
ไทยกำลังจะใช้กำลังทหารเพื่อสั่งสอนกัมพูชา แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กลับเข้าแทรกแซงอย่างกะทันหัน โดยใช้ข้อตกลงการค้าเพื่อบังคับให้เกิดการหยุดยิง กัมพูชารู้สึกขอบคุณกับเรื่องนี้ จนต้องการมอบเหรียญรางวัลน้ำหนักหนึ่งตันให้กับทรัมป์ ทำให้ไทยรู้สึกผิดหวังและคับข้องใจอย่างยิ่งที่เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ของไทยต้องล้มเหลว
จากข่าวเมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้มีมติเห็นชอบในการแก้ไขแบบเรือดำน้ำ ตามที่กองทัพเรือเสนอแก้ไขแบบเครื่องยนต์เรือดำน้ำ ทำให้กองทัพเรือสามารถจัดหารเรือดำน้ำรุ่น S26T จากจีนได้เป็นผลสำเร็จ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่ารัฐบาลอาศัยช่วงเวลาที่ไทยมีปัญหาขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา เร่งอนุมัติข้อตกลงดังกล่าว
เว็บไซต์ข่าว 163 ของจีนได้มีการลงบทความวิเคราะห์สาเหตุของการที่รัฐบาลไทยอนุมุติข้อตกลงเรือดำน้ำเอาไว้ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) จึงได้นำเอาบทความดังกล่าวมานำเสนอ มีรายละเอียดดังนี้
รัฐบาลไทยได้ตกลงแก้ไขสัญญาเรือดำน้ำกับจีน โดยเปลี่ยนเครื่องยนต์จากเยอรมนีเป็นจีน หลังจากหยุดชะงักมาเป็นเวลาสี่ปี ในที่สุดโครงการเรือดำน้ำ S26T มูลค่า 2.7 พันล้านหยวน (12,198,008,700 บาท) ก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้คือความขัดแย้งชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา
ย้อนไปเมื่อปี 2560 เรือดำน้ำ S26T ที่ผลิตในจีนสามารถเอาชนะคู่แข่งจากเยอรมนี ฝรั่งเศส และเกาหลีใต้ในการประมูล และชนะสัญญาจัดหาเรือดำน้ำจากไทย อย่างไรก็ตาม กองทัพเรือไทยยังคงยืนกรานที่จะใช้เครื่องยนต์ MTU ของเยอรมนี โดยเชื่อว่า "ผลิตภัณฑ์จากเยอรมนีมีความน่าเชื่อถือ" และเนื่องจากจีนสามารถจัดหาเครื่องยนต์นี้ได้ในขณะนั้น จีนจึงตกลงตามคำขอพิเศษนี้

แต่ในปี 2564 เยอรมนีกลับเปลี่ยนจุดยืนอย่างกะทันหัน โดยยกมาตรการคว่ำบาตรอาวุธจากสหภาพยุโรปต่อจีนเป็นข้ออ้างในการหยุดขายเครื่องยนต์สำหรับเรือดำน้ำให้ไทย การก่อสร้างหยุดชะงักลงเมื่อเรือดำน้ำสร้างเสร็จไปแล้ว 64% ทำให้ไทยต้องจ่ายเงินดาวน์ 1.5 พันล้านหยวน และค่าปรับ 2.2 พันล้านหยวนจากการยกเลิกสัญญา ทำให้ไทยตกอยู่ในภาวะลำบากใจ
ปัญหานี้ดูเหมือนจะค้างมานานเกือบห้าปี แต่ในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา เกิดการปะทะกันกันอย่างกะทันหันที่ชายแดนไทย-กัมพูชา แม้ว่าการสู้รบจะกินเวลาเพียงไม่กี่วัน แต่มันก็ทำให้ประเทศไทยตระหนักถึงสามสิ่ง:
@ประการแรก ชาติตะวันตกนั้นไม่น่าเชื่อถือ
กองทัพอากาศไทยได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการรบด้วยเครื่องบินขับไล่กริพเพนของสวีเดน แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสวีเดนกลับออกมาเตือนว่าไม่สนับสนุนความขัดแย้งจนทำให้เกิดกระแสข่าวว่าจะหยุดให้การสนับสนุน นั่นทำให้ประเทศไทยรู้สึกกังวล
@ประการที่สอง ชาติพันธมิตรสหรัฐอเมริกา เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ไทยกำลังจะใช้กำลังทหารเพื่อสั่งสอนกัมพูชา แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กลับเข้าแทรกแซงอย่างกะทันหัน โดยใช้ข้อตกลงการค้าเพื่อบังคับให้เกิดการหยุดยิง กัมพูชารู้สึกขอบคุณกับเรื่องนี้ จนต้องการมอบเหรียญรางวัลน้ำหนักหนึ่งตันให้กับทรัมป์ ทำให้ไทยรู้สึกผิดหวังและคับข้องใจอย่างยิ่งที่เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ของไทยต้องล้มเหลว
@ประการที่สาม ยุทโธปกรณ์ของจีนนั้นน่าประทับใจ
ในช่วงสงคราม กองทัพบกไทยได้เปิดตัวรถถัง VT-4 ของจีน ซึ่งมีประสิทธิภาพที่น่าประทับใจ ปืนใหญ่ขนาด 125 มม. ของรถถังเหล่านี้สามารถทำลายรถถังกัมพูชารุ่นเก่าได้
รถถังรุ่นดังกล่าวยังสามารถต้านทานการโจมตีด้วยจรวดได้โดยไม่สร้างความเสียหายใดๆ และพวกมันก็สามารถเคลื่อนที่ผ่านภูมิประเทศที่เป็นโคลนได้

เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูง (ไม่ได้บอกว่าจากประเทศไหน) ต่างประกาศทันทีว่าพวกเขาจะสั่งซื้อเพิ่ม การทดสอบการรบจริงนั้นแสดงประสิทธิผลได้ดียิ่งกว่าการโฆษณาใดๆ
ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา การที่จีนเสนอให้เปลี่ยนเครื่องยนต์ให้ใช้เครื่องยนต์ CHD620 สำหรับโครงการเรือดำน้ำ S26T ได้รับความสนใจอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
ไม่เพียงแต่เครื่องยนต์นี้จะมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับเยอรมนีด้วยกำลังเครื่องยนต์ที่สูงกว่า 5% อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำกว่า 8% และแรงสั่นสะเทือนและเสียงรบกวนต่ำกว่าเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่พิสูจน์แล้วในการรบ
เรือดำน้ำปากีสถานใช้เครื่องยนต์รุ่นเดียวกันนี้มาเป็นเวลา 3 ปี โดยรายงานว่าไม่มีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นเลยตลอดระยะเวลา 30 วันในปฏิบัติการใต้น้ำ นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญของไทยที่ถูกส่งไปทดสอบเครื่องยนต์อย่างเข้มงวดเป็นเวลา 200 ชั่วโมง ณ ประเทศจีน ก็รู้สึกประทับใจเช่นกันไทยจึงตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ CHD620 ของจีนทันที

เหตุผลที่ไทยตัดสินใจเช่นนี้ก็เพราะมีเหตุผลด้วยกัน 3 ประการ
@ประการแรก ประเด็นทางเศรษฐกิจ
การสร้างเรือดำน้ำต่อไปจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเพียง 1.1 พันล้านหยวน ในขณะที่การละเมิดสัญญาจะส่งผลให้ต้องจ่ายค่าชดเชย 2.1 พันล้านหยวน
จีนยังเสนอแพ็คเกจเพิ่มเติม ได้แก่ การรับประกันแปดปี การฝึกอบรมฟรี เครื่องจำลองเรือดำน้ำฟรีมูลค่า 600 ล้านหยวน และยังรับผลไม้และข้าวจากไทยเป็นการแลกเปลี่ยนสินค้าอีกด้วย
@ประการที่สอง คือปัจจัยด้านความมั่นคง
ประเทศเพื่อนบ้านไทยมีเรือดำน้ำจำนวนมาก เวียดนามมีหกลำ มาเลเซียมีสองลำ อินโดนีเซียมีสามลำ และไทยไม่มีเลย กองทัพเรือไทยจึงกังวลกับเรื่องนี้ เพราะการไม่มีเรือดำน้ำ เท่ากับว่าหูหนวยในพื้นที่ทะเลเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
@ประการสุดท้าย ประเด็นเรื่องการเมือง
ที่ผ่านมานักการเมืองไทยถกเถียงกันมาสี่ปี ปฏิเสธที่จะตัดสินใจขั้นสุดท้าย แต่หลังจากความขัดแย้งกับกัมพูชาจบลง คำพูดเดียวจากกองทัพไทยก็ปลุกให้ทุกคนตื่นขึ้น
สิ่งที่เห็นก็คือฝ่ายตะวันตกสามารถเปลี่ยนจุดยืนได้อย่างง่ายดาย เช่นเดียวกับข้อจำกัดการใช้งานของสวีเดนและการแทรกแซงของสหรัฐฯ
สินค้าความมั่นคงจากจีนสามารถนำไปทำสงครามได้ แต่จีนจะไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น
สรุปก็คือเรื่องการเปลี่ยนเครื่องยนต์เรือดำน้ำของไทย แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กแต่การกระทำเช่นนี้ของไทย ได้เปลี่ยนจุดยืนจากการที่ประเทศต่างๆในอาเซียนล้วนพึ่งพาในส่วนของอาวุธยุทโธปกรณ์จากทั้งยุโรปและอเมริกา มาเป็นการเลือกใช้งานจากประเทศอื่น
ยิ่งไปกว่านั้น ไทยซึ่งเป็นพันธมิตรยาวนานของสหรัฐฯ เลือกใช้ยุทโธปกรณ์ที่ผลิตในจีน ซึ่งเป็นการส่งสารที่ชัดเจนว่า ธุรกิจขึ้นอยู่กับจีน และความมั่นคงก็ต้องการเส้นทางที่เชื่อถือได้เช่นกัน เห็นได้ชัดว่าจีนดำเนินการค้าอาวุธด้วยรูปแบบที่คุ้มค่าและเป็นกลางทางการเมือง ได้ทำลายการผูกขาดของยุโรปและอเมริกา และมอบเส้นทางใหม่ในด้านการค้าทางการทหารให้กับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เรียบเรียงจาก:https://www.163.com/dy/article/K6MKEM610535MYRI.html
หมายเหตุ*บทความนี้มาจากเว็บไซต์ 163.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของบริษัท NetEase, Inc. เป็นบริษัทเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของจีนที่ให้บริการคอนเทนท์ออนไลน์ โดยเนื้อหาบนเว็บไซต์จะต้องผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศจีน
