
"...แม้ว่า ดร.มหาธีร์ จะอยู่ในวัยร้อยปีเต็ม แต่รูปร่างและลักษณะท่าทางยังดูแข็งแรงกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันอีกหลายต่อหลายคน เขาได้ชื่อว่าเป็นผู้รักษา สุขภาพกาย สุขภาพจิตและสุขภาพสมองของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม นิสัยการกินอาหารและการไม่ยอมหยุดนิ่งน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขามีสุขภาพดีอยู่เสมอ เขามักจะให้สติแก่คนทั่วไปอยู่เสมอว่า “ มนุษย์ควรกินเพื่ออยู่ อย่าอยู่เพื่อกิน” (One should eat to survive and not survive in order to eat)..."
เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 ดร. มหาธีร์ โมฮัมหมัดในวัย 92 ปี ได้เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 7 ของมาเลเซียต่อจากนาย นาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีคนที่ 6 ซึ่งพ่ายแพ้การเลือกตั้งให้กับพันธมิตรกลุ่ม ดร.มหาธีร์ พลันที่ข่าวนี้แพร่ออกไป ผู้คนทั้งโลกต่างให้ความสนใจอย่างกว้างขวาง เพราะด้วยวัยถึง 92 ปี ดร.มหาธีร์ยังคงมีความกระฉับกระเฉงและหน้าตาอิ่มเอิบดูอ่อนกว่าวัยและยังมีไฟทางการเมืองอย่างล้นเหลือจนสามารถก้าวเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้งก่อนที่จะวางมือในปี 2563
ดร.มหาธีร์ นับเป็นหนึ่งในนายกรัฐมนตรีที่แก่ที่สุดในโลกที่กินเนสได้บันทึกไว้และเป็นการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่สองหลังจากที่เขาเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียคนที่ 4 มาแล้วในช่วงปี 2524 ถึง ปี 2546 รวมเวลาที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทั้งสองสมัยถึง 24 ปีและถือเป็นผู้นำที่ได้ชื่อว่าสร้างความเข้มแข็งด้านอุตสาหกรรมและสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้ประเทศมาเลเซียต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้
แผ่นดินเกิด
ดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัด (Mahathir Mohamad) เกิดเมื่อ วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2468 ในวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เขาจึงมีอายุครบ 100 ปีพอดี ดร.มหาธีร์ เกิดที่ เมือง อาโลร์เซอตาร์(Alor Setar) หรือ อลอตาร์(Alor Star) รัฐเคดะห์ ของมาเลเซีย ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือติดกับประเทศไทยหรือสมัยก่อนคือมณฑลไทรบุรีของประเทศสยามนั่นเอง นอกจาก ดร.มหาธีร์ แล้ว อาโลร์เซอตาร์ ยังเป็นแผ่นดินเกิดของ ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน (Tunku Abdul Rahman) นายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นบุตรเจ้าพระยาไทรบุรีกับมารดาซึ่งเป็นคนไทยและยังเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนเทพศิรินทร์อีกด้วย การที่มีสายเลือดไทยและเกิดในแผ่นดินสยามทำให้ ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน เป็นเสมือนญาติสนิทที่เชื่อมโยงสายสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมาเลเซียซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านรั้วติดกัน
ดร.มหาธีร์ เป็นศิษย์เก่าของโรงเรียน สุลต่าน อับดุล ฮามิด คอลเลจ( Sultan Abdul Hamid College) ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองอาโลร์เซอตาร์ บ้านเกิดของ ดร.มหาธีร์ เองและเป็นโรงเรียนภาษาอังกฤษของรัฐบาลที่เก่าแก่ที่สุดของมาเลเซียแห่งหนึ่ง โรงเรียนแห่งนี้ยังมีศิษย์เก่ารุ่นพี่ที่ชื่อ ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน นายกรัฐมนตรีคนแรกของมาเลเซียรวมอยู่ด้วย
ชีวิตต่างแดน
หลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียน สุลต่าน อับดุล ฮามิด คอลเลจ ดร.มหาธีร์ ได้เข้าศึกษาต่อวิชาแพทย์ที่มหาวิทยาลัยแห่งมลายา(University of Malaya) ในสิงคโปร์ ณ มหาวิทยาลัยแห่งนี้เอง เขาต้องใจหญิงสาวชาวมาเลย์ซึ่งเป็นนักเรียนแพทย์ด้วยกันจนตกลงปลงใจแต่งงานและอยู่ร่วมกันมาอย่างยาวนาน
ดร.มหาธีร์ เคยให้สัมภาษณ์สำนักข่าว CNN เอาไว้เมื่อ เดือน สิงหาคม ปี 2561 ว่า ในช่วงที่เขาศึกษาอยู่นั้นไม่ค่อยมีผู้หญิงในมหาวิทยาลัยมากนักและตุน สิติ ฮาสมาฮ์ (Tun Siti Hasmah) ภรรยาของเขาซึ่งมีอายุอ่อนกว่าเขาเพียงปีเดียวเป็นผู้หญิงมาเลย์คนเดียวที่เรียนในหลักสูตรแพทย์ที่มหาวิทยาลัยแห่งมลายาและเขาได้ตกหลุมรักเธอที่นั่นเอง
การครองชีวิตคู่อย่างยาวนานทำให้ทั้งคู่เรียนรู้ที่จะผ่อนปรนซึ่งกันและกัน ดร.มหาธีร์ เล่าว่าตอนแต่งงานใหม่ๆเขามักทะเลาะกับภรรยาอยู่บ่อยครั้ง เพราะตัวเขาเข้มงวดเรื่องเวลาในขณะที่ภรรยามักจะชักช้าอยู่เสมอ แต่ในที่สุดทั้งคู่ได้พบกับความจริงว่า เขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเธอได้และเธอก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเขาได้ ทั้งคู่จึงต้องยอมรับในความแตกต่างซึ่งกันและกัน
เคล็ดลับสุขภาพดี
แม้ว่า ดร.มหาธีร์ จะอยู่ในวัยร้อยปีเต็ม แต่รูปร่างและลักษณะท่าทางยังดูแข็งแรงกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันอีกหลายต่อหลายคน เขาได้ชื่อว่าเป็นผู้รักษา สุขภาพกาย สุขภาพจิตและสุขภาพสมองของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม นิสัยการกินอาหารและการไม่ยอมหยุดนิ่งน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขามีสุขภาพดีอยู่เสมอ เขามักจะให้สติแก่คนทั่วไปอยู่เสมอว่า “ มนุษย์ควรกินเพื่ออยู่ อย่าอยู่เพื่อกิน” (One should eat to survive and not survive in order to eat)
ดร.มหาธีร์ เคยให้สัมภาษณ์กับนักข่าว thestar.com เมื่อตอนเขาอายุ 88 ปี ขณะไปร่วมพิธีเปิดกิจกรรมการเดินเพื่อสุขภาพ ครั้งหนึ่งว่า เคล็ดลับการมีสุขภาพดีของเขานั้นมีอยู่แค่สามอย่าง คือ ไม่กินจนล้น ไม่สูบบุหรี่ และไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เมื่อมีใครมาถามเรื่องเคล็ดลับของการมีสุขภาพที่ดี เขาจึงมักจะบอกทุกคนว่าเขาปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในเรื่องการกินอยู่สามอย่างนี้เท่านั้น เขามักจะบอกกับผู้คนที่เขาพบปะอยู่เสมอว่าเขาจะกินอาหารแค่พออิ่มไม่ว่าอาหารจานนั้นจะอร่อยมากมายสักเพียงใดก็ตาม
สไตล์การการกินของ ดร.มหาธีร์ จึงไม่ต่างจากวิถีการกินอาหารของชาวโอกินาวาดั้งเดิมซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีสุขภาพดีและอายุยืนที่สุดในโลกกลุ่มหนึ่ง เพราะคนกลุ่มนี้ยืดถือคำสอนว่า กินเพียง 80 เปอร์เซ็นต์ของความอิ่มหรือกินเกือบอิ่มที่เรียกว่า ฮารา ฮาชิบุ (Hara hachi bu)
ดร.มหาธีร์ มีความเชื่อว่า คนเราถ้ายิ่งกินมากกระเพาะอาหารจะขยายตัวและเคยชินต่อการกินในปริมาณมากซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัยและจะเป็นปัญหาต่อสุขภาพในที่สุด การที่กระเพาะอาหารขยายตัวและเรามีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ตัวใหญ่ขึ้น หัวใจของเราก็จะทำงานหนักขึ้นและจะเกิดปัญหาแก่หัวใจได้ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง
ดังนั้นการกินแต่เพียงพอดีจึงเป็นวิถีที่ ดร.มหาธีร์ ปฏิบัติมาตลอดหลายสิบปีเพื่อรักษาหัวใจให้ทำงานปกติและไม่ทำกิจกรรมใดที่ส่งผลร้ายต่อหัวใจของตัวเองหรือกิจกรรมที่ทำให้หัวใจทำงานหนักเกินไป ดร.มหาธีร์ เคยเป็นโรคหัวใจและโรคปอดบวมรวมทั้งเคยติดเชื้อโควิด-19 มาแล้วแต่เขาก็ผ่านพ้นวิกฤตินั้นมาได้ เขาเคยบอกกับสำนักข่าว The Sunday Times ว่า เขาใช้ชีวิตการกินอยู่คล้ายกับลิง เพราะได้มีการพิสูจน์แล้วว่าลิงที่กินแคลอรี่ในปริมาณที่น้อยจะมีอายุที่ยืนยาวกว่า
อาหารการกิน
แม้ว่าเขาจะเข้มงวดเรื่องอาหารการกิน แต่กิจกรรมโปรดอย่างหนึ่งของ ดร.มหาธีร์คือการทำอาหารเอง เพราะนอกจากจะปรุงในสิ่งที่ตัวเองชอบกินแล้ว การทำอาหารยังเป็นเหมือนยาลดความเครียดอย่างดีอีกด้วย แม่ครัวแห่งทำเนียบนายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนหนึ่งเคยเล่าให้นักข่าวฟังว่า ดร.มหาธีร์ เป็นคนติดดินในเรื่องอาหารการกิน บางครั้งเขาออกไปจ่ายตลาดเองเพื่อเลือกวัตถุดิบมาปรุงอาหารและอาหารที่เขาทำได้อร่อยก็คือ ข้าวผัด ชาบู-ชาบู และหมี่ที่เรียกว่าหมี่บันดุง(Mee bandung)
อาหารมื้อเช้าของ ดร.มหาธีร์ มักเป็นขนมปังกับแยมหรือไข่หรือไม่ก็เป็นขนมปังเสิร์ฟคู่กับแกงพร้อมกาแฟดำหนึ่งแก้ว ส่วนอาหารกลางวันนั้นจะต้องมี น้ำพริกกะปิ (chili sambal belacan) กับน้ำพริกมะพร้าวขูด(Coconut sambal) เป็นเครื่องเคียงบนโต๊ะเสมอ ส่วนอาหารโปรดของ ดร.มหาธีร์ ได้แก่ แกงปู เนื้อซอสพริกไทยดำ ข้าวกับเนื้อและเนื้อย่างกับซอสมะขามและอาหารที่เขาไม่เคยแตะต้องคืออาหารประเภทปลา
สิ่งหนึ่งที่ ดร.มหาธีร์ รักษาไว้อย่างคงเส้นคงวาก็คือ การรักษาน้ำหนักตัวให้สม่ำเสมอ ตั้งแต่วัยหนุ่มจนถึงวัยชรา เขามีน้ำหนักตัวอยู่ระหว่าง 62-64 กิโลกรัมและมีรอบเอวขนาด 34-36 นิ้ว เขามักจะพูดอยู่บ่อยๆว่า เขาสามารถที่จะเอาเสื้อผ้าที่เคยใช้เมื่อสามสิบปีที่แล้วมาใส่ได้ในวัยนี้อย่างสบายๆเพราะนำหนักของเขาไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยตลอดเวลาหลายสิบปี เขาเชื่อว่าการคุมน้ำหนักคือการดูแลสุขภาพที่ดีนั่นเอง
ผู้ไม่เคยหยุดนิ่ง
การที่ ดร.มหาธีร์ ยังคงเป็นที่จดจำของผู้คนอยู่เสมอคงเป็นเพราะว่า เขาไม่เคยหยุดนิ่ง เขามักจะพูดอยู่เสมอว่า เขาไม่มีวันหยุดจากการทำงาน (I've never actually retired) หลังจากที่ก้าวลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งแรกเมื่อปี 2546 เขายังคงเดินทางไปทำงานทุกวัน จนถึงวันที่เขาได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งที่สองและแม้แต่ลงจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีครั้งที่สองอย่างถาวรเมื่อปี 2563 ตามที่ประกาศไว้แล้วก็ตามเขายังคงเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของเกาะลังกาวีอยู่ในช่วงเวลาหนึ่งและยังคงมีกิจกรรมทางการเมืองและกิจกรรมอื่นๆโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพัก
ขณะอยู่ในวัย 97 ปี ดร.มหาธีร์ ยังถวิลหากลิ่นอายทางการเมืองอย่างไม่ยอมเลิกลา เขาได้ประกาศตั้งพันธมิตรทางการเมืองใหม่ที่ชื่อว่า Gerakan Tanah Air(GTA) หรือ Homeland Movement แปลได้ว่าเป็น “ขบวนการแผ่นดินแม่” โดยพุ่งเป้าเป็นคู่แข่งที่สำคัญของพรรคที่ทรงอิทธิพลที่สุดในมาเลเซียคือพรรค UMNO ที่เขาเองก็เคยเป็นหัวหน้าพรรคมาก่อน โดยเขาประกาศอย่างแข็งขันในวันแถลงการณ์เปิดตัวขบวนการการเมืองใหม่ ว่า ทุกวันนี้ชาวมาเลย์ “ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพรรคการเมืองที่ทุจริตประพฤติมิชอบ” ซึ่งน่าจะเป็นแรงจูงใจสำคัญที่ทำให้เขาต้องกลับมานำทัพทางการเมืองโดยโดดลงสนามเลือกตั้งอีกครั้ง
ข่าวการกลับมาเป็นผู้นำทางการเมืองของ ดร.มหาธีร์ ในครั้งนั้น ทำให้โลกโซเชียลในมาเลเซียร้อนระอุ เพราะมีการวิจารณ์ถึงการกลับมาเป็นผู้นำกลุ่มพันธมิตรทางการเมืองของเขาบนโลกออนไลน์อย่างเผ็ดร้อนโดยไม่ได้มีความเกรงใจต่อบารมีทั้งในความอาวุโสและความจัดเจนทางการเมืองของเขาแม้แต่น้อย แต่การกลับมาของ ดร.มหาธีร์ในครั้งนี้กลับไม่เหมือนเดิม เพราะเขาได้พบกับความพ่ายแพ้อย่างยับเยินจากการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 15(GE15) เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2565 ซึ่งเป็นการพ่ายแพ้ครั้งแรกในรอบ 53 ปี จนทำให้เขาหมดโอกาสเข้าไปนั่งในสภาผู้แทนของมาเลเซียอีกครั้ง
การพ่ายแพ้อย่างหมดรูปจากการเลือกตั้งรอบนี้แสดงให้เห็นว่าชื่อเสียงของ ดร.มหาธีร์ คงไร้มนต์ขลังทางการเมืองสำหรับชาวมาเลเซียไปเสียแล้วและเขาเองก็คงรู้อยู่แก่ใจดีว่าเวทีการเมืองในทศวรรษนี้คงไม่ได้เป็นเวทีแห่งความเจิดจรัสสำหรับเขาอีกต่อไปและเขาคงเข้าใจคำว่าความเพียงพอทางการเมืองอย่างลึกซึ้งยิ่งกว่าใครๆ พลังการต่อสู้เพื่อสปิริตทางการเมืองอันยาวนานของเขาจึงท้าทายต่อความจริงทางการเมืองที่เขากำลังเผชิญอยู่เป็นอย่างยิ่ง
การที่มีการเมืองอยู่ในสายเลือดทำให้เขายังตัดการเมืองไม่ขาดจากชีวิตและยังคงวนเวียนอยู่ในวงจรการเมืองของมาเลเซียอยู่มิได้ขาดแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในสภาแล้วก็ตามเพราะเคยมีข่าวว่าเขาได้เตรียมรับเป็นที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการ(Unofficial adviser)ให้กับรัฐบาลแห่งรัฐ 4 แห่งที่เตรียมร่วมมือกันเพื่อพัฒนาพื้นที่ในรัฐทั้งสี่ (State Government 4 : G4) ซึ่งได้แก่รัฐ ปะลิส(Perlis) เคดะห์(Kedah) กลันตัน(Kelantan) และตรังกานู( Terengganu) ซึ่งอยู่ตอนเหนือของมาเลเซียและบางรัฐอยู่ติดกับประเทศไทยซึ่งเป็นพื้นที่บ้านเกิดเมืองนอนของเขาและเป็นพื้นที่ที่ ดร.มหาธีร์ เคยมีอิทธิพลทางการเมืองตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา
การที่ยังคงเวียนว่ายอยู่ในวงจรการเมือง ทำให้ ดร.มหาธีร์ ยังคงพบกับมรสุมทางการเมืองอยู่มิได้ขาด ในวัยย่าง 99 ปี เขาถูกกล่าวหาจากอดีตคนกันเองอย่างนายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม ว่าพยายามติดสินบนกษัตริย์ แต่เขาปฏิเสธต่อข้อกล่าวหานี้ในทันทีและตัดพ้อว่าเขาก็แค่ชายแก่คนหนึ่งและไม่ได้มีเงินมากมายตามที่ถูกกล่าวหาและขอให้ นายกฯ อันวาร์ อิมราฮิม แสดงหลักฐานเพื่อพิสูจน์ให้ได้ว่าเขาร่ำรวยถึงขนาดติดสินบนกษัตริย์ได้ตามที่ถูกกล่าวหาซึ่งไม่มีมูลความจริง
แก่อย่างมีคุณค่า
เมื่อหลายปีก่อน ดร.มหาธีร์ เคยคิดว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ได้จนถึง 75 ปีเท่านั้น แต่เขาก็ยังมีชีวิตอยู่ได้จนถึงอายุ 100 ปี ในตอนนั้นเขาเองก็ยังฉงนไม่รู้ว่าตัวเองอยู่มาได้จนถึงวัยขนาดนี้ได้อย่างไร แม้ว่า ดร.มหาธีร์จะมีสุขภาพแข็งแรงและมีน้ำหนักคงที่มาตลอดเวลาหลายสิบปี แต่ประชาชนชาวมาเลเซียกลับเผชิญกับปัญหาโรคอ้วน ที่กำลังเพิ่มขึ้นทุกวัน จากการเปิดเผยผลการศึกษาขององค์การอนามัยโลก(World Health Organization :WHO) พบว่าประชาชนชาว มาเลเซีย มีภาวะน้ำหนักเกินมากที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสูงกว่าประเทศไทย
ดร.มหาธีร์ ทราบถึงปัญหานี้ดี เขาเคยเขียนแนะนำเกี่ยวกับปัญหาความอ้วนและสุขภาพในคอลัมน์ของสื่อ New Strait Time ว่า ความอ้วนเป็นภัยต่อสุขภาพและการมีอายุยืนยาว การสะสมไขมันรอบเอวคือสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าบุคคลนั้นกินอาหารเกินกว่าร่างกายต้องการ การลดปริมาณอาหารในแต่ละมื้อลงหนึ่งในสี่หรือหนึ่งในสามจึงน่าจะเป็นทางออกในการแก้ปัญหาความอ้วนของผู้คนได้ ดร.มหาธีร์ยังแนะนำให้ผู้คนบริโภคคาร์โบไฮเดรตและไขมันให้น้อยลง
เขามักกล่าวอยู่บ่อยๆว่า เมื่อใดก็ตามที่เรารู้สึกว่าอาหารอร่อยผู้คนก็มักจะกินมากขึ้น กระเพาะอาหารก็จะเพิ่มขนาดขึ้นและเมื่อกระเพาะอาหารใหญ่ขึ้น ความต้องการอาหารก็เพิ่มขึ้นเพื่อบรรเทาความหิว ซึ่งนอกจากจะทำให้อ้วนแล้วยังส่งผลเสียไปยังอวัยวะสำคัญอื่นๆ เช่น ตับ ไต ตับอ่อน และหัวใจอีกด้วย
ดร.มหาธีร์มีความเชื่อหลายๆอย่างที่ต่างจากตำราทางวิทยาศาสตร์และคำแนะนำทางการแพทย์ทั่วๆไป เขากล่าวว่าความเชื่อและคำแนะนำหลายอย่างเกี่ยวกับสุขภาพได้มาจากประสบการณ์ของเขาเองโดยไม่ได้อ้างอิงตำราใดๆ เขาแนะนำผู้สูงอายุทำตัวให้กระฉับกระเฉงอยู่ตลอดเวลา ด้วยการเดินและออกกำลังอยู่เสมอ
สิ่งหนึ่งที่ ดร.มหาธีร์ แนะนำคืออย่านอนให้มากจนเกินไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งการนอนกลางวัน เพราะเขาเชื่อว่าการนอนมากเกินไปจะทำให้ร่างกายอ่อนแอลง ดร.มหาธีร์จึงพยายามนอนแค่เพียงวันละ 7 ชั่วโมง การนอนน้อยลงและตื่นมากขึ้นจะทำให้ร่างกายสร้างความแข็งแกร่งให้มวลกล้ามเนื้อและกระดูกได้ดีกว่า เขาจึงมักหลีกเลี่ยงการนอนที่มากเกินไปและมักทำงานอยู่จนถึงค่ำมืดเป็นประจำ
ดร.มหาธีร์ เชื่อว่าหากกล้ามเนื้อของร่างกายมีการเคลื่อนไหวก็จะส่งผลไปยังสมองด้วยและหากสมองไม่ถูกใช้งาน การทำงานของสมองก็จะบกพร่อง เขาแนะนำว่าเพื่อป้องกันความบกพร่องในการทำงานของสมอง จงพยายามทำตัวให้กระฉับกระเฉง จงเขียนและอ่าน แก้ไขปัญหา โต้แย้งและถกเถียง หากทำเช่นว่านี้ได้สมองก็จะยังคงทำหน้าที่ของสมองได้ดีแม้ว่าคนเราจะมีอายุมากขึ้นก็ตาม
ดร.มหาธีร์ มักแนะนำให้ชาวมาเลเซียอ่านหนังสือพิมพ์ทุกวันเพื่อให้เกิดความกระตือรือร้นและเพิ่มทักษะในการสร้างคำพูดและประโยคที่ใช้เป็นภาษาในการสื่อสาร เขาเชื่อว่าหากคนเราไม่อ่านหรืออ่านน้อย คำพูดก็จะไม่สามารถออกมาจากปากเราในขณะพูดคุยหรือการกล่าวคำปราศรัยต่างๆได้ ที่สำคัญคือการอ่านและการพูดคุยอยู่เสมอจะช่วยพัฒนาความจำของผู้สูงวัยได้ด้วย
ของโปรดในชีวิต
นอกจากเรื่องการเมืองแล้วสิ่งหนึ่งที่ผู้คนรู้กันดีคือ ดร.มหาธีร์เป็นผู้ที่ชื่นชอบการขับรถและมักเพลิดเพลินกับการขับรถประเภทขับเคลื่อน 4 ล้อไปตามที่ทุรกันดารอยู่เสมอ ขณะอยู่ในวัย 96 ปี ดร.มหาธีร์ยังสามารถขับรถได้อย่างสบาย เขาจึงสามารถไปไหนๆได้ด้วยตัวเองในวันสุดสัปดาห์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับรถทางไกลจากกัวลาลัมเปอร์ไปจนถึงเมืองอาโลร์เซอตาร์บ้านเกิดซึ่งอยู่ไกลมากกว่า 400 กิโลเมตรด้วยตัวเองเขาก็เคยพิสูจน์มาแล้วว่าวัยขนาดเขายังสามารถขับรถทางไกลได้อย่างสบาย ในทัศนะของ ดร.มหาธีร์ อายุของผู้ขับรถไม่ใช่ปัญหา คนสูงอายุสามารถขับรถในเลนความเร็วต่ำเช่นเลนซ้ายสุดหรือเลนกลางได้ แต่ปัญหาคือสภาพแวดล้อมทางถนนที่มักทำให้เกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งยังขึ้นอยู่กับสภาพความพร้อมของแต่ละบุคคลมากกว่าปัจจัยด้านอายุ
รถยนต์คันแรกในชีวิตของ ดร.มหาธีร์ คือรถยนต์มือสองยี่ห้อ Fiat 500 ซึ่งได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของเขาเองจากการเขียนหนังสือระหว่างศึกษาวิชาแพทย์อยู่ที่สิงคโปร์ การมีรถในระหว่างเรียนทำให้เขาใช้ชีวิตในสิงคโปร์สะดวกสบายขึ้น ที่สำคัญคือเขาสามารถไปไหนมาไหนกับคนรักได้ง่ายขึ้น นอกจากรถ Fiat 500 ซึ่งเป็นรถยนต์คันแรกแล้ว หลังจากนั้นเขายังครอบครองรถอีกหลายคันและหลายยี่ห้อ เช่น ปอนเตี๊ยก ไทรอัมป์ เมอร์ซิเดส เบนซ์ S600 SEL มิตซูบิชิ ปาเจโร มินิ ไดฮัทสุ มูฟ นิสสันเพรสซิเดนท์ เล็กซัส ฯลฯ และหนึ่งในรถคันโปรดของ ดร.มหาธีร์ คือ ปอร์เช่ คาเยน ซึ่งบุตรชายได้ซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อหลายปีก่อน
รถยนต์อีกคันที่ ดร.มหาธีร์ มักใช้ขับไปไหนมาไหนด้วยความภาคภูมิใจคือรถยนต์ยี่ห้อโปรตอน ซึ่ง ดร. มหาธีร์ เป็นผู้ที่ผลักดันให้ประเทศมาเลเซียมีแบรนด์รถยนต์ของตัวเองเมื่อสี่สิบปีที่แล้วและดร.มหาธีร์คือลูกค้าคนแรกที่เป็นเจ้าของรถยนต์สัญชาติมาเลเซียคันแรกของชาติ เขาได้มอบรถยนต์โปรตอนรุ่น Saga สีน้ำเงินเมทัลลิค หมายเลข Proton 1001 คันนี้ให้กับภรรยาทันทีในวันที่มีการส่งมอบรถยนต์
จนถึงวันนี้ประเทศมาเลเซียได้ผลิตรถยนต์ยี่ห้อโปรตอนรุ่น Saga ซึ่งเป็นรถรุ่นยอดนิยมมาแล้วเกือบ 2 ล้านคัน จึงไม่แปลกที่ระหว่างการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รถประจำตำแหน่งของดร.มหาธีร์ คือรถประจำชาติมาเลเซียยี่ห้อโปรตอนและเมื่อบริษัทโปรตอนเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรก Proton eMas7 ดร.มหาธีร์ได้ทดลองขับรถไฟฟ้ารุ่นนี้ด้วยตัวเองและเขียนรีวิวสมรรถนะของรถลงบนโลกออนไลน์สร้างความฮือฮาให้กับชาวเน็ตมาเลเซียที่ได้เห็นคนวัย 100 ปีสามารถทดสอบขับรถไฟฟ้าและเขียนความเห็นเกี่ยวกับสมรรถนะของรถยนต์รุ่นนี้ราวกับนักรีวิวมืออาชีพ

ดร.มหาธีร์ในวันที่ทดสอบขับรถไฟฟ้า Proton eMas7 ขณะอยู่ในวัย 100 ปี
เมื่อมีแขกต่างเมืองมาเยี่ยมเยียน ดร.มหาธีร์ มักทำหน้าที่เป็นโชเฟอร์ขับรถให้กับผู้นำที่มาเยี่ยมเยียนเสมอๆ ครั้งหนึ่งเขาเคยทำหน้าที่โชเฟอร์พาอดีตประธานาธิบดี โจโก วิโดโด แห่งอินโดนิเซียไปงานเลี้ยงอาหารกลางวัน รวมทั้งหลายปีก่อนหน้าเขาเคยพาอดีตประธานาธิบดี โจโก วิโดโด ไปทดสอบรถยนต์โปรตอนด้วยตัวเองที่สนามแข่งเซปังซึ่งเป็นสนามแข่งรถชื่อดังของมาเลเซียอีกด้วย โจโจ วิโดโด กล่าวในวันนั้นว่าไม่เพียงทำหน้าที่ถือพวงมาลัยพาประเทศไปข้างหน้าเท่านั้น แต่ ดร.มหาธีร์ ยังทำหน้าที่ถือพวงมาลัยขับเคลื่อนรถด้วยตัวเองอีกด้วย พร้อมทั้งยังทิ้งท้ายว่า ดร.มหาธีร์ ขับรถเร็วทีเดียว
แม้ว่า ดร.มหาธีร์ จะเป็นชายชราคนหนึ่ง แต่ความฝันอันบรรเจิดของเขาเกิดขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน เขายังมีความฝันว่ามาเลเซียควรจะมีรถยนต์แบรนด์ที่เป็นของตัวเองเพิ่มขึ้นอีกจากเดิม แต่ความฝันของเขาจะเป็นจริงหรือไม่ นโยบายของรัฐบาลมาเลเซียยุคต่อๆไปคงจะเป็นคำตอบ
สไตล์การแต่งตัว
ดร.มหาธีร์ มีสไตล์การแต่งตัวไม่ต่างจากผู้นำประเทศคนอื่นๆ เขาใส่สูทสากลที่ตัดจากร้านประจำแถวย่านบังสาร์(Bangsar) ในกัวลาลัมเปอร์ นอกจากสูทสีเข้มแล้วบ่อยครั้งที่จะเห็นเขาในชุดสูทสีเทาอ่อนหรือสูทโทนสีกากี สำหรับงานที่ไม่เป็นทางการอาจเห็นเขาในชุดกึ่งประเพณีนิยมซึ่งเป็นเสื้อคอจีนที่เรียกว่า แจ็คเก็ตแบบเนห์รู(Nehru jacket) ซึ่งเป็นเสื้อแบบที่นาย เยาวหราล เนห์รู นายกรัฐมนตรี คนแรกของอินเดียและรัฐบุรุษสวมใส่จนเป็นเอกลักษณ์หรือในบางโอกาสอาจเห็น ดร.มหาธีร์ในชุดซาฟารีทั้งแบบแขนสั้นและแขนยาวอยู่บ้าง
ในงานพิธีบางงาน ดร.มหาธีร์จะสวมชุดประเพณีนิยมของคนมาเลย์ที่เรียกว่า บาจู เมอลายู (Baju Melayu) ซึ่งประกอบด้วยเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวที่ทำจากผ้าไหม ผ้าฝ้าย หรือโพลีเอสเตอร์ที่มีส่วนผสมของผ้าฝ้าย สวมทับด้วยโสร่งแบบสั้นจากเอวลงไปคลุมแค่เข่าที่เรียกว่าซัมปิง(Samping) และสวมหมวกตามประเพณีนิยมที่เรียกว่า ซอเกาะห์ (Songkok)
หมวกซอเกาะห์แบบที่ ดร.มหาธีร์ สวมใส่เป็นหมวกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจนกลายเป็นเทรนด์ของแฟชั่นในงานพิธีสำคัญๆและกลายเป็นยี่ห้อหมวกสไตล์ ดร. มหาธีร์ รู้จักกันในชื่อ “Songkok style Tun” (หมวกสไตล์ตุน) คำว่า ตุน เป็นตำแหน่งที่ถือเป็นเกียรติยศสูงสุดที่พลเรือนมาเลเซียได้รับ ซึ่งในที่นี้คือ ดร.มหาธีร์ นั่นเอง
“หมวกสไตล์ตุน” เป็นหมวกที่ขายดีมากเพราะมีน้ำหนักเบา พับได้ ไม่ยับยู่ยี่และทำด้วยกำมะหยี่คุณภาพดี โดย ดร.มหาธีร์ได้อนุญาตให้ผู้ผลิตใช้ชื่อ “หมวกสไตล์ตุน” มาตั้งแต่ พ.ศ.2545 สิ่งที่หมวกสไตล์ตุนแตกต่างจากหมวกอื่นๆคือจะมีลายมือของ ดร.มหาธีร์ เขียนไว้ด้านในของหมวกด้วย
หลังจากการเลือกตั้งครั้งที่ 14 (GE14) ซึ่งเป็นวาระที่ ดร.มหาธีร์ ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียเป็นครั้งที่สองเมื่อหลายปีก่อน มีรายงานว่า “หมวกสไตล์ตุน” มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 30 เปอร์เซ็นต์ แต่ยังไม่พบรายงานว่า “หมวกสไตล์ตุน” ยังคงอยู่ในความนิยมมากน้อยเพียงใดหลังจากที่เขาพ่ายแพ้การเลือกตั้งอย่างยับเยินในการเลือกตั้งครั้งที่ 15 และไม่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว
ผลงานการเขียน
ดร.มหาธีร์ ชอบเขียนหนังสือมาตั้งแต่ขณะเรียนแพทย์อยู่ที่สิงคโปร์ เขาเขียนหนังสือหลายต่อหลายเล่ม เช่น A Doctor in the House The Malay Dilemma The Voice of Asia The Way Forward Malays Forget Easily เป็นต้น แต่หนังสือที่ทำให้สังคมมาเลเซียสั่นสะเทือนเมื่อหลายสิบปีก่อนคือการวิพากษ์วิจารณ์สังคมมาเลเซียอย่างรุนแรงในหนังสือชื่อ The Malay Dilemma(ความกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของชาวมาเลย์) ซึ่งเขาเขียนเมื่อปี 2513 โดยมีเนื้อหาพูดถึงชาวมาเลย์ว่า “แม้เป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ แต่กลับมีฐานะยากจนและล้าหลังและหากชาวมาเลย์ยังขาดความขยันขันแข็งดังที่เป็นอยู่ ก็ย่อมตกอยู่ในฐานะเบี้ยล่างทางเศรษฐกิจในชาติตนเองต่อไป” ด้วยเนื้อหาดังกล่าวหนังสือเล่มนี้จึงถูกแบนถึง 11 ปี จนกระทั่งเขาได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจึงยกเลิกการแบนหนังสือ The Malay Dilemma
แม้มีอายุมากแล้ว แต่ ดร.มหาธีร์ยังมีไฟในการเขียนหนังสือและบทความต่างๆอยู่ไม่ขาด หนังสือของเขาที่ตีพิมพ์เมื่อปลายปี 2564 ชื่อ Capturing Hope: The Struggle Continues for a New Malaysia กล่าวถึงความยากลำบากที่รัฐบาลภายใต้การนำของกลุ่มปากาตัน ฮาราปัน (Pakatan Harapan-PH) หรือกลุ่มพรรคพันธมิตรแห่งความหวัง โดยเขาเองเคยเป็นหนึ่งในผู้นำและเป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้เผชิญกับความท้าทายในหลายๆด้านเป็นต้นว่า การสร้างความเป็นปึกแผ่นทางการเมือง ความไม่ลงรอยภายในพรรคร่วมรัฐบาลจนนำไปสู่จุดสิ้นสุดของรัฐบาลภายใต้การนำของ ดร.มหาธีร์ในปี 2563 รวมทั้งปัญหาทางการเมืองอื่นๆของประเทศมาเลเซีย ซึ่งถือเป็นภารกิจที่ไม่มีวันสิ้นสุดของ ดร.มหาธีร์ ในการนำประเทศมาเลเซียให้หลุดพ้นจากการทำลายล้างกันในทางการเมืองและการคอร์รัปชันรวมถึงความแตกแยกในสังคมมาเลเซียมาอย่างยาวนาน ก่อนที่เขาจะกลับมานำทัพพันธมิตรทางการเมืองกลุ่มใหม่ที่ชื่อว่า “ขบวนการแผ่นดินแม่” อีกครั้งหนึ่ง
นอกจากการอ่านและการเขียนแล้ว ดร.มหาธีร์ ยังมักใช้โซเชียลมีเดียทั้ง เฟซบุ๊ก และ X (ทวิตเตอร์) แสดงความเคลื่อนไหวในโอกาสต่างๆอยู่มิได้ขาด แม้แต่ขณะเข้ารักษาอาการติดเชื้อที่โรงพยาบาลในกัวลาลัมเปอร์เมื่อต้นเดือนสิงหาคมปี 2566 เขาก็ยังโพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมืองของตัวเอง แสดงให้เห็นว่าเขายัง อ่าน เขียนและทำงานอยู่ตลอดเวลาแม้ยามป่วยไข้ก็ตาม ขณะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งที่สอง เขาเคยขอให้เฟซบุ๊กและแพลตฟอร์มอื่นๆร่วมมือกับรัฐบาลมาเลเซียและองค์กรด้านกฎหมายของมาเลเซียช่วยทำให้โซเชียลมีเดียเป็นสื่อในการสร้างความเปลี่ยนแปลงในทางบวกมากกว่าที่จะสร้างผลกระทบในทางลบ
อย่างไรก็ตามขณะที่ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี การใช้ชีวิตในโลกออนไลน์ของ ดร.มหาธีร์ ไม่ได้ราบรื่นนัก อย่างน้อยที่สุดเขาเคยถูกตำรวจเรียกสอบสวน 2 ครั้งกรณีโพสต์เฟซบุ๊กที่หมิ่นเหม่เข้าข่ายผิดกฎหมายโดยครั้งแรกเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งปี 2561 ขณะเขาเป็นผู้นำฝ่ายค้าน กรณีข้อกล่าวหาเผยแพร่ข่าวลวง หลังอ้างว่ามีความพยายามที่จะก่อวินาศกรรมเครื่องบินเช่าเหมาลำของเขา เพื่อสกัดกั้นไม่ให้เขาไปลงทะเบียนสมัครรับเลือกตั้งอย่างเป็นทางการที่เกาะลังกาวี จนทำให้ต้องเปลี่ยนเครื่องบิน ซึ่งข่าวภายหลังแจ้งว่าเป็นการขัดข้องทางเทคนิคของเครื่องบินมิใช่เกิดจากการก่อวินาศกรรมและครั้งที่สองเกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2566 จากกรณีโพสต์เฟซบุ๊กให้ความเห็นว่ามาเลเซียควรเป็นประเทศของคนมาเลย์ มากกว่าจะเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ(Malaysia should be recognized primarily as a Malay country rather than a multiracial one ) จนทำให้เขาถึงต้องตัดพ้อในภายหลังว่ามาเลเซียได้มาถึงจุดที่กลายเป็นรัฐตำรวจไปแล้วหรือนี่
ความสัมพันธ์กับประเทศไทย
ด้วยความเป็นผู้นำของประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิด ดร.มหาธีร์เคยเดินทางมาประเทศไทยอยู่บ่อยครั้งในหลายโอกาส หลังจากรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งที่สอง ดร.มหาธีร์ ได้เดินทางมารับมอบปริญญาศิลปศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาผู้นำทางสังคม ธุรกิจและการเมือง ที่มหาวิทยาลัยรังสิต เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2561 โดยก่อนหน้านี้ ดร.มหาธีร์ได้เดินทางมายังประเทศไทยในฐานะแขกของรัฐบาลและในครั้งนั้นเขาได้พบกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ณ บ้านพักรับรองสี่เสาเทเวศร์ หลังจากที่ไม่ได้พบกันมานานถึง 30 ปี แสดงถึงความสัมพันธ์ในอดีตระหว่าง พล.อ.เปรม กับ ดร.มหาธีร์ ที่มีความใกล้ชิดกันมาก เพราะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีช่วงเดียวกันประมาณ 7 ปี ในช่วงเวลานั้น นายกรัฐมนตรีมหาธีร์ ขอให้ไทยช่วยสนับสนุนการ แก้ไขปัญหาโจรจีนคอมมิวนิสต์ในประเทศมาเลเซีย ขณะที่ พล.อ.เปรม ขอให้ทางมาเลเซีย สนับสนุนแก้ไขปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงความร่วมมือในด้านอื่นๆอีกมาก
แม้ว่า ดร.มหาธีร์จะสร้างคุณประโยชน์ให้กับมาเลเซียมากมายเพียงใดและมีผู้ชื่นชอบเขาอยู่ไม่น้อย แต่นโยบายทางการเมืองที่แข็งกร้าวและวิธีตอบโต้แบบไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมของเขาโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชาติตะวันตกทำให้เขาถูกขนานนามจากทั้งคนในชาติเดียวกันรวมทั้งคนต่างชาติว่า “มนุษย์ขวานผ่าซาก” บ้าง “จอมเผด็จการ” บ้าง หรือแม้แต่นาม “เฒ่าสารพัดพิษ” ก็ยังมีคนตั้งฉายาให้เขา แต่ความแข็งแกร่งของเขาทั้งทางร่างกาย จิตใจ เหลี่ยมคูและความเฉียบแหลมทางการเมืองที่เหนือชั้นกว่านักการเมืองหลายต่อหลายคนทำให้ชื่อเสียงของเขาต้องถูกจารึกไว้ในฐานะผู้นำทางการเมืองที่แข็งแกร่งคนหนึ่งที่ยากจะลืมเลือน
ดร.มหาธีร์เป็นผู้นำที่มีสีสันทางการเมืองซึ่งเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีของโลกคนหนึ่ง ดังนั้นคำพูดหรือจุดยืนของเขาจึงมักถูกจับตามองหรือถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่เสมอ การที่ ดร.มหาธีร์ เป็นบุคคลสำคัญทางการเมืองและเป็นหนึ่งผู้อาวุโสของมาเลเซียที่มีอายุถึง100 ปีย่อมมีเรื่องราวมากมายผ่านเข้ามาในชีวิตจนถือได้ว่าเป็นครูใหญ่ของคนมาเลเซียอย่างเต็มภาคภูมิ เรื่องราวที่นำมาเล่าสู่กันฟังเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งในการเดินทางของชีวิตอันยาวนานที่ไม่ธรรมดาของเขาเท่านั้น
หมายเหตุ : แปล เรียบเรียงและถอดความ จากแหล่งอ้างอิงต่อไปนี้
1. https://www.guinnessworldrecords.com/news/2018/5/oldest-prime-minister-records-as-mahathir-bin-mohamad-becomes-malaysias-leader-a-525206
2. https://edition.cnn.com/2018/08/01/asia/mahathir-mohamad-malaysia-q-and-a/index.html
3. https://www.britannica.com/biography/Mahathir-bin-Mohamad
4. https://en.wikipedia.org/wiki/Mahathir_Mohamad
5. https://www.biography.com/political-figure/mahathir-mohamad
6. https://www.malaysiakini.com/news/503705
7. https://th.wikipedia.org/wiki/ตุนกู_อับดุล_ระฮ์มัน
8. https://www.isranews.org/content-page/item/65857-mahathir.html
9. https://asiatimes.com/2019/12/how-to-live-as-long-as-mahathir/
10. https://www.carlist.my/news/the-cars-of-tun-dr-mahathir-mohamad-64116/64116/
11. https://www.thestar.com.my/news/nation/2005/03/20/mahathir-has-a-passion-for-cars/
12. https://www.malaysianow.com/news/2021/10/05/its-not-just-about-age-mahathir-says-on-seniors-behind-the-wheel/
13. https://www.nst.com.my/business/2022/07/812442/malaysias-first-car-proton-saga-celebrates-37th-birthday
14. http://www.aseanthai.net/ewt_news.php?nid=5728&filename=in
15. ศูนย์ข้อมูลสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา(IFD) 31 ตุลาคม 2546
16. https://th.wikipedia.org/wiki/มาฮาดีร์_บิน_โมฮามัด
17. https://www.posttoday.com/world/574238
18. https://www.thaipost.net/main/detail/20697
19. https://www.thaipost.net/columnist-people/197165/
20. https://focusmalaysia.my/there-he-goes-again-netizens-throw-shade-at-dr-mahathir-new-coalition/
21. https://mgronline.com/around/detail/9650000110666
22. https://www.nst.com.my/lifestyle/flair/2018/06/375829/songkok-style-tun-demand-after-ge14
23. https://www.nst.com.my/news/politics/2024/01/1000790/i-am-old-i-dont-have-money-tun-m-asks-proof-he-attempted-bribe-king
24. https://www.thesundaily.my/local/social-media-realm-needs-to-remain-a-positive-platform-mahathir-AY919893
25. https://www.malaysia-today.net/2023/08/18/cops-take-statement-from-dr-m-over-fb-posts/
26. https://thainews.prd.go.th/th/news/print_news/WNFOR6105030020006
27. https://www.thestar.com.my/news/nation/2023/09/16/watch-out-for-dr-ms-new-association-with-sg4-salleh-keruak-tells-pakatan
28. https://www.freemalaysiatoday.com/category/nation/2023/09/14/state-govt-4-in-the-works-with-dr-m-as-adviser-says-terengganu-mb/
ภาพประกอบ
1. https://selliyal.com/archives/185629
2. https://www.tiktok.com/@chedetofficial/video/7518612288652299538

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา