
ป.ป.ช. กำแพงเพชร เผยมติคกก.ชุดใหญ่ ชี้มูล 'จเร สุขสำราญ' อดีตนายกเทศมนตรี ตำบลบ้านพราน อำเภอพรานกระต่าย - พวก ร่วมกันทุจริตช่วยเหลือ เข้ามีส่วนได้เสียงานสร้างฝายหินน้ำล้น 3 โครงการ เผยหลักฐานสติกเกอร์ชื่อ หจก. ติดรถบรรทุกมัด ส่งสำนวน อสส.ฟ้องศาลดำเนินคดีอาญาแจ้งผู้บังคับบัญชาลงโทษวินัยแล้ว-ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประจำจังหวัดกำแพงเพชร ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีกล่าวหา นายจเร สุขสำราญ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลบ้านพราน อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร กับพวกร่วมกันทุจริตเพื่อช่วยเหลือให้นายจเร สุขสำราญ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลบ้านพราน อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร ผู้ถูกกล่าวหา เข้ามีส่วนได้เสียในการทำสัญญาโครงการก่อสร้างฝายหินน้ำล้น จำนวน 3 โครงการ ของเทศบาลตำบลบ้านพราน
โดยการดำเนินการโครงการก่อสร้างฝายหินน้ำล้นดังกล่าว ใช้รถบรรทุกของห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส อาร์ ซี การโยธา ซึ่งรถบรรทุกที่มีเครื่องหมายสติกเกอร์ ตัวอักษร SRC แสดงชื่อย่อมาจาก สุขสำราญ คอนกรีต คำว่า สุขสำราญ เป็นนามสกุลของผู้ถูกกล่าวหา
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติ ดังนี้
(1) การกระทำของ นายจเร สุขสำราญ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 มาตรา 157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 126 (1) ประกอบมาตรา 168 มาตรา 172 และมีมูลความผิดฐานปฏิบัติการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือมีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสีย แก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่เทศบาล หรือแก่ราชการ ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73
(2) การกระทำของ นายสมศักดิ์ ภูสุดตา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ห้างหุ้นส่วนจำกัด ภูมเรต ก่อสร้าง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 และนายภูมเรต มณีเขียว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
(3) การกระทำของ นางสาววิยะดา อินทพงษ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และเนื่องจากปรากฏพฤติการณ์ว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 ได้กระทำการอันมีมูลความผิดทางอาญา ซึ่งมิได้เป็นการกระทำที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐ จึงให้ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งหรือถอดถอนดำเนินการทางวินัยไปตามหน้าที่และอำนาจ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 64
(4) บริษัท โรงโม่หินเพชรน้ำหนึ่ง จำกัด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงว่า บริษัท โรงโม่หินเพชรน้ำหนึ่ง จำกัด ได้เป็นบริษัทร้างและสิ้นสภาพนิติบุคคล ตั้งแต่วันที่นายทะเบียนได้ขีดชื่อออกจากทะเบียนแล้ว ตามความในมาตรา 1273/3 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 ก่อนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะมีมติมอบหมายคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้น ดำเนินการไต่สวน บริษัท โรงโม่หินเพชรน้ำหนึ่ง จำกัด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 จึงให้เพิกถอนมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุม ครั้งที่ 25/2565 เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2565 ที่มีมติให้ไต่สวนบริษัท โรงโม่หินเพชรน้ำหนึ่ง จำกัด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบ
สำนักข่าวอิศรา รายงานเพิ่มเติมว่า ตามขั้นตอนหลังการชี้มูลความผิดคดีอาญาและวินัย คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีและส่งเรื่องไปยังผู้บังคับบัญชาดำเนินการตามอำนาจและหน้าที่ต่อไป
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
