่อการฝึกซ้อมไม่ให้เครื่องที่ไม่ใช่เครื่องฝึกบินขึ้นลงในบางช่วงเวลา ดังต่อไปนี้
9:30-10:30 LT
12:00-13:00 LT
15:00-16:00 LT
17:00-18:00 LT
22:00-7:00 LT
ส่วนอีกสนามบินหนึ่ง คือ changi airport สามารถเอาเครื่องลงได้ แต่ขอใบอนุญาตยากมาก เพราะว่าเป็นสนามบินที่ค่อนข้างจะหนาแน่น (busy) เนื่องจากมีสายการบินต่าง ๆ จากทั่วโลกบินเข้าออกที่นี่เป็นหลัก
สำหรับกรณีการเดินทางออกนอกประเทศ ของนายทักษิณ และคณะ เมื่อดูเวลาออกจากเมืองไทยประมาณ 20.15 น. ซึ่งคือ 21.15 น. ของสิงคโปร์ ใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมง ไม่น่าที่จะไปลงที่สนามบินสิงคโปร์ทันกับเวลาได้
ขณะที่ในช่วงที่สัญญาณเครื่องบินหายไปเมื่อบินผ่านประเทศอินเดียนั้น เนื่องมาจากประเทศอินเดียตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตของเครื่องบินทั้งหมดที่บินผ่านน่านฟ้า และสาเหตุที่ต้องบินรอบอินเดียวนไปวนมาก็เนื่องจากใบอนุญาต ผ่านน่านฟ้า อินเดียไม่น่าจะมีเลยต้องขออนุญาตกลางอากาศ ถ้าจะบินผ่านอินเดียจริงตั้งแต่แรกต้องขอใบอนุญาตไปก่อน

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากภาพรวมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะมีคำถามตามมาว่า หลังถูก ตม. ตรวจสอบเวลาล่วงเลยไปเกือบ 2 ชั่วโมง และอาจจะมีปัญหาเรื่องเวลาการลงที่สนามบินสิงคโปร์ (นายทักษิณ หรือนักบินน่าจะทราบข้อมูลเรื่องนี้ดี)
ทำไม? นายทักษิณ ถึงยังตัดสินใจบินไปสิงคโปร์อีก
ทำไม? ไม่เลื่อนการเดินทางไปในวันถัดไป
หรือ เมื่อไปถึงครึ่งแล้ว เพิ่งนึกได้ ก็น่าจะบินกลับมาลงจอดที่ไทยก่อน
แต่กลับเลือกใช้วิธีบินขึ้นไปก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนแผนกลางอากาศเดินทางไปดูไบแทน โดยอ้างว่า มีหมอกระดูก และหมอปอดที่ใช้ประจำมานาน และยังมีโอกาสได้เยี่ยมเพื่อนที่ดูไบ ซึ่งไม่ได้เจอกันมา 2 ปีกว่าแล้ว
ทำไม? การเดินทางเข้าออกดูไบ ของนายทักษิณ ดูเหมือนจะง่ายดาย ทำได้กลางอากาศ โดยไม่ผ่านการตรวจสอบอะไรมากนัก
แต่ที่น่าสนใจมากกว่านั้น คือ คณะร่วมเดินทางออกนอกประเทศครั้งนี้ ของนายทักษิณ เพราะในช่วงแรกมีกระแสข่าวว่า เดินทางไปกับครอบครัว ซึ่งการเดินทางไปสิงคโปร์เพื่อไปตรวจสุขภาพ กับหมอที่เคยดูแลระหว่างอยู่ต่างประเทศ พร้อมกับครอบครัว ฟังดูก็เป็นเรื่องปกติ
แต่เมื่อตรวจสอบรายชื่อผู้ร่วมคณะเดินทางทั้งหมด พบว่า มีอยู่จำนวน 5 ราย ประกอบไปด้วย
1. SIMALA CHARATPHAEO
2. TAWATCHAI KLEBMEK
3. PRATUEANG MONCHAIPUM
4. THAKSIN SHINAWATRA
5. KAEWJAI SINGTHONG
เมื่อตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ผู้โดยสารคนอื่นๆ นอกจากนายทักษิณ พบว่า TAWATCHAI KLEBMEK หรือ ร.ท.ธวัชชัย กลีบเมฆ เคยเป็นอดีตนายทหารหน่วยซีล แห่งกองทัพเรือ ผู้ทำหน้าที่อารักขา นายทักษิณ มายาวนานกว่า 20 ปี ทั้งช่วงเป็นนายกรัฐมนตรี และตลอด 17 ปี ที่หลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศด้วย
ส่วน SIMALA CHARATPHAEO หรือ สิมลา จรัสแผ้ว ในฐานข้อมูลออนไลน์ระบุ มีคนชื่อนี้ ทำงานอยู่ที่ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC Asse (ยังไม่ทราบข้อมูลเรื่องภารกิจหน้าที่)
ขณะที่ PRATUEANG MONCHAIPUM หรือ ประเทือง มนต์ชัยภูมิ ข้อมูลในเฟซบุ๊ก เคยลงภาพถ่ายคู่กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร วันที่ 19 สิงหาคม 2568 หลังวันเข้ารับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี วันที่ 18 สิงหาคม 2568
ขณะที่มีรายงานข่าวเชิงลึกว่า ในช่วงระยะหลังที่นายทักษิณ เดินทางไปต่างประเทศ มีคนพบเห็น คนชื่อ ประเทือง มนต์ชัยภูมิ ติดตามไปดูแลคอยทำอาหารการกินให้อยู่เสมอ
ข้อมูลภาพรวมแต่ละคน ดูเหมือนจะเป็นผู้รับใช้คอยติดตามดูแลใกล้ชิด
ย้อนกลับไปดูเหตุผลแรกที่นายทักษิณ กล่าวอ้างว่า ตั้งใจเดินทางไปสิงคโปร์เพื่อไปตรวจสุขภาพ กับหมอที่เคยดูแลระหว่างอยู่ต่างประเทศ ใช้เวลาไม่นานก็เดินทางกลับ
คำถาม คือ เมื่ออ้างว่า ไปตรวจแค่สุขภาพ บุคคลที่ร่วมคณะเดินทางไปด้วย ถึงไม่ใช่คนในครอบครัว แต่กลับกลายเป็นบุคคลเหล่านี้แทน
ดังนั้น จึงเป็นไปได้หรือไม่ ที่การเดินทางออกนอกประเทศครั้งนี้ ของนายทักษิณ น่าจะใช้เวลานานมากกว่า 1-2 วัน ถึงต้องเตรียมผู้รับใช้คอยติดตามดูแลใกล้ชิดเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ดี คำตอบทุกอย่างอาจจะมีความชัดเจนอยู่ที่การตัดสินคดีติดคุกทิพย์ ในวันที่ 9 กันยายนนี้
เพราะมีการวิเคราะห์กันว่า ก่อนที่จะถึงวันนัดหมายสำคัญดังกล่าว นายทักษิณ อาจจะอ้างเหตุผลเรื่องอาการเจ็บป่วย ต้องเลื่อนเดินทางกลับประเทศ
ถ้าหากศาลฯ มีคำพิพากษาตัดสินว่า ไม่ต้องกลับไปรับโทษจำคุกเป็น 1 ปี นายทักษิณ ก็อาจจะเดินทางกลับไทยในเวลาต่อมา
แต่ถ้าหากศาลฯ มีคำตัดสินว่า นายทักษิณ ต้องกลับไปรับโทษจำคุกเป็นเวลา 1 ปี ตามคำพิพากษาเดิม นายทักษิณ ก็คงไม่ได้เดินทางกลับมาไทยอีกนานแล้ว และก็ไม่มีความเสี่ยงอะไรจากการติดคุก เนื่องจากตนเองไปอยู่นอกประเทศแล้ว และการใช้ชีวิตก็คงไม่ลำบากอะไร เพราะเคยทำมาแล้วเป็นระยะเวลายาวนานหลายปี
คำตอบสุดท้ายจะออกมาเป็นอย่างไร คำพูดของนายทักษิณ ที่ระบุว่า ตั้งใจจะกลับมาไทยไม่เกินวันที่ 8 กันยายน 2568 เพื่อเข้ารับฟังคำตัดสินคดีติดคุกทิพย์ด้วยตัวเอง ในวันที่ 9 กันยายนนี้ เชื่อถือได้หรือไม่
อดใจรออีกไม่นาน สังคมไทยจะได้รับทราบคำตอบที่ชัดเจนกัน

- ทักษิณ' บินไปสิงคโปร์แล้ว! หลัง ตม.-ท่าอากาศยาน ตรวจสอบไร้คำสั่งห้ามออกนอก ปท.
- เปิดภาพ-คลิป วินาที 'ทักษิณ' ขึ้นเจ็ทส่วนตัวบินไปสิงคโปร์ อ้างพบแพทย์ 1-2 วันกลับไทย
- ตามติดเรียลไทม์ส เครื่องบินส่วนตัวทักษิณ บินวนกลางมหาสมุทร 2 รอบ ก่อนหักหัวไปทางอินเดีย
- เปิดชื่อ 4 ผู้โดยสาร ร่วมคณะ 'ทักษิณ' บินออกนอกปท.-อดีตหน่วยซีลอารักขาช่วงหนีคดีไปด้วย
- เว็บ FlightRadar24 ระบุที่หมายชัดเจน เจ็ทส่วนตัวทักษิณ มุ่งหน้าสู่นครดูไบ
