"...5. การเข้าถึงบริการการเงินของคนไทยยุคดิจิทัลยังมีช่องว่างอยู่ในหลายด้าน แม้ 90% ของคนยุคดิจิทัลในประเทศไทยจากการศึกษาของเราจะมีบัญชีเงินฝากธนาคาร แต่ผู้ที่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินที่สำคัญ (สินเชื่อ การลงทุน ประกัน) ได้อย่างครบถ้วน มีไม่ถึง 30% ของผู้ถูกสำรวจ โดยกลุ่มบุคคลที่อาศัยอยู่ต่างจังหวัด ผู้หญิง และผู้ที่ไม่ค่อยได้ใช้อุปกรณ์ดิจิทัล เป็นกลุ่มหลักที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างครบถ้วน..."
เปิดตัวผลสำรวจคนไทยยุคดิจิทัลเข้าถึงแหล่งการเงินแค่ไหน เทียบกับประเทศอื่นในอาเซียนแล้วเป็นยังไง สรุปมาเป็น 10 ข้อหลักๆตรงนี้และถ้าสนใจอ่านรายงานเต็มได้หรือฟังบทสัมภาษณ์ได้จากลิ้งค์ในคอมเมนท์ครับ
ต้องบอกว่าทีมงาน Sea ทุ่มเทกับงานชิ้นนี้จริงๆครับหวังว่าจะพอมีประโยชน์นะครับ
การเงินในอุดมคติหน้าตาเป็นอย่างไร?
1. การเข้าถึงบริการด้านการเงินมีความสำคัญต่อชีวิตของคนไทยยุคดิจิทัลมาก เนื่องจากบุคคลเหล่านี้มองบริการทางการเงินเป็น “ตาข่ายรองรับทางสังคม” เป็นที่พึ่งพิงยามยาก โดยในประเทศไทย มีสัดส่วนของผู้ตอบแบบสอบถามที่เล็งเห็นความสำคัญของการเข้าถึงบริการทางการเงินในด้านนี้ มากที่สุดในภูมิภาค ซึ่งแตกต่างจากประเทศอื่นที่ให้ความสำคัญต่อประเด็นการบริหารสภาพคล่องหรือการออมเงินเพื่ออนาคต
2. เวลาเลือกผู้ให้บริการคนไทยยุคดิจิทัลให้ความสำคัญต่อปัจจัยด้านความปลอดภัยมากที่สุด รองลงมาคือความสามารถในการตอบโจทย์บริการทางการเงินของตน ซึ่งแตกต่างจากประเทศอื่นๆที่ผู้คนให้ความสำคัญว่าผู้ให้บริการนั้นอยู่ใต้การกำกับของรัฐหรือไม่ นอกจากนี้การศึกษายังพบว่าความคุ้นเคยกับผู้ให้บริการที่เคยใช้ กลับไม่ค่อยมีความสำคัญเท่าไรสำหรับกลุ่มตัวอย่างในไทย (เพียง 11% ระบุว่ามีความสำคัญ)
เทรนด์การเงินดิจิทัลของไทยเป็นอย่างไรหลังโควิด?
3. ประเทศไทยมีสัดส่วนคนใช้แอปพลิเคชัน การเงินดิจิทัล (อีแบงค์กิ้งและอีวอลเลท) มากที่สุดในภูมิภาค และมีสัดส่วนคนใช้แอปพลิเคชันประเภทนี้สูงยิ่งกว่าโซเชียลมีเดีย ยิ่งไปกว่านั้น เราพบว่า 94% ของคนไทยยุคดิจิทัลต้องการที่จะใช้บริการทางการเงินผ่านช่องทางดิจิทัลเพิ่มขึ้นไปอีกในอนาคต แม้แต่ในกลุ่มคนที่เข้าถึงบริการการเงินอยู่แล้ว 98% ยังระบุว่าอยากใช้บริการทางการเงินผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้น
4. เทคโนโลยีทางการเงินเป็นเสมือนบันไดเชื่อมคนที่ปกติอาจถูกทิ้งไว้ข้างหลังให้เข้าสู่ระบบการเงินได้ หนึ่ง ช่องทางออนไลน์เปิดโอกาสให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลสามารถรับบริการทางการเงินได้ในต้นทุนต่ำ สอง ข้อมูลดิจิทัลและเทคโนโลยีของบริษัทเทคโนโลยีการเงิน (Fintech) มีส่วนช่วยให้กลุ่มลูกค้าบางกลุ่มที่ปกติเข้าไม่ถึงสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ เช่น กลุ่มธุรกิจรายย่อย (Micro) กลุ่มคนรุ่นใหม่ เข้าถึงแหล่งเงินได้มากขึ้น
การเข้าถึงบริการทางการเงินยังมีช่องว่างตรงไหนบ้าง?
5. การเข้าถึงบริการการเงินของคนไทยยุคดิจิทัลยังมีช่องว่างอยู่ในหลายด้าน แม้ 90% ของคนยุคดิจิทัลในประเทศไทยจากการศึกษาของเราจะมีบัญชีเงินฝากธนาคาร แต่ผู้ที่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินที่สำคัญ (สินเชื่อ การลงทุน ประกัน) ได้อย่างครบถ้วน มีไม่ถึง 30% ของผู้ถูกสำรวจ โดยกลุ่มบุคคลที่อาศัยอยู่ต่างจังหวัด ผู้หญิง และผู้ที่ไม่ค่อยได้ใช้อุปกรณ์ดิจิทัล เป็นกลุ่มหลักที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างครบถ้วน
6. ในกลุ่มผู้ที่ต้องการสินเชื่อ พบว่าธนาคารพาณิชย์ให้บริการสินเชื่อได้ไม่ถึง 50% ของผู้ต้องการสินเชื่อทั้งหมด โดยผู้กู้จำเป็นต้องไปพึ่งพาแหล่งสินเชื่ออื่นๆ ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน การสำรวจยังพบว่าธุรกิจขนาดย่อย (Micro enterprise) สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้น้อยกว่าธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMEs) อย่างชัดเจน ซึ่งอุปสรรคสำคัญอันดับหนึ่งในการเข้าถึงสินเชื่อของไทยไม่ใช่เรื่องอัตราดอกเบี้ยแต่คือกระบวนการขอสินเชื่อที่ต้องใช้หลักประกันที่ยุ่งยากและซับซ้อน
7. ในขณะเดียวกันด้านการลงทุน พบว่าไม่ถึง 30% ของคนไทยดิจิทัลลงทุนในตลาดการเงิน (หุ้น พันธบัตร กองทุนรวม) โดยผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่กว่า 60% เลือกที่จะเก็บออมเงินไว้ในบัญชีเงินฝากเป็นหลัก นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบในระดับภูมิภาค พบว่าคนไทยครองแชมป์ ในการลงทุนในทองคำและซืื้อล็อตเตอรี่สูงที่สุดในภูมิภาค ที่น่าสนใจคือประเทศไทยมีสัดส่วนการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลเป็นอันดับ 2 รองจากฟิลิปปินส์
ความรู้ด้านการเงินคนยุคดิจิทัลมีแค่ไหน? เรียนจากที่ใด?
8. แม้เทคโนโลยีจะเป็นส่วนหนึ่งของคำตอบการเข้าถึงการเงิน แต่อาจไม่ใช่ทั้งหมด การให้ความรู้ด้านการเงินมีส่วนสำคัญด้วยเช่นกัน เนื่องจากการเพิ่มความเข้าใจในบริการทางการเงินด้านต่าง ๆ จะนำไปสู่การใช้บริการทางการเงินที่เพิ่มมากขึ้นอย่างมี๓ูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะในด้านการลงทุนและบริหารการเงินส่วนตัว งานสำรวจยังพบว่าผลิตภัณฑ์การเงินที่คนขาดความรู้ความเข้าใจมากที่สุด คือ สินเชื่อและบัตรเครดิต
9. นอกเหนือจากการให้ความรู้ด้านการเงินแล้ว การให้ความรู้ด้านดิจิทัลก็อาจสำคัญไม่แพ้กัน อันเป็นสิ่งที่ควรทำควบคู่กัน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของเงินและข้อมูล ซึ่งเป็นความกังวลอันดับต้น ๆ ของคนยุคดิจิทัล
10. คนยุคดิจิทัลมองว่าการเรียนรู้ด้านการเงินที่ได้ผลที่สุดคือ การเรียนรู้จากการลองทำเอง ตามมาด้วยจากครอบครัวและเพื่อน พนักงานที่ขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน สื่อออนไลน์ และผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน แต่ในความเป็นจริง ยังมีช่องว่างในการเรียนรู้ โดยคนที่ได้เรียนรู้ด้านการเงินกับพนักงานของสถาบันการเงินและผู้เชี่ยวชาญมีสัดส่วนที่น้อยมาก เกิดเป็นช่องว่างที่ต้องรีบอุดอย่างชัดเจน
ที่มา : สันติธาร เสถียรไทย - Dr Santitarn Sathirathai
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก https://www.freepik.com