
"...ท่าทีปัจจุบันของสิงคโปร์ในปัจจุบัน สิงคโปร์ยังคงยืนยันนโยบาย “Zero-Vape” อย่างชัดเจน โดยระบุว่า : ประเทศสามารถเก็บภาษีจากบุหรี่ไฟฟ้าได้ หากต้องการ… แต่เราเลือกห้าม เพราะสุขภาพของประชาชนมีค่ามากกว่าเม็ดเงินภาษี (MOH, 2023) ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข หรือ MOH ของประเทศสิงคโปร์ ยังคงติดตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใหม่ ๆ อย่างใกล้ชิด และพร้อมทบทวนนโยบายหากมีข้อมูลชัดเจนว่า “บุหรี่ไฟฟ้ามีความปลอดภัย และช่วยเลิกบุหรี่ได้จริงโดยไม่ทำให้เยาวชนตกเป็นเป้าหมาย” เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ประเทศไทยควรรักษาสถานการณ์ควบคุมอย่างเข้มงวด เช่นเดียวกันหรือไม่?..."
ปัจจุบัน สิงคโปร์ เป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าอย่างมาก ถือได้ว่า เป็นประเทศชั้นนำในระดับโลก ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การศึกษา และ อื่นๆ ในด้านสุขภาพ สิงคโปร์ เป็น ประเทศที่ดูแลสุขภาพประชาชนอย่างจริงจัง ในบรรดาประเทศอาเซียน สิงคโปร์ถือเป็นผู้นำที่ได้รับการยอมรับในด้านระบบสาธารณสุข ประชากรมีอายุขัยเฉลี่ยสูงที่สุดในภูมิภาค โดยมีประเทศไทยเป็นลำดับที่สอง
สิงคโปร์มีระบบประกันสุขภาพที่มีประสิทธิภาพ และรัฐบาลให้ความสำคัญกับการป้องกันโรคมากกว่าการรักษา ยุทธศาสตร์ “สุขภาพดีตั้งแต่ต้นทาง” ทำให้ทุกนโยบายของรัฐสะท้อนจุดยืนชัดว่า “สุขภาพประชาชนสำคัญที่สุด” ประเทศไทย มีระบบหลักประกันสุขภาพ รัฐดูแลประชาชน การป้องกันปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ ไม่เพียงเป็นผลดีต่อประชาชน แต่ยังเป็นการลดภาระรายจ่ายของรัฐอีกด้วย
ในฐานะ ประเทศที่ เป็นผุ้นำด้านสุขภาพในอาเซียน จึงเป็นที่น่าสนใจว่า สิงคโปร์ควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าอย่างไร จากข้อมูลที่ปรากฎพบว่า สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีนโยบายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าเข้มงวดที่สุดประเทศหนึ่งในโลก โดยออกกฎหมายตั้งแต่ปี 2018 กำหนดว่า ห้ามบุคคลใด นำเข้า ครอบครอง ใช้ (สูบ) ซื้อขาย / แจกจ่าย / โฆษณา สำหรับ ผลิตภัณฑ์ บุหรี่ไฟฟ้า ที่เรียกว่า e-vaporisers หรือ vape หรือ e-cigarettes ทั้งหมด (รวมถึงน้ำยานิโคติน)
กฎหมายกำหนดให้ ผู้ฝ่าฝืนมีโทษ ปรับสูงสุด 10,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ และ/หรือจำคุกสูงสุด 6 เดือน สำหรับผู้ขายหรือนำเข้า และ หากทำซ้ำ ปรับเพิ่ม เป็น 20,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ และ/หรือจำคุกสูงสุด 12 เดือน สำหรับผู้ครอบครอง การซื้อ หรือ ใช้งาน ปรับสูงสุด 2,000 ดอลลาร์สิงคโปร์
เหตุผลที่สิงคโปร์ “ไม่ประนีประนอม” กับ บุหรี่ไฟฟ้า หรือ เป็น สิงคโปร์ซีโร่เวป (Singapore Zero-Vape) นั้น รัฐบาลสิงคโปร์และกระทรวงสาธารณสุข (Ministry of Health, MOH) มีคำอธิบาย ด้วยเหตุผลหลัก 4 ประการ
1. ป้องกันการเริ่มต้นสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชน
งานวิจัยจำนวนมากชี้ว่าเยาวชนที่ทดลองบุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มเริ่มสูบบุหรี่ธรรมดาสูงขึ้นถึง 3 เท่า
2. ไม่มีหลักฐานว่าช่วยเลิกบุหรี่อย่างมีประสิทธิภาพ
สิงคโปร์ยึดหลักฐานจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และหน่วยงานวิจัยที่ยังไม่รับรองว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเครื่องมือช่วยเลิกบุหรี่ที่ปลอดภัยหรือได้ผล
3. อันตรายจากสารเคมีและโลหะหนัก
แม้ไม่มีควันเผาไหม้ แต่บุหรี่ไฟฟ้ายังมีสารพิษในรูปแบบอื่น เช่น ไมโครพาร์ติเคิล โลหะหนัก สารทำให้ระคายเคืองปอด
4. รักษาสังคมปลอดบุหรี่ไว้ให้ได้นานที่สุด
ด้วยอัตราการสูบบุหรี่ที่ต่ำอยู่แล้ว สิงคโปร์จึงไม่ต้องการ “เปิดประตู” ให้เกิดวัฒนธรรมใหม่ในการใช้สารเสพติดที่ดูเหมือนไม่อันตราย
ท่าทีปัจจุบันของสิงคโปร์ในปัจจุบัน สิงคโปร์ยังคงยืนยันนโยบาย “Zero-Vape” อย่างชัดเจน โดยระบุว่า:
“ประเทศสามารถเก็บภาษีจากบุหรี่ไฟฟ้าได้ หากต้องการ… แต่เราเลือกห้าม เพราะสุขภาพของประชาชนมีค่ามากกว่าเม็ดเงินภาษี” (MOH, 2023)
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข หรือ MOH ของประเทศสิงคโปร์ ยังคงติดตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใหม่ ๆ อย่างใกล้ชิด และพร้อมทบทวนนโยบายหากมีข้อมูลชัดเจนว่า “บุหรี่ไฟฟ้ามีความปลอดภัย และช่วยเลิกบุหรี่ได้จริงโดยไม่ทำให้เยาวชนตกเป็นเป้าหมาย” เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ประเทศไทยควรรักษาสถานการณ์ควบคุมอย่างเข้มงวด เช่นเดียวกันหรือไม่?
ประเทศไทยถูกเรียกร้องและกดดันจากหลายฝ่ายให้ “เปิดทางบุหรี่ไฟฟ้า” โดยอ้างว่าช่วยเลิกบุหรี่ได้ แต่จากข้อมูลเชิงวิชาการและประสบการณ์ของประเทศอย่างสิงคโปร์ พบว่า:
- ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอในประสิทธิภาพการเลิกบุหรี่
- มีความเสี่ยงที่จะดึงดูดเยาวชน
- สร้างภาระทางสุขภาพในระยะยาวโดยไม่จำเป็น
ในฐานะที่ประเทศไทยที่มีมาตรการควบคุมยาสูบระดับสูงในภูมิภาค การรักษามาตรการ “แบนบุหรี่ไฟฟ้า” ไว้ให้มั่นคงจึงเป็นทางเลือกที่สอดคล้องกับสุขภาพประชาชนและหลักฐานวิทยาศาสตร์ เมื่อสิงคโปร์และไทย ต่างเป็นผู้นำในอาเซียนด้านการควบคุมยาสูบ การเดินหน้าอย่างเด็ดขาดในการ “ไม่เปิดทางบุหรี่ไฟฟ้า” คือการเลือกอนาคตที่ประชาชนมีสุขภาพดีกว่า และไม่ตกเป็นเป้าของอุตสาหกรรมที่หวังผลกำไรบนความเสี่ยงของคนรุ่นใหม่
ดังนั้น “สุขภาพของคนไทย จึง ไม่ควรแลกด้วยไอนิโคติน” ประเทศไทยควรที่จะเดินหน้าเคียงข้างสิงคโปร์ บนเส้นทาง Zero-Vape อย่างมั่นคง นั่นคือ “สิงคโปร์ซีโร่เวป – ไทยซีโร่เวป”
บทความโดย :
วิทยา กุลสมบูรณ์
มูลนิธิเภสัชชนบท
16 มิถุนายน 2568

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา