ป.ป.ช.เห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวน 5 เจ้าหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีร่วมกันสั่งการพิจารณาให้ความเห็นชอบรับคดี 'พล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก-พวก' โยงเว็บพนันออนไลน์มาดำเนินการมิชอบ เผย 'สุภา ปิยะจิตติ' ถูกกล่าวหาด้วย แต่ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาวินิจฉัยได้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ย.2568 ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอคณะอนุกรรมการกลั่นกรองเรื่องกล่าวหาประจำสำนักไต่สวนการทุจริตภาคการเมืองและองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ให้แต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวน เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. จำนวน 5 ราย ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีร่วมกันสั่งการและพิจารณาให้ความเห็นชอบในการรับคดีของ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กับพวกรวม 5 คน ซึ่งเชื่อมโยงกับเว็บไซต์พนันออนไลน์มาดำเนินการเองโดยมิชอบ
หลังตรวจสอบข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ในช่วงเดือนพ.ย.2566 กองกำกับการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (บก.สอท.1) ได้ส่งสำนวนสอบสวนกรณีมีผู้ร้องทุกข์กล่าวหาให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ ต่อมาคณะกรรมการป.ป.ช.มีมติให้ส่งเรื่องคืนพนักงานสอบสวน หลังจากนั้นในช่วงเดือนธ.ค.2566 บก.สอท.1 ได้ส่งสำนวนเรื่องร้องทุกข์กล่าวโทษในส่วนพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาก กับ พวกรวม 5 คน มาเพื่อดำเนินการเพิ่มเติม
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ทั้ง 5 ราย ได้มีการร่วมกันรับเรื่อง ทั้งที่ยังไม่ได้นำเสนอเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณา ว่าเข้าเหตุตามระเบียบ ป.ป.ช.หรือไม่ ขณะที่ในชั้นการตรวจสอบเรื่องซ้ำก็ไม่ได้พิจารณาเนื้อหาหนังสือการส่งสำนวนของ ป.ป.ช.คืนให้กับพนักงานสอบสวน กระบวนการรับเรื่องดังกล่าวกระทำด้วยความรวบรัดและรวดเร็วผิดปกติ ทั้งที่ เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ต้องกระทำด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง และให้ถูกต้องตามขั้นตอนของระเบียบกฎหมายไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้นได้
อีกทั้งพนักงานกับผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นก็ไม่มีการตรวจสอบหรือทำความเห็นแย้งใด ๆ ทั้งที่กระบวนการตรวจรับเรื่องดังกล่าวเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามขั้นตอนกฎหมายอยู่เป็นประจำ ซึ่งการละเว้นไม่ดำเนินการตามระเบียบทำให้เกิดกระบวนการที่ผิดขั้นตอนขึ้นได้ จะส่งผลกระทบต่อขั้นตอนการไต่สวน ทำให้ผู้กระทำความผิดสามารถหยิบยกเป็นข้อต่อสู้ได้ และทำให้กระบวนการไต่สวนเสียไป ไม่อาจนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้
พฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ทั้ง 5 ราย จึงมีเจตนาร่วมกันเป็นตัวการเพื่อการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดผู้หนึ่ง และมีเจตนาช่วยเหลือ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาก กับ พวกรวม 5 คน และมีข้อมูลเพียงพอที่จะดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนต่อไปได้

(พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล, ภาพจาก the bangkokinsight)
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. 5 ที่ถูกตั้งคณะกรรมการไต่สวนกรณีนี้ เป็นผู้อำนวยการสำนัก 2 ราย นิติกรปฏิบัติงาน 2 ราย และพนักงานไต่สวน ระดับสูง 1 ราย
ขณะที่กรณีนี้มีการกล่าวหา นางสาวสุภา ปิยะจิตติ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช.ด้วย แต่เนื่องจากรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 45 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งสำนักงานคดีปราบปราบการทุจริตการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 49 ได้กำหนดวิธีการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่และการดำเนินคดีกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไว้เป็นการเฉพาะแล้ว จึงไม่อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้

@ สุภา ปิยะจิตติ
สำหรับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งสำนักงานคดีปราบปราบการทุจริต การเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 49 ระบุว่า ในกรณีที่มีการกล่าวหาตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ว่ากรรมการ ป.ป.ช.ผู้ใดมีพฤติการณ์ร่ํารวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อํานาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงและประธานรัฐสภาเห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทําตามที่ถูกกล่าวหาและเสนอเรื่องมายังประธานศาลฎีกา ให้ประธานศาลฎีกาพิจารณาตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระตามมาตรา 50 เพื่อดําเนินการไต่สวนหาข้อเท็จจริงและทําความเห็นเกี่ยวกับข้อกล่าวหาดังกล่าว
อย่างไรก็ดี กรณีนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่มีมติชี้มูลความผิดแต่อย่างใด ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด จึงยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
อ่านข่าวประกอบ:
- เลขาฯ ป.ป.ช.คาดวันนี้ได้ข้อสรุป ส่งสำนวนคดีบิ๊กโจ๊กพัวพันเว็บพนันคืน บช.น.หรือไม่
- สอท.ส่งชื่อ '5 บิ๊กตร.' ให้ ป.ป.ช.สอบเพิ่มคดีเว็บพนันมินนี่-'บิ๊กโจ๊ก'ไม่กังวลข่าวโดนด้วย
- ป.ป.ช. มติ 4:1 เสียง รับคดี 'บิ๊กโจ๊ก-พวก' โยงเว็บพนันมินนี่ ไว้ดำเนินการไต่สวนเอง
