
ดีเอสไอ ได้ดำเนินการตามกฏหมายฟอกเงินหรือไม่ เพราะการกระทำดังกล่าว เข้าองค์ประกอบตามกฏหมายแล้ว หรือท่านละเว้นการดำเนินการดังกล่าว ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ท่านเอง อาจถูกดำเนินคดีข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบก็เป็นได้
หมายเหตุสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) :เมื่อวันที่ 10 ส.ค. นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวกล่าวถึงกรณีเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่มีความล่าช้าในการสอบสวนคดีบริษัท แป้งมันเอี่ยมอีสานอุตสาหกรรม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทครอบครัว น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ขุดบ่อน้ำบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ จนคดีใกล้จะหมดอายุความ ขณะที่ น.ส.สุดาวรรณ ไม่ขอตอบในประเด็นนี้เพราะกลัวจะกระทบกับบริษัท

เนื้อหาเฟซบุ๊กของนายศุภชัยระบุว่า
ถามดีเอสไอ ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ถามรองนายกรัฐมนตรีภูมิธรรมและถามนายกรัฐมนตรีแพทองธาร เรื่อง บริษัทรัฐมนตรีบุกรุกที่สาธารณะประโยชน์อำเภอน้ำยืน อุบลราชธานี
ถามดีเอสไอไปวันก่อนเรื่องคดี โรงแป้งมันบุกรุกที่สาธารณะประโยชน์ มีผู้ต้องหาหลายรายรวมถึง อดีตรัฐมนตรี ผู้เป็นสามี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ผู้เป็นภรรยา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว ว่าเรื่องไปถึงไหนอย่างไรเพราะรับคดีมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2562 และดีเอสไอก็อ้อมแอ้ม แถลงแบบคลุมเครือว่าเรื่องนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการ สิ่งที่น่าสงสัยที่ท่านจะต้องอธิบายก็คือท่านรับคดีมา 6 ปีแล้ว ทำอะไรไปถึงไหนทำไมถึงล่าช้าซึ่งคำแถลงของท่านก็ไม่ได้คำตอบอะไร
ความจริงเรื่องนี้ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีคำสั่งลงวันที่ 31ตุลาคม 2562 อนุมัติให้กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ออกเลขคดีพิเศษใหม่ เพื่อทำการสอบสวน และอนุมัติให้มีพนักงานอัยการสอบสวนร่วมตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 มาตรา 21วรรคหนึ่ง (1) (ง) โดยออกเลขเป็นคดีพิเศษ ที่ 154/2562
จากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพบว่า ในช่วงเวลาเกิดเหตุ บริษัทแป้งมันเอี่ยมอีสานอุตสาหกรรม จำกัด ได้ขุดบ่อเก็บกักน้ำในพื้นที่เกิดเหตุ จำนวน 3บ่อ มีเนื้อที่ประมาณ 16-1-58.4ไร่
ฐานความผิด “ร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครองและทำประโยชน์โดยการขุดบ่อเก็บกักน้ำ ในที่ดินซึ่งตนไม่ได้มีสิทธิ อันเป็นที่ดินของรัฐและที่ดินสาธารณประโยชน์สำหรับประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน และที่ป่า โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่”อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา9 ประกอบ 108ทวิ วรรคสอง
และมาตรา 54มาตรา 55 ประกอบมาตรา 72 ตรี แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 360 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
กรรมการ บริษัทแป้งมันเอี่ยมอีสานอุตสาหกรรม จำกัด มีผู้เป็นมาดังนี้
ปี 25522562-นายวีรศักดิ์ ฯ /นางยลดา และนางสาวสุดาวรรณ (พ่อ/แม่/ลูก)
ปี 2562 ถึง ปัจจุบัน - นางสาวสุดาวรรณ/นางสาววีรียา (พี่น้อง)
ซึ่งต่อมานางสาวสุดาวรรณ ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการเพราะเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีในสมัยแพทองธาร ปัจจุบันเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว และตามข่าวท่านรัฐมนตรี ก็ยอมรับว่าเป็นผู้ต้องหาคดีนี้จริงแต่ไม่อยากพูดอะไรเพราะเป็นห่วงบริษัท
วันนี้ จึงขอถามดีเอสไออีกครั้ง ว่าทำไมใช้เวลาสอบสวนนานถึง 6 ปีแล้วและไม่มีความคืบหน้าอะไรเลยที่จะบอกประชาชนเจ้าของประเทศว่าคดีสำคัญที่มีบุคคลสำคัญเป็นผู้ต้องหาท่านทำไปถึงไหนและจะ เสร็จสิ้นเมื่อใด
จากการสอบสวนน่าเชื่อว่าผู้ต้องหาได้กระทำความผิดและสมควรมีความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้อง การกระทำความผิดที่ถูกกล่าวหานั้น บริษัทและกรรมการผู้ถูกกล่าวหาได้หยุดการกระทำความผิดไปแล้ว หรือยังคงกระทำความผิดต่อเนื่องอยู่จนปัจจุบัน ท่านได้ดำเนินการอย่างไร ซึ่งเรื่องแบบนี้ท่านต้องแถลงให้ชัดเจนเพราะประชาชนให้ความสนใจและเป็นหน้าที่ของท่านที่จะต้องบอกให้กับประชาชนได้รับรู้
นอกจากนี้พฤติการณ์ของผู้ต้องหาเป็นข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับป่าไม้ ป่าสงวนแห่งชาติ ความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อมโดยการใช้ ยึดถือ หรือครอบครองทรัพยากรธรรมชาติหรือกระบวนการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติโดยมิชอบด้วยกฎหมายอันมีลักษณะเป็นการค้า
อันเป็นความผิดมูลฐานของกฎหมายฟอกเงิน
ดีเอสไอ ได้ดำเนินการตามกฏหมายฟอกเงินหรือไม่ เพราะการกระทำดังกล่าว เข้าองค์ประกอบตามกฏหมายแล้ว หรือท่านละเว้นการดำเนินการดังกล่าว ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ท่านเอง อาจถูกดำเนินคดีข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบก็เป็นได้
เมื่อถามดีเอสไอแล้วก็ต้องถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมว่าท่านเคยได้รับรายงานคดีนี้หรือไม่ ในฐานะที่ท่านดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม(ถึงแม้ท่านจะถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในดีเอสไอในเวลาต่อมา)ท่านได้มีการสั่งการอย่างไรในคดีสำคัญเช่นนี้
และขอถามรองนายกฯ ภูมิธรรมในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษในคำถามเดียวกัน หากจะตอบว่าไม่เคยได้รับรายงานจากอธิบดีดีเอสไอก็จะถามว่าเมื่อได้รู้แล้วจากข่าวแล้วท่าน จะดำเนินการคดีนี้อย่างไรต่อไปเพื่อให้เป็นไปตามกฏหมาย
สุดท้าย ถามท่านนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ว่าในการตรวจคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อนำชื่อทูลเกล้าฯ เพื่อโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีนั้น บุคคลดังกล่าวจะต้อง มีความซื่อสัตย์สุจริตจนเป็นที่ประจักษ์ ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ท่านได้ตรวจสอบกรณีรัฐมนตรีสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล แล้ว และพบว่ารัฐมนตรีสุดาวรรณ ตกเป็น ผู้ต้องหาในคดีนี้แต่ท่านก็ยังคงนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ใช่หรือไม่ เพราะท่านเห็นว่าการตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ยังไม่ถือว่า ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตจนเป็นที่ประจักษ์และไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา