
ป.ป.ช.เผยมติคกก.ชุดใหญ่ ชี้มูลคดีทุจริต 'ทิวาภรณ์ บัวรมย์' อดีตรักษาการผอ.กองคลัง อบต.ห้วยพิชัย เลย ทุจริตเบียดบังเงินงบประมาณ 48 ล้าน นายกฯ ปลัด-รอง ยุคเก่าใหม่ โดนด้วย ส่งสำนวน อสส.ฟ้องศาลดำเนินคดีอาญาแจ้งผู้บังคับบัญชาลงโทษวินัยแล้ว-ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด นางสาวทิวาภรณ์ บัวรมย์ นักวิชาการเงินและบัญชีชำนาญการ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองคลัง องค์การบริการส่วนตำบล (อบต.) ห้วยพิชัย อำเภอปากชม จังหวัดเลย กับพวก ทุจริตเบียดบังเงินงบประมาณขององค์การบริหารส่วนตำบลห้วยพิชัย รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 48,157,674.50 บาท
โดยปรากฏชื่อ นายอุเทศ เบ้าแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยพิชัย และ พันจ่าเอก พันธ์วิทย์ พันน้อย รองปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล ห้วยพิชัย ถูกชี้มูลด้วย
ส่วน นางอุรารัตน์ อินถา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยพิชัย (ดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2564 จนถึงปัจจุบัน) และนายโสภาพ เห็มทอง ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยพิชัย ให้ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนดำเนินการทางวินัยไปตามหน้าที่และอำนาจ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 64
นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยรายละเอียดว่า ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ในระหว่างเดือนกันยายน 2563 ถึงเดือนกรกฎาคม 2565 นางสาวทิวาภรณ์ บัวรมย์ ขณะดำรงตำแหน่งนักวิชาการเงินและบัญชีชำนาญการ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองคลัง องค์การบริการส่วนตำบลห้วยพิชัย อาศัยโอกาสที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้มีอำนาจร่วมลงนามในเช็ค สั่งจ่ายเงินและเป็นผู้ถือสมุดเช็ค ได้ร่วมกับพันจ่าเอก พันธ์วิทย์ พันน้อย รองปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล ห้วยพิชัย และนายอุเทศ เบ้าแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยพิชัย ลงนามในเช็คสั่งจ่ายเงินจากบัญชีเงินฝากธนาคารขององค์การบริหารส่วนตำบลห้วยพิชัย โดยไม่มีเอกสารประกอบการเบิกจ่ายให้ตรวจสอบ และไม่มีมูลหนี้ จำนวน 13 ฉบับ และได้กระทำการปลอมลายมือชื่อของผู้มีอำนาจร่วมลงนามสั่งจ่าย แล้วนำเช็คไปถอนเงิน จำนวน 55 ฉบับ รวมเป็นเช็คทั้งหมด 68 ฉบับ
โดยเช็คจำนวน 67 ฉบับ เป็นการสั่งจ่ายให้แก่ ร้านเอพี คอนสตรัคชั่น ซึ่งมีนายแห่ว พึ่งมี ญาติของนางสาวทิวาภรณ์ บัวรมย์ เป็นเจ้าของร้าน โดยที่ ร้านดังกล่าวไม่ได้ประกอบกิจการจริงและไม่ได้เป็นคู่สัญญากับองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยพิชัย และเช็คจำนวน 1 ฉบับ เป็นการสั่งจ่ายให้แก่นางสาวทิวาภรณ์ บัวรมย์
การกระทำของนางสาวทิวาภรณ์ บัวรมย์ กับพวก จึงเป็นการทุจริตเบียดบังเงินของทางราชการไปเป็นประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น รวมจำนวนทั้งสิ้น 48,157,674.50 บาท
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้
1. การกระทำของนางสาวทิวาภรณ์ บัวรมย์ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 มาตรา 157 มาตรา 161 มาตรา 266 (4) และมาตรา 268 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
2. การกระทำของนายอุเทศ เบ้าแก้ว มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 มาตรา 157 มาตรา 162 (1) (4) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 และมีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92
3. การกระทำของพันจ่าเอก พันธ์วิทย์ พันน้อย มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 มาตรา 157 มาตรา 162 (1) (4) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
4. การกระทำของนายแห่ว พึ่งมี มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ ของรัฐกระทำความผิด
สำหรับการกระทำของนางอุรารัตน์ อินถา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยพิชัย (ดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2564 จนถึงปัจจุบัน) และนายโสภาพ เห็มทอง ปลัดองค์การบริหาร ส่วนตำบลห้วยพิชัย ซึ่งไม่ได้ใช้ความระมัดระวังในการควบคุม ตรวจสอบดูแลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ให้เป็นไปตามระเบียบกฎหมาย จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ และการกระทำของเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสิน สาขาปากชม จำนวน 3 ราย ที่จ่ายเงินตามเช็คจำนวน 3 ฉบับ ซึ่งเป็นเช็คขีดคร่อมสั่งจ่าย ร้านเอพี คอนสตรัคชั่น แต่กลับจ่ายเงินโดยโอนเข้าบัญชีของนางสาวทิวาภรณ์ บัวรมย์ โดยไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการสั่งจ่าย ซึ่งเป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามคำสั่งธนาคารออมสินที่เกี่ยวข้อง ให้ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนดำเนินการทางวินัยไปตามหน้าที่และอำนาจ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 64
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัย ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวน การไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัย ไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณี และให้แจ้งองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยพิชัย ดำเนินการ ตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่สิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหาทุกราย ยังมีสิทธิ์ต่อสู้คดีพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลได้อีก
