
ป.ป.ช. บุรีรัมย์ เผยมติคกก.ชุดใหญ่ ชี้มูลความผิด 'ชัยณรงค์ ตังวงศ์ประเสริฐ' อดีตนายก อบต.ดอนกอก อำเภอนาโพธิ์ - พวก ทุจริตก่อสร้างส้วมชั่วคราวเฝ้าระวังป้องกันโรคโควิด-19 ราคาสูงเกินจริง - สำนวน อสส. ฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายแล้ว - ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายอดุลย์ วันดี ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประจำจังหวัดบุรีรัมย์ ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดบุรีรัมย์ แถลงข่าวมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นายชัยณรงค์ ตังวงศ์ประเสริฐ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ดอนกอก อำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ กับพวก ทุจริตกรณีดำเนินการก่อสร้างห้องน้ำชั่วคราวตามโครงการเฝ้าระวังและป้องกันโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ในราคาสูงเกินจริง
ข้อเท็จจริงโดยสรุปจากการไต่สวนเบื้องต้น ปรากฏว่า องค์การบริหารส่วนตำบลดอนกอกได้รับนโยบายให้จัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงจึงได้กำหนดสถานที่จัดตั้งสถานที่กักกันโรค (Quarantime) ที่โรงเรียนวัดโพธิ์ชัย ตำบลดอนกอก อำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ และดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโครงการจ้างเหมาก่อสร้างห้องน้ำชั่วคราวสถานที่กักกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 จำนวน 6 ห้อง
โดยไม่ได้มีการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และระเบียบหรือประกาศที่เกี่ยวข้อง และได้จัดทำเอกสารหลักฐานเพื่อเบิกเงินค่าจ้างให้แก่ผู้รับจ้าง จำนวน 155,000 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบและคำนวณแล้วได้ราคาค่าก่อสร้างจำนวน 102,451.77 บาท น้อยกว่าค่าจ้างที่เบิกจ่าย จำนวน 52,548.23 บาท การกระทำดังกล่าวทำให้องค์การบริหารส่วนตำบลดอนกอกได้รับความเสียหาย
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติดังนี้
1. การกระทำของนายชัยณรงค์ ตังวงศ์ประเสริฐ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มาตรา 265 และมาตรา 268 ประกอบมาตรา 265 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 และมีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 90/1
2. การกระทำของสิบตำรวจโท บุรินทร์ บุญรับ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มาตรา 158 และมาตรา 268 ประกอบมาตรา 265 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดบุรีรัมย์ เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย พ.ศ.2558 ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2558 ข้อ 7 วรรคสาม และข้อ 10 วรรคสอง
3. การกระทำของนายผล พุงไธสง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 มาตรา 265 และมาตรา 268 ประกอบมาตรา 265 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับ นายชัยณรงค์ ตังวงศ์ประเสริฐ สิบตำรวจโท บุรินทร์ บุญรับ และนายผล พุงไธสง และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวนเอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัยกับนายชัยณรงค์ ตังวงศ์ประเสริฐ และสิบตำรวจโท บุรินทร์ บุญรับ ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) มาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่ และมาตรา 98 แล้วแต่กรณีต่อไป และให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบ
ทั้งนี้ ให้แจ้งองค์การบริหารส่วนตำบลดอนกอก ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่สิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหา ยังมีสิทธิ์ต่อสู้คดีในชั้นศาลเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้อีก
