
'สตง.' สอบพบปัญหางานจ้างก่อสร้างทางวิ่ง ขับ ลานจอดเครื่องบิน ท่าอากาศยานภาคใต้ 1.3 พันล้าน ไม่เป็นไปตามแบบ ปริมาณงานก่อสร้างจริงต่ำกว่าที่กำหนด ส่งผลให้มีการเบิกจ่ายค่าจ้างสูงกว่าปริมาณงานจริง แจ้งข้อเสนอแนะให้แก้ไขข้อบกพร่อง พร้อมดำเนินการทางวินัยผู้เกี่ยวข้อง ชดใช้ค่าเสียหาย 61.04 ล้าน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้เผยแพร่ผลการตรวจสอบสัญญาจ้างก่อสร้างทางวิ่ง ทางชับ ลานจอดเครื่องบิน และอื่นที่ท่าอากาศยานแห่งหนึ่งในจังหวัดทางภาคใต้ ของหน่วยงานระดับกรม สังกัดกระทรวงคมนาคม วงเงินตามสัญญาจ้างมูลค่า 1,316.73 ล้านบาท พบว่า การก่อสร้างไม่เป็นไปตามแบบก่อสร้างจริง ปริมาณงานที่ดำเนินการก่อสร้างจริงต่ำกว่าที่กำหนดในบัญชีแสดงปริมาณวัสดุและราคา ส่งผลให้มีการเบิกจ่ายค่าจ้างสูงกว่าปริมาณที่ผู้รับจ้างได้ดำเนินการก่อสร้างจริง พร้อมแจ้งข้อเสนอแนะให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องและควบคุมหรือกำกับมิให้เกิดข้อบกพร่องขึ้นอีก รวมทั้งให้ดำเนินการทางวินัยกับบุคคลที่เกี่ยวข้องและให้ดำเนินการให้มีการชดใช้ค่าเสียหายแก่รัฐหรือหน่วยงาน เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 61.04 ล้านบาท
สตง. ระบุว่า จากการตรวจสอบสัญญาจ้างก่อสร้างทางวิ่ง ทางขับ ลานจอดเครื่องบิน และอื่น ๆ ที่ท่าอากาศยานแห่งหนึ่งในจังหวัดทางภาคใต้ ตามสัญญาจ้างมูลค่า 1,316.73 ล้านบาท พบว่า การก่อสร้างไม่เป็นไปตามแบบก่อสร้างจริง ปริมาณงานที่ดำเนินการก่อสร้างจริงต่ำกว่าที่กำหนดในบัญชีแสดงปริมาณวัสดุและราคาส่งผลให้มีการเบิกจ่ายค่าจ้างสูง กว่าปริมาณที่ผู้รับจ้างได้ดำเนินการก่อสร้างจริง กรณีดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่ข้อกำหนดในสัญญาขัดหรือแย้งกัน
เมื่อมีการระบุรายละเอียดในการเบิกจ่ายไว้อย่างชัดเจนว่าให้จ่ายเงินค่าก่อสร้างเป็นงวดรายเดือนตามผลงานที่เสร็จจริงตามแบบรูปเป็นสำคัญ ประกอบกับให้ถือว่าบัญชีแสดงปริมาณวัสดุและราคา และแบบรูปและรายการละเอียดเป็นเอกสารอันเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาเมื่อบัญชีแสดงปริมาณวัสดุและราคามีรายการไม่ถูกต้องและแย้งกับแบบรูปก่อสร้างจริง จึงให้ถือตามแบบรูปก่อสร้างจริงเป็นสำคัญ
สอดคล้องกับแนวคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ได้วินิจฉัยหากปรากฏว่าในการดำเนินการนั้นมีปริมาณงานน้อยกว่าที่กำหนดไว้ในสัญญาและเอกสารใบแจ้งปริมาณราคา จึงต้องมีการปรับลดแบบรูปและรายการละเอียดให้ตรงตามปริมาณงานที่ได้ดำเนินการเสร็จตามความเป็นจริง
เมื่อได้ปรับลดลงตามปริมาณงานที่แท้จริงแล้วทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการลดลง จึงต้องปรับลดค่าจ้างลงตามสัดส่วนปริมาณงานที่ลดลงด้วย กรณีดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 61.04 ล้านบาท
เบื้องต้น หน่วยงานชี้แจงว่า การก่อสร้างถูกต้องตรงตามแบบและสัญญากำหนดเงื่อนไขการเบิกจ่ายเงิน มีสาระสำคัญ คือ ผู้ว่าจ้างตกลงจ่ายและผู้รับจ้างตกลงรับเงินค่าจ้างจำนวน 1,316.73 ล้านบาท โดยถือราคาเหมารวมเป็นเกณฑ์ กำหนดจ่ายเงินค่าก่อสร้างเป็นงวดรายเดือนตามผลงานที่เสร็จจริงตามแบบรูปเป็นสำคัญ จำนวนปริมาณงานที่กำหนดไว้ในใบแจ้งปริมาณวัสดุและราคาเป็นจำนวนโดยประมาณ เพื่อประโยชน์ในการคำนวณค่าจ้าง โดยผู้รับจ้างได้ทำงานครบถ้วนตามแบบรูปคณะกรรมการตรวจรับ จึงมีความเห็นให้ตรวจรับงานและได้จ่ายค่าจ้างเหมาตามที่กำหนดในสัญญา
สตง. พิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อการก่อสร้างมีปริมาณงานน้อยกว่าที่กำหนดไว้ในบัญชีแสดงปริมาณวัสดุและราคา หรือเมื่อผู้ควบคุมงานและคณะกรรมการตรวจการจ้างพบว่า แบบรูปและรายการละเอียดนั้นผิดพลาดหรือคลาดเคลื่อนไปจากหลักวิศวกรรมหรือทางเทคนิค ทำให้มีปริมาณงานที่ผู้รับจ้างได้ดำเนินการน้อยกว่าที่กำหนด ก็อาจพิจารณาปรับลดปริมาณงานให้ตรงตามปริมาณงานที่ผู้รับจ้างได้ดำเนินการแล้วเสร็จตามความเป็นจริง
กรณีที่คณะกรรมการตรวจรับการจ้าง ชี้แจงว่า เป็นการเบิกจ่ายเงินโดยถือราคาเหมารวมเป็นเกณฑ์นั้นเป็นกรณีที่เป็นการคำนวณราคาเหมารวมทั้งหมดของการก่อสร้างจนแล้วเสร็จและมุ่งถึงผลสำเร็จของงานเป็นสำคัญ
กล่าวคือ เมื่อผู้รับจ้างทำงานแล้วเสร็จและผู้ว่าจ้างได้ตรวจรับงานและจ่ายค่าจ้างให้แก่ผู้รับจ้างตามสัญญาแล้ว หากผู้รับจ้างได้ใช้เงินทุนน้อยหรือใช้เงินทุนมากว่าค่าจ้าง ผู้รับจ้างก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องคำจ้างเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ซึ่งเป็นคนละกรณีกับการที่จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในสัญญา ทั้งนี้ได้มีแนวคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดได้วินิจฉัยไว้แล้ว
สตง.ได้แจ้งผลการตรวจสอบและข้อเสนอแนะให้หน่วยงานดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องและควบคุมหรือกำกับมิให้เกิดข้อบกพร่องขึ้นอีก รวมทั้งให้ดำเนินการทางวินัยกับบุคคลที่เกี่ยวข้องและให้ดำเนินการให้มีการชดใช้ค่าเสียหายแก่รัฐหรือหน่วยงาน เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 61.04 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลการแก้ไขข้อบกพร่องและปรับปรุงการปฏิบัติงานของหน่วยงานนั้น สตง.ระบุว่า หน่วยงานได้มีหนังสือแจ้งกำชับและสั่งการเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อควบคุมหรือกำกับมิให้เกิดข้อบกพร่องขึ้นอีก สำหรับการดำเนินการทางวินัยและการดำเนินการเพื่อให้มีการชดใช้ความเสียหาย อยู่ระหว่างดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยและคณะกรรมการสอบความรับผิดทางละเมิด
สตง. ยังระบุด้วยว่า ผลสัมฤทธิ์จากการตรวจสอบและการแจ้งข้อเสนอแนะให้หน่วยงานดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องและปรับปรุงการปฏิบัติงานดังกล่าว ส่งผลให้หน่วยงานมีการปรับปรุงการปฏิบัติงานด้านการจัดซื้อจัดจ้างให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ยังมีการดำเนินการเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายแก่รัฐหรือหน่วยงาน และเสริมสร้างกลไกการตรวจสอบภายในให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาในลักษณะเดียวกันในอนาคต อีกทั้งเป็นการส่งเสริมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารโครงการก่อสร้างให้เป็นไปตามมาตรฐานและหลักวิศวกรรม ส่งเสริมความโปร่งใสในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง และปรับปรุงแนวทางการบริหารสัญญาให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
สำนักข่าวอิศรา รายงานเพิ่มเติมว่า ในการเผยแพร่ผลการตรวจสอบกรณีนี้ สตง. ไม่ได้ระบุรายชื่อหน่วยงานเจ้าของโครงการฯ ไว้ จึงทำให้ไม่สามารถติดต่อผู้บริหารให้ชี้แจงข้อเท็จจริงอีกด้านได้
หากมีความคืบหน้าสำนักข่าวอิศรา จะนำมาเสนอต่อไป
