
"...ขอย้ำว่า พื้นที่ 10 % แม้เพียงหนึ่งในสิบ ก็มีสถานะครอบงำ เพราะเป็นใจกลางของรายได้ เป็นแหล่งเพาะอาชญากรรม เป็นศูนย์รวมของอาชญากรรมข้ามชาติ เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นรังสีอำมหิตที่จะก่อกรรมทำเข็ญให้คนไทยไปชั่วลูกชั่วหลาน เป็นผลพวงที่รัฐบาลไม่ยอมพูดถึง จึงดันทุรังจะสร้างให้ได้..."
ดูท่ารัฐบาลจะไม่ฟังเสียงประชาชนแล้ว ทั้งๆ ที่พลังทางศีลธรรมของสังคมพากันเปล่งเสียงเซ็งแซ่ว่า “ไม่เอากาสิโน ไม่เอาการพนัน” แต่ ทั้งนายกรัฐมนตรี พ่อของเธอ รองนายกฯ รัฐมนตรีต่างประสานเสียงเพลง “กาสิโน พนัน” อย่างเป็นหนึ่งเนื้อและทำนองเดียวกัน มีก็แต่ รองนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกุล ที่เสนอให้ทำประชามติกาสิโน แต่ผู้คนสงสัยว่าพูดอย่างนั้นเพราะเป็นเกมต่อรองระหว่างพรรคสีแดงกับพรรคสีน้ำเงิน ใช่หรือไม่ เพราะไพ่ในมือแต่ละฝ่ายนั้น มีฝ่ายละหลายใบที่พร้อมจะเอามาเฉือนกัน เช่น ไพ่ฮั้ว ส.ว. ไพ่ที่ดินอัลไพน์ ไพ่ที่ดินเขากระโดง ไพ่กฎหมายกัญชา ไพ่กาสิโน ฯลฯ

ข้ออ้างลวงโลกเรื่อง พื้นที่กาสิโน 10 %
1. ขอถามว่าเครือข่ายการพนันออนไลน์ ที่เหยื่อการพนันบรรลัยกันไปทุกวันขณะนี้ มีพื้นที่การพนันสักหนึ่งตารางนิ้วหรือไม่ เพราะจะเล่นเมื่อไรก็ได้ เล่นในบ้าน เล่นบนที่นอน เล่นในห้องน้ำ เล่นใต้ต้นไม้ บนรถไฟฟ้า ยังเล่นได้เลย เพียงแต่มีโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียวเท่านี้ ก็สิ้นเนื้อประดาตัวได้ ใช่หรือไม่ ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่คนไหนควบคุมได้บ้าง
2. สถานะครอบงำ สำคัญกว่าพื้นที่ 10 %
ใช่หรือไม่ว่า แท้จริงแล้ว พื้นที่ 10 % ของกาสิโนเหมือนไม้ขีดไฟก้านเดียว ทำให้ไฟไหม้ โรงงานทั้งหลังป่นปี้ไปหมด ไม่ต้องใช้ไม้ขีดเต็มโกดังหรอก
ใช่หรือไม่ว่า สั่งเย็นตาโฟมาหนึ่งชาม เอาน้ำปลาหนึ่งช้อนโต๊ะเทใส่ลงไปทั้งช้อน ยังจะมีใครกินเย็นตาโฟชามนี้ได้
ใช่หรือไม่ว่า เชื้อมะเร็งร้ายในร่างกาย ขนาดเล็กเท่าเม็ดถั่วเขียว มันลุกลามเป็นอันตรายไปทั่วร่างจนถึงตายได้
สิงคโปร์ มีพื้นที่กาสิโนเพียง 5% แต่สร้างรายได้จริง 64-72 % ของส่วนทั้งหมด

ฟิลิปปินส์ สร้างรายได้จากกาสิโน 87-90 %
มาเก๊า ก็เช่นกันกาสิโนสร้างรายได้ 70 % ให้รีสอร์ต
ดร. ชิดตะวัน ชนะกุล อ. เศรษฐศาสตร์ ม. เกษตรศาสตร์ ชี้ว่า “ไม่ว่าที่ไหนในโลกรายได้จากกาสิโน กินสัดส่วน 65-90 % ของทั้งหมด”
รัฐบาลบอกว่าพื้นที่ 10 % เป็นส่วนน้อย ไม่สลักสำคัญอะไร เพื่อเรียกหาความชอบธรรมในการสร้างสถานบันเทิงครบวงจร จึงมีความชอบธรรมที่จะดำเนินการสร้างต่อไป เป็นนัยว่า “พื้นที่นิดเดียว ควรจะยอมๆ กันไป อย่ามาคัดค้านเลย”
แต่พื้นที่ 10 % นั้นแหละที่ดำรงสถานะครอบงำส่วนทั้งหมด
3. ตกลงรัฐบาลประเมินกาสิโนการพนันว่าอย่างไรกันแน่ มันดีหรือไม่ดี
ถ้ามันดี สร้างรายได้มหาศาล ก็สร้างให้เต็มพื้นที่ 100 % ไปเลยจะดีไหม ที่ให้พื้นที่ 10 % เพราะมันเลวร้าย ใช่ไหม ถ้ามันเลวร้าย ก็เฉือนกาสิโนทิ้งไปเลย จะดีกว่าไหม มัวเสียดายอะไรอยู่จึงปกป้องกาสิโนไว้ราวกับเป็นกล่องดวงใจที่จะขาดเสียมิได้
ขอย้ำว่า พื้นที่ 10 % แม้เพียงหนึ่งในสิบ ก็มีสถานะครอบงำ เพราะเป็นใจกลางของรายได้ เป็นแหล่งเพาะอาชญากรรม เป็นศูนย์รวมของอาชญากรรมข้ามชาติ เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นรังสีอำมหิตที่จะก่อกรรมทำเข็ญให้คนไทยไปชั่วลูกชั่วหลาน เป็นผลพวงที่รัฐบาลไม่ยอมพูดถึง จึงดันทุรังจะสร้างให้ได้

สมการโกง C = M + D – A
ศาสตราจารย์ Robert Klitgaard นักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกัน นำเสนอทฤษฎีโกงว่า
C คือ Corruption แปลว่า โกง
M คือ Monopoly แปลว่า การผูกขาด
D คือ Discretion แปลว่า การมอบดุลพินิจ คือการยกอำนาจให้แก่ใคร หรือคณะใด เพื่อใช้อำนาจ
A คือ Accountability แปลว่า ความรับผิดรับชอบตามกฎหมาย หรืออีกนัยหนึ่งหมายถึง การตรวจสอบถ่วงดุล
สมการนี้ คือ
โกง (C) = ทุน (M) + อำนาจ (D) - การตรวจสอบ (A)
คุณธนากร คมกฤส แห่งมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ชี้ให้เห็นว่า โครงการสถานบันเทิงครบวงจร หรือที่เรียกว่า Entertainment Complex นั้น อธิบายทฤษฎีโกงนี้ได้อย่างครบเครื่องลงตัว กล่าวคือ
ผู้ประกอบการ (M) เป็นกลุ่มทุนจำนวนจำกัด ที่ได้รับใบอนุญาตแบบไฟเขียวผ่านตลอด (Super License) คืออนุญาตยาวนาน 30 ปี เช่าที่ดินได้ 30 ปี + + + ได้รับส่งเสริมการลงทุน ได้รับยกเว้นกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวม 10 ฉบับ
ดุลพินิจ (D) เป็นของ คณะกรรมการนโยบายที่นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน การออกใบอนุญาต กำหนดค่าใบอนุญาต กำหนดอัตราภาษี กำหนดพื้นที่ วางเงื่อนไขการเข้าใช้บริการ จัดสรรผลประโยชน์การนำส่งรายได้ จัดการผลกระทบ คก. ชุดนี้จะเสกสรรอย่างไรได้ทั้งนั้น เพราะกฎหมายเปิดกว้างให้ทำได้
การตรวจสอบ (A) จะรับผิดรับชอบกันตรงไหน ในเมื่อตีเชคเปล่ากันตามดุลพินิจ (D) ประชาชนจะมีส่วนร่วมได้ตรงไหน แม้การทำประชามติ รัฐบาลก็ไม่ยอมทำ เพราะหมายจะรวบรัดแบบ “กินหัว กินหาง กินกลางตลอดตัว”
รายได้ค่าใบอนุญาตหลักหลายพันล้าน จะเอาเข้าคลัง หรือเอาเข้าคนยังไม่รู้เลย ไม่ต้องพูดถึงเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าเงินใต้โต๊ะมีจำนวนมหาศาลเพียงไร ซึ่งเป็นเหตุผลใจกลาง ที่ทำให้เกิดอาการ “ดันทุรัง” อย่างผิดสังเกต
เลิกโกหกได้แล้วว่า สส. ไปฟังความเห็นมาแล้วพบว่า “ประชาชนเห็นด้วยกับกาสิโน” ลองให้ สส. ตั้งคำถามใหม่กับชาวบ้านสิว่า
“ถ้าลูกหลาน เอาเงิน เอาบ้าน เอาทรัพย์สินไปเล่นการพนันในกาสิโน จะเห็นด้วยไหม”
ดูซิว่าพ่อแม่คนไหนจะยอมให้ลูกหลานกระทั่งตัวพ่อแม่เองกลายเป็นผีพนันประจำบ้าน

พลังทางศีลธรรม ไม่เอากาสิโน
เลิกพูดเสียทีเถอะว่า “พวกคัดค้านกาสิโน ล้วนแต่เป็น ขาประจำ”
องค์กรทางศาสนาทั้งพุทธ คริสต์ อิสลาม ราชบัณฑิตยสภา กลุ่มองค์กรภาคสังคม อดีตสมาชิกวุฒิสภา อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อดีตและปัจจุบันอาจารย์คณะต่างๆ มหาวิทยาลัยหลายแห่ง ต้องออกมาคัดค้านกาสิโนอย่างพร้อมเพรียง โดยไม่ต้องจัดตั้ง โดยไม่ต้องนัดหมาย
ทั้งหมดนี้ ไม่มีใครเป็นขาประจำเลย แต่เป็นพลังทางศีลธรรมของสังคมไทย ที่ทนไม่ได้กับพลังเลวร้ายที่รัฐบาลกำลังก่อกรรมทำเข็ญกับสังคมไทย
กาสิโน เลิกโกหก ได้แล้ว
การพนัน ก็หยุดดันทุรังได้แล้ว
ถ้ายังขืนดื้อดึง
พลังทางศีลธรรมของคนไทย ทั่วทั้งสังคม เป็นพลังตื่นรู้ที่จะชักธงรบกันต่อไป .

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา