
"...จากข้อมูลทั้งหมด จะพบว่า นายเอกภาพ พลซื่อ สามี ถูกศาลตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี พร้อมชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 34 ล้านบาท , นางรัชนี พลซื่อ ภรรยา ถูกศาลพิพากาาลงโทษจำคุกเป็นเวลา 6 ปี ไม่รอลงอาญา นับเป็นวิบากกรรม อันเป็นผลพ่วงจากการกระทำ ในตำแหน่ง นายก อบจ.ร้อยเอ็ด เหมือนกัน ..."
นางรัชนี พลซื่อ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ร้อยเอ็ด เป็นผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อีกราย!
ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดในคดีทุจริต และถูกศาลพิพากษาตัดสินลงโทษจำคุกเป็นเวลาหลายปี โดยไม่รอลงอาญา
ข้อเท็จจริงนี้ ถูกเปิดเผยขึ้น เมื่อสำนักงาน ป.ป.ช. ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ที่ตัดสินลงโทษจำคุก นางรัชนี พลซื่อ เป็นเวลา 6 ปี ไม่รอลงอาญา ฐานทุจริตการใช้เงินงบประมาณจัดซื้อสื่อการเรียนการสอน เป็นเหตุให้อบจ.ร้อยเอ็ด เสียหาย
โดยเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 มีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อท 247/2567 และ อท 13/2568 ระหว่าง คณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นางรัชนี พลซื่อ จำเลย กับพวก
สืบเนื่องจาก นางรัชนี พลซื่อ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมกับพวกทุจริตการใช้เงินงบประมาณจัดซื้อสื่อการเรียนการสอนโครงการจัดหาหนังสือพจนานุกรมภาพภาษาอังกฤษ ให้สถานศึกษาในสังกัดเขตพื้นที่การศึกษาร้อยเอ็ด เขต 1 เมื่อปี 2548 เป็นเหตุให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด ต้องเสียเงินงบประมาณในราคาที่สูงเกินควรจากการจัดซื้อในโครงการที่เคยจัดซื้อภายในระยะเวลา 2 ปีงบประมาณ

@ รัชนี พลซื่อ / อ้างอิงภาพจาก https://www.thaipost.net/
ศาลพิพากษาว่า นางรัชนี มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ให้ลงโทษจำคุก 6 ปี โดยไม่รอการลงโทษ
นายประพันธ์ ศรีชะตา และนายจิรธรรม บิลพระวัตร มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 ให้ลงโทษจำคุก 4 ปี ปรับ 20,000 บาท โทษจำคุกรอไว้ 3 ปี และให้จำเลย ทั้งสองรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 8 ครั้ง ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรเป็นเวลา 24 ชั่วโมง
สำหรับพฤติการณ์ คดี เมื่อปีงบประมาณ 2548 นางรัชนี พลซื่อ ในฐานะนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด อนุมัติให้มีการจัดซื้อสื่อการเรียนการสอนและหนังสือในโครงการจัดซื้อหนังสือพจนานุกรมภาพภาษาอังกฤษ (Picture Dictionary) โดยขั้นตอนการจัดซื้อไม่ได้มีการเสนอราคามาตรฐาน การจัดทำหรือสืบหาราคากลางของทางราชการ หรือการใช้ตามราคาที่เคยซื้อครั้งหลังสุดภายในระยะเวลา 2 ปีงบประมาณ
อีกทั้งไม่ได้มีการเสนอความต้องการหรือการร้องขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานทางการศึกษา หรือโรงเรียนในเขตพื้นที่ หรือเป็นการจัดซื้อเพื่อแจกจ่ายให้กับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเขตที่ไม่ได้เสนอความต้องการหรือร้องขอรับการสนับสนุน
เป็นเหตุให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ดต้องเสียเงินงบประมาณในการจัดซื้อสื่อการเรียนการสอนและหนังสือตามโครงการดังกล่าวให้กับบริษัทผู้ขายในราคาที่สูงเกินควรจากการจัดซื้อในโครงการแรก (โครงการจัดซื้อหนังสือพจนานุกรมภาพภาษาอังกฤษ (Picture Dictionary) เมื่อปีงบประมาณ 2548)
กรณีนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. รับไต่สวนและมีมติว่า การกระทำของนางรัชนี มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 แต่ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้ขาดอายุความแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจึงระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6) จึงให้ยุติการดำเนินคดีอาญาในความผิดฐานนี้
ในส่วนของนายประพันธ์ ศรีชะตา ในฐานะหัวหน้าเจ้าหนและนายจิรธรรม บิลพระวัตร ในฐานะเจ้าหน้าที่พัสดุ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า การกระทำของนายประพันธ์ ศรีชะตา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และนายจิรธรรม บิลพระวัตร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 แต่ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้ขาดอายุความแล้ว สิทธินำคดีมาฟ้องจึงระงับไป

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 5 ส.ค.2565 ปรากฏข่าว ศาลอุทธรณ์ภาค 4 จังหวัดขอนแก่น มีคำพิพากษาตัดสินคดี สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องต่อศาลให้เพิกถอนสิทธิสมัครและสิทธิรับเลือกตั้งของนายเอกภาพ พลซื่อ นายก อบจ.ร้อยเอ็ด รวมทั้งหมด 4 ข้อหา ประกอบด้วย 1.การปราศรัยในการเลือกตั้ง อบจ.ครั้งล่าสุด ซึ่งกล่าวหาว่าในการนับคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.ปี 2555 เกิดไฟดับ 2 ชั่วโมง ทำให้คะแนนของ นางรัชนี พลซื่อ ภรรยา ซึ่งเป็นผู้สมัครนายก อบจ.ในขณะนั้นหายและพลาดเป็นนายก อบจ. 2.เรื่องทำสัญญาเงินกู้กับธนาคารออมสิน 410 ล้านบาท 3.การซื้อเครื่องบินทำฝนเทียม และ 4.การสร้างอาคารห้องน้ำโรงเรียนกีฬา จ.ร้อยเอ็ด
โดยศาลมีคำสั่งยกฟ้อง 3 ข้อหา และตัดสินข้อหาเกี่ยวกับการปราศรัยกรณีไฟดับ ซึ่งศาลได้พิพากษาให้ตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี พร้อมชดใช้ค่าเสียหายการเลือกตั้งให้ กกต.เบื้องต้น 34 ล้านบาท
สำหรับนายเอกภาพ พลซื่อ เป็นนักการเมืองชื่อดังใน จ.ร้อยเอ็ด ได้รับเลือกตั้งครั้งแรกเมื่อปี 2535 ในนามพรรคเอกภาพ ต่อมายุบรวมกับพรรคไทยรักไทย ได้รับเลือกให้เป็นกรรมการบริหารพรรค และถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปีจากคดียุบพรรค ต่อมาปี 2556 เขาได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา ปี 2562 ลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคพลังประชารัฐ แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง ก่อนที่ปี 2563 จะได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายก อบจ.ร้อยเอ็ด
ต่อมา กกต.ยื่นคำร้องต่อศาล สั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง นายเอกภาพ และสั่งให้มีการเลือกตั้งนายก อบจ.ร้อยเอ็ด ใหม่ ซึ่งศาลได้สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ กระทั่งศาลมีคำพิพากษาคดีในวันที่ 5 ส.ค.2565

@ เอกภาพ พลซื่อ
จากข้อมูลทั้งหมด จะพบว่า
นายเอกภาพ พลซื่อ สามี ถูกศาลตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี พร้อมชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 34 ล้านบาท
นางรัชนี พลซื่อ ภรรยา ถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกเป็นเวลา 6 ปี ไม่รอลงอาญา
นับเป็นวิบากกรรม อันเป็นผลพ่วงจากการกระทำ ในขณะดำรงตำแหน่ง นายก อบจ.ร้อยเอ็ด เหมือนกัน
ถือเป็นอีกบทเรียนต้องถูกบันทึกไว้ เป็นอุทาหรณ์สอนใจ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) นักการเมืองท้องถิ่น ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ให้เดินย้ำซ้ำรอยเอาเป็นเยี่ยงอย่างในอนาคตอีกต่อไป
