
"...ร่วมกันให้สังคมไทยบรรลุ พันธกิจ 2570 ลดการเสียชีวิตลงเหลือ 12 ต่อแสนของประชากร และบรรลุวิสัยทัศน์ ที่มุ่งหวัง ถนนปลอดภัยไร้เสียชีวิต เพื่อทำให้ทุกคนบนแผ่นดินไทย มีวิถีชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่สนับสนุนต่อการมีสุขภาวะที่ดี..."
น่าตื่นเต้น ! ที่ประเทศฟินแลนด์ ประกาศว่า เมืองเฮลซิงกิ เป็นเมืองถนนปลอดภัย ไร้คนเสียชีวิต หลังหนึ่งปีที่มีอุบัติเหตุรุนแรงเกิดขึ้น สำหรับประเทศไทยที่มีแนวโน้มดีขึ้น จากนี้ เราควรจะก้าวต่อไปสู่เป้าหมายใดในเวลาเมื่อใด
การเกิดอุบัติเหตุจากการเดินทางในท้องถนนจนเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตเป็นเรื่องที่มีผลกระทบรุนแรง เป็นการจากไปอย่างไม่สมควร เกือบทั้งหมดเป็นการจากไปก่อนวัยอันควร ผู้เสียชีวิตจำนวนไม่น้อยเป็นหลักของครอบครัวในการหารายได้มีผลกระทบทางเศรษฐกิจตามมา รายที่บาดเจ็บรุนแรงเป็นภาระต่อครอบครัวอย่างมาก ความเสียหายจากค่าใช้จ่ายที่มาจากการเจ็บป่วยพิการและค่ารักษาพยาบาลมหาศาล ที่ครอบครัวและรัฐต้องแบกรับ
เป็นเรื่องที่น่าเรียนรู้สำหรับสังคมไทย ที่ เมืองเฮลซิงกิ ไม่มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นเวลา 1 ปีเต็ม (กรกฎาคม 2024 – กรกฎาคม 2025) คุณภาพชีวิตและความปลอดภัยบนถนนดีขึ้นอย่างชัดเจนจากมาตรการลดความเร็ว การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน และการบังคับใช้กฎจราจรอย่างจริงจัง ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่ช่วยให้เกิดผลสำเร็จ ประกอบด้วย
1. การลดความเร็วบนท้องถนน
- มากกว่าครึ่งหนึ่งของถนนในเฮลซิงกิมีการจำกัดความเร็วที่ 30 กม./ชม.
- ล่าสุดรัฐบาลเฮลซิงกิตัดสินใจลดความเร็วบริเวณใกล้โรงเรียนเป็น 30 กม./ชม. เมื่อเริ่มภาคเรียนปีใหม่
2. การออกแบบถนนใหม่ให้ปลอดภัยขึ้น
- พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับคนเดินเท้าและจักรยานให้แข็งแรงขึ้น
- ปรับแม่แบบทางแยกและจุดข้ามทางม้าลาย เพื่อลดความเสี่ยง
3. การเพิ่มการบังคับใช้และเทคโนโลยี
- เพิ่มจำนวนกล้องจราจรและระบบควบคุมอัตโนมัติ
- ความร่วมมือระหว่างเมืองและตำรวจเข้มแข็งขึ้น
- ระบบขนส่งสาธารณะมีประสิทธิภาพ ช่วยลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล
4. การใช้เทคโนโลยียานยนต์ทันสมัย
- ยานยนต์ใหม่มีระบบความปลอดภัยมากขึ้น ทั้งรถยนต์และสกูตเตอร์ไฟฟ้า
- รองรับการใช้งานยานพาหนะส่วนบุคคลอย่างปลอดภัยยุคใหม่
ผลสำเร็จนี้เกิดจากการลงมือทำเป็นเวลาหลายสิบปี ภายใต้ยุทธศาสตร์ความปลอดภัยการจราจร 2022–2026 ทั้งนี้ ทุกการตัดสินใจถูกวัดผลระยะยาวด้วยมาตรการเชิงป้องกัน การดำเนินการมีความเชื่อมโยงกับ เป้าหมายของ EU คือ Zero Traffic Deaths ภายในปี 2050 (Vision Zero) ซึ่งเฮลซิงกิให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในฐานะแนวคิดหลัก
สำหรับประเทศไทย สถิติการเสียชีวิตและอุบัติเหตุของประเทศไทยดีขึ้น ทุกภาคส่วนมีความร่วมมือตั้งใจ จากอันดับโลกที่ 1-2 ในช่วงปี 2558-2559 (เสียชีวิต 32-36 ต่อแสน ของประชากร) ปัจจุบัน อยู่ อันดับที่ 9 ( 25.4 ต่อแสน) ปัจจุบัน มีเป้าหมายท้าทาย คือ ลดการเสียชีวิต ลงเหลือ 12 ต่อแสน ภายในปี 2570 และ สำหรับเฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ให้ลดลงร้อยละ 50
รถจักรยานยนต์ เป็น พาหนะที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการบาดเจ็บและเสียชีวิต เสริมแรงกับ การดื่มแอลกอฮอล์ และ การไม่ใส่หมวกกันน็อค เป็นเรื่องยากที่จะคาดหวังยานพาหนะอื่นให้ระวังตัวไม่ชนกับมอร์เตอร์ไซค์ เพราะ วิ่งมาได้จากทุกทางรอบตัว มาเร็ว และ ปัจจุบัน มีการวิ่งสวนทาง แซงซ้าย ปาดหน้าโดยเฉพาะบริเวณปากซอย การเลี้ยวตัดหน้าด้วยคาดว่าจะวิ่งทัน ล้วนเพิ่มโอกาสอุบัติเหตุ ในการป้องกัน จำเป็นต้องทำงานร่วมกับพี่วินมอเตอร์ไซด์ พี่ๆขนส่งอาหารด่วน ตลอดจนเยาวชนพลังสูง ร่วมสร้าง โมเดลต้นแบบ “มอเตอร์ไซค์รักษ์ชีวิต จิตสาธารณะ” ทั้งนี้ สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ นอกจาก ยานพาหนะแล้ว การดื่มแอลกอฮอล์ การไม่ใส่หมวกกันน็อค พฤติกรรมการขับขี่บุคคล แล้ว “ช่วงเวลา” โดยเฉพาะยามวิกาล ใกล้รุ่ง ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงร่วมก่ออุบัติเหตุ
เป็นเรื่องน่ายินดีที่ในเมืองใหญ่บางจุด จากการสังเกตด้วยตา เข่น ที่ทางลงสะพานปิ่นเกล้าเข้าพระนคร ตอนเช้า พบว่า ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์สวมหมวกกันน็อค เกือบทั้งร้อยละร้อย ทั้งที่ไม่มีตำรวจตรวจจับ อย่างไรก็ตาม ผู้ซ้อนท้าย และ สตรี บางส่วนจะไม่นิยมสวม อาจด้วยไม่สะดวก หรือไม่มีหมวก การสร้างความตระหนักนี้ หากสื่อมวลชน เช่น ไทยพีบีเอส อสมท จส 100 รวมทั้งสื่อใหม่ ที่มีเทคนิคการสื่อสาร จะร่วมกันสร้างจิตสำนึกร่วม ถนนปลอดภัย ไร้เสียชีวิต แบบตาวิเศษ ที่เคยประสบความสำเร็จ จะชวนสร้างกระแสและติดตาม ในพื้นที่ต่างๆ เป็นระยะก็จะสร้างสำนึกสังคมได้เพิ่มมากขึ้น
การทำให้เกิด ถนนปลอดภัยไร้เสียชีวิต จึงควรเป็นวิสัยทัศน์ ของผู้บริหารการจราจร การดูแลความปลอดภัยในการเดินทางบนท้องถนน ที่มุ่งหมายให้ พันธกิจ 2570 ของประเทศไทยที่มุ่งลดการเสียชีวิตลงครึ่งหนึ่ง (12 ต่อแสนต่อปี) บรรลุความสำเร็จ เป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันทำให้ได้ เพื่อลดการสูญเสีย ตลอดจนการสร้างให้ประเทศไทยเป็นแบบอย่างทั้งในอาเซียน เอเชีย หรือ ระดับโลก
แน่นอนว่า มีองค์ประกอบของปัจจัยความสำเร็จที่แตกต่างกัน อย่างมากมาย ระหว่างประเทศไทย และ ประเทศฟินแลนด์ ในการสร้างมาตรการลดปัจจัยเสี่ยง แต่มาตรการบางประการที่ เฮลซิงกิ ใช้ เช่น การจำกัดความเร็ว โดยเฉพาะใกล้สถานศึกษา การปรับแก้ปัญหา ณ จุดสี่ยง ทางแยก ทางข้าม การใช้เทคโนโลยีควบคุม การบังคับใช้กฎหมายของตำรวจ และ การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล มาตรการเหล่านี้สามารถปรับประยุกต์ใช้อย่างจริงจังได้
ในฟินแลนด์ วันนี้ เฮลซิงกิ ได้เป็น โมเดลแห่งถนนปลอดภัยของยุโรป กล่าวคือ เมืองถนนปลอดภัย ไร้เสียชีวิต (Zero Traffic Deaths) ถือเป็นความสำเร็จจากความมุ่งมั่น สำหรับประเทศไทย มีความพยายามจากภาคส่วนต่างๆมากมาย ทั้งการสร้างสำนึกร่วม การสร้างกลไก การปฏิบัติการภาคสนาม การติดตามปรับปรุง ในสถานที่ระดับต่างๆ ทั้ง ตำบล อำเภอ จังหวัด และ เมือง เป็น พื้นที่ถนนปลอดภัยไร้เสียชีวิต (Zero Traffic Deaths Places) ความมุ่งมั่นจริงจังเหล่านี้ ย่อมจะสะสมความสำเร็จสู่ พันธกิจ 2570 ของประเทศไทยที่มุ่งลดการเสียชีวิตลงครึ่งหนึ่ง (12 ต่อแสนต่อปี) และวิสัยทัศน์ ถนนปลอดภัยไร้เสียชีวิต ที่มุ่งหวังเพื่อให้ “ทุกคนบนแผ่นดินไทย มีวิถีชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่สนับสนุนต่อการมีสุขภาวะที่ดี”.
บทความโดย :
วิทยา กุลสมบูรณ์
กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส)*
*กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการสร้างเสริมสุขภาพ กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส), ทั้งนี้เป็นความเห็นส่วนบุคคลของผู้เขียน ไม่ผูกพันองค์กร สสส .
อ้างอิง : บทความของ Yle ชื่อ “Helsinki goes a full year without a traffic death” (29/7/2025)

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา