
“…บางทีก็ต้องชั่งใจ พูดกฎหมายตรงๆ การเมืองก็มีคนได้คนเสีย เหมือนกรรมการไปจับมือฝั่งหนึ่ง ให้อีกฝั่งชกหรือเปล่า ของเราซับซ้อนมากในการแข่งขันทางการเมือง กกต.ก็ต้องเอาเรื่องของเวลามาจับด้วย ไทมิ่ง หรือ จังหวะเหมาะหรือไม่ หลักการ คือ กกต.พยายามจะใช้ถ้อยคำที่ทุกฝ่ายรับได้…”
หมายเหตุ : สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นายแสวง บุญมี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดใจระหว่างร่วมกิจกรรมระดมความคิดเห็นของบรรณาธิการสื่อมวลชนต่อการสื่อสารของสำนักงาน กกต. เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา
รู้สึกเป็นเกียรติที่สื่อมวลชนที่ให้ความสำคัญกับงานของกกต. ขอบคุณการสนับสนุนงานของกกต. ที่ผ่านมา ทั้งๆที่ท่านอาจจะผิดหวังกับการให้ข่าวของสำนักงานกกต.พอสมควร ทำไม กกต.ถึงไม่ออกมาพูดเรื่องนั้น เรื่องนี้บ้าง ซึ่งมีเหตุผลในตัวมันเองที่ไม่พูด บางทีเราต้องชั่งว่า พูดกับไม่พูดผลคืออะไร
งานของกกต. เราสื่อสารไม่ดี หน้าที่ของเรา คือ การชี้แจงข้อเท็จจริง แต่ละเรื่องเราต้องชี้แจงข้อเท็จจริง สื่อต้องเอาสิ่งที่กกต.ชี้แจงไปบอกประชาชน เราต้องอาศัยสื่อ ถ้าไม่มีสื่อเราก็แย่ บางเรื่องอาจจะทิ่มแทงเราก็มี แต่บางอย่างก็เอางานที่กกต.ไปให้ประชาชนเข้าใจ ดีกว่า กกต.อธิบายเองอีก กกต.อาจมีข้อจำกัด
นอกจากข้อเท็จจริง อีกชุดข้อมูลหนึ่ง คือ การตัดสิน หรือ คำวินิจฉัยของกกต. ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนสนใจและอยากรู้ เช่น การให้ใบเหลือง ใบแดง การเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) การยุบพรรคการเมือง
“กำลังจะบอกว่า เราให้ได้แค่ไหน อย่างไร ถึงเวลาให้หรือไม่ บางเรื่องไม่มีอะไรให้ก็มี ให้แล้วเกิดผลดีผลเสียอย่างไร ให้แบบไหน สำนักงาน กกต.อาจจะมีข้อจำกัด แต่ถ้าทำอะไรได้ กกต.จะทำและพร้อมปรับตัว ปรับปรุง เพราะกกต.อาศัยสื่อในการสื่อสารไปถึงประชาชน ”

@ การเมืองมีคนได้-คนเสีย
“กกต. พร้อมที่จะให้ กล้าที่จะให้ ให้แบบไหน ให้เวลาไหน กกต. อยู่บนบริบททางการเมือง มีการแข่งขันที่เข้มข้น กกต.พูดตามกฎหมาย มีคนได้ประโยชน์ เหมือนกับคนเอาไปใช้สื่อสารที่ไม่ตรงก็ได้ กกต.ก็ต้องตะหนัก บางครั้งพูดในสิ่งที่ถูกต้อง แต่เวลาไม่เหมาะ ก็ต้องชั่งใจ”
เรื่องการร้องเรียนการเลือกสว.ยอมรับว่า มีปัญหา เพราะไม่เหมือนกับการเลือกตั้งสส. เรื่องของ สส. ร้องนาย ก. นาย ข. แต่ สว. เป็นชั้น แต่ละชั้น 20 กลุ่ม สัมพันธ์กันหมด ถ้ามาร้องแบบ สส. คือ ร้อง นาย ก. นาย ข. จะไม่เห็นอะไรเลย แต่ถ้าร้องเป็นระบบจะเหมือนกับกวาดตาดูจะเห็น ถอยออกมาไกลๆ ทำให้การพิจารณาสำนวนของกกต. ทำแบบเดิมไม่ได้
หน่วยงาน กกต.ตอบคำถามยากที่สุด เพราะไม่ใช่โอปอร์เรเตอร์ ถามกฎหมาย บางครั้งสมมุติเรื่องขึ้นมาถาม เช่น เรื่องคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้าม หรือ การกระทำผิดกฎหมาย เราจะตอบเหมือนคนมาถามทางไม่ได้ แต่เป็นการตั้งคำถามว่า ได้หรือไม่ ซึ่งเหมือนเป็นคำวินิจฉัยไปในตัวไปแล้ว กกต.จึงเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลมากกว่าที่จะมาตอบคำถามแบบแนววินิจฉัย เพราะบางครั้งซับซ้อนมากในการตอบคำถาม
“ต้องยอมรับว่า ยาก การจะตอบคำถามเกี่ยวกับข้อกฎหมาย เราต้องหยุดก่อน ผมยังต้องชะงักเลยว่าใช่หรือไม่ ต้องซักซ้อมกับสำนักกฎหมายหรือสำนักสืบสวนก่อน”
บางเรื่องเรายังตอบไม่ได้ ต้องรอกรรมการ กกต. เพราะยังไม่เคยมี ถ้าเราไปตอบก่อน เราก็จะถูกนำไปอ้างในศาล แต่คนถามก็จะไม่เข้าใจ ว่า เป็น กกต.ทำไมตอบไม่ได้
“บางทีก็ต้องชั่งใจ พูดกฎหมายตรงๆ การเมืองก็มีคนได้คนเสีย เหมือนกรรมการไปจับมือฝั่งหนึ่ง ให้อีกฝั่งชกหรือเปล่า ของเราซับซ้อนมากในการแข่งขันทางการเมือง กกต.ก็ต้องเอาเรื่องของเวลามาจับด้วย ไทม์มิ่ง หรือ จังหวะเหมาะหรือไม่ หลักการ คือ กกต.พยายามจะใช้ถ้อยคำที่ทุกฝ่ายรับได้”
เมื่อเร็วๆนี้ ไปดูงานต่างประเทศ จากการสำรวจความเห็นของประชาชน เกี่ยวกับความเชื่อถือของประชาชนต่อหน่วยงานในประเทศ กกต.ออสเตรเลียมาที่ 1 จึงให้โจทย์สำนักงาน กกต. เพราะอะไรกกต.ออสเตรเลียถึงอยู่ตรงจุดนั้นได้
“ผมพูดถึงการยอมรับและความน่าเชื่อถือ ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นทั้งกระบวนการและขั้นตอนที่ทำ และการประชาสัมพันธ์ผลงานของกกต.ออกไป แต่ถ้าประชาสัมพันธ์แทบตายแต่ไม่มีผลงานก็ไม่มีประโยชน์”
กกต.กับสื่อควรทำงานร่วมกันได้ดีกว่านี้ ความเร็ว ความถูกต้องก็จะมาพร้อมกัน บางอย่าง กกต.มีข้อจำกัด ไม่เหมือนหน่วยงานอื่น ถ้าเรื่องขั้นตอน กกต.ชี้แจงเอง แต่ถ้าเป็นการวินิจฉัย ไม่ให้แน่นอน เราต้องปกป้องสิทธิของบุคคลอื่น
“คดีที่อยู่ในกกต. ไม่เหมือนศาล กกต.ไม่ได้รับการคุ้มครอง ศาลรัฐธรรมนูญสามารถบอกเสียงข้างน้อย เสียงข้างมาก ระบุตัวตนได้ เพราะวินิจฉัยแล้วจบ แต่กกต. ต้องไปศาล เสียงข้างน้อยมีผลกับคดี”

@ ปริมาณ-คุณภาพ-ประสิทธิภาพ
สำนักงาน กกต. ทำหน้าที่เป็นกรรมการ ความสำคัญของกรรมการ คือ การยอมรับในตัวกรรมการ การแข่งขันถึงเรียบร้อย จึงจะสงบ กกต.ไม่ต้องการคนเก่ง แต่ต้องการการยอมรับ ยอมรับทั้งตัวกรรมการ ยอมรับกระบวนการ ยอมรับผล สามเรื่อง กกต. ตั้งใจที่จะทำ เลือกตั้งแต่ละครั้ง กกต.มีการพูดคุยกันทุกครั้ง
“เหมือนไม่ยาก แต่เวลาทำงานกับเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) กปน.ก็คือ ชาวบ้าน ผลัดกันมา โอกาสผิดพลาดก็มี แต่ละครั้งผิด 30-40 % ไม่อยากให้ผิด อยากให้เป็นมาตรฐาน มีความพยายามทำให้ดีขึ้น เพื่อให้ กกต.ได้รับการยอมรับและความเป็นมืออาชีพ”
สำนักงาน กกต. ต้องการยอมรับ 2 ส่วน ส่วนแรก คือ ตัวกรรมการ กกต. เอง เราต้องทำงานให้กรรมการ กกต. ยอมรับ เราก็ต้องเป็นมืออาชีพ งานต้องดีก่อน เพื่อให้ กรรมการ กกต. ยอมรับสำนักงาน กกต. เพราะเรารับงาน กกต.มาทำ ไม่ต้องเอาเครื่องมือชี้วัดที่ไหน วัดที่งาน แต่ประชาชนใช้ความรู้สึก จะวัดยากขึ้นไปอีก คือ การยอมรับจากประชาชน
วิธีสร้างการยอมรับ วิธีแรก ในเชิงปริมาณ คือ จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง แสดงให้เห็นว่า สำนักงาน กกต. มีศักยภาพในการรณรงค์ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการทางการเมือง หรือ วัดที่การเลือกตั้ง วันเลือกตั้งตั้งเป้าทุกครั้งว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิ์เท่าไหร่ คือเครื่องชี้วัดในเชิงปริมาณ
“ถ้าได้ 60-70 % ก็น่าจะดี ไม่ต่ำความ 70 % เพราะเป็นความชอบธรรมของระบบ ความชอบธรรมของผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง แสดงถึงความแข็งแกร่งของระบบการเมือง”
วิธีที่สอง ในเชิงคุณภาพ คือ การเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม สำนักงาน กกต. พยายามสร้างพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย สนับสนุนพรรคการเมืองให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม
“เชิงคุณภาพ เป็นงานที่ยากขึ้นไปอีก การทำให้การออกเสียงเลือกตั้งเป็นการลงคะแนนเสียงที่สุจริต เพราะในระยะยาว ถ้าเรามีพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย เราจะไม่มีปัญหาเรื่องการซื้อสิทธิ์ขายเสียง เป็นคำถามว่า เราจะเดินทางไปไกลได้แค่ไหนในเรื่องเชิงคุณภาพ”
วิธีที่สาม ประสิทธิภาพ หรือ การบริหารการจัดการ การอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในวันเลือกตั้ง การรักษาเจตนารมณ์ของประชาชนในการออกเสียงลงคะแนน การให้ความรู้ในการเลือกตั้ง
“3 เรื่องดังกล่าว คือ เครื่องมือชี้วัดของสำนักงาน กกต. ว่า จะได้รับการยอมรับหรือไม่”

@ กรรมการ-ผู้เล่น-ผู้เลือก-สื่อ
ความสุจริตและเที่ยงธรรมในการเลือกตั้ง คือ การมีพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย แต่ถ้าพลเมืองยังไปไม่ถึงตรงนั้น สิ่งที่สำนักงาน กกต.จะทำได้ในระยะสั้นก็คือ การสืบสวนสอบสวน การลงโทษผู้กระทำความผิด การให้ใบเหลืองใบแดง
การซื้อสิทธิ์ขายเสียงเป็นปัญหากับระบบการเมืองแน่นอน แต่เราคิดว่าจะดีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะ เหมือนกับช่วงหลังที่พรรคการเมืองเสนอนโยบายเพื่อให้คนเลือกมากกว่า ช่วงนั้นช่วงหนึ่งจะเป็นแบบนั้น แต่การเลือกตั้งท้องถิ่น มันพันตูกันจนเราเห็น เป็นข่าว
จริงๆ เราไปถึงที่จุดเกิดเหตุได้เร็วกว่าคนอื่น แต่การรวบรวมพยานหลักฐาน คนที่จะมาให้การเป็นพยาน หายาก ช่วงหลังสำนักงาน กกต. พยายามจะนำหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เช่น กล้องวงจรปิด การบอกสถานที่อยู่ทางโทรศัพท์ หรือ เส้นทางทางการเงิน แต่ได้รับความร่วมมือเพียงบางส่วน เพราะมีกฎหมายคุ้มครองสิทธิ์ของประชาชน แต่ก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำเพื่อทำให้ได้รับการยอมรับ
“เราไม่ได้อยากได้รับการยอมรับเพื่อเป็นเกียรติประวัติอะไร แต่การยอมรับจะทำให้ผลการเลือกตั้งออกมาเป็นที่เชื่อถือของประชาชน ถ้าคนไม่เชื่อ ยากมากทางการเมือง ทางความรู้สึก อธิบายอย่างไรก็ไม่ได้ ถ้าคนไม่เชื่อ ต้องเชื่อกรรมการก่อน ซึ่งเราไม่ได้อยู่เฉยๆ พยายามทำให้ไปถึงจุดนั้นให้ได้ เพราะเราเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการเลือกตั้ง เราเป็นกรรมการในการแข่งขัน มีผู้เล่น ผู้เลือก และสื่อ องค์ประกอบ 4 อย่าง ถ้าสามารถไปด้วยกันได้ ดีขึ้นแน่”
@ แก้ ครหา ‘สองมาตรฐาน’ - กกต.มีไว้ทำไม
มีเรื่องที่ กกต.ตอบไปแล้ว แต่ยังมีคนไม่เข้าใจ ยกตัวอย่างเช่น เรื่องคุณสมบัติ สว. หลุดมาได้อย่างไร เพราะเป็นความผิดที่ยังไม่ถึง เรื่องคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้าม ศาลต้องตัดสินก่อน แต่ในชั้นของการฟ้อง ยังไม่ได้ตัดสิน จึงยังเป็นผู้ที่ยังไม่มีลักษณะต้องห้าม
สำนักงาน กกต. มีหน่วยตรวจสอบ 26 หน่วย ทั้งวันสมัคร ก่อนประกาศ หรือ ประกาศไปแล้วก็ตรวจ แต่สาเหตุที่ตรวจไม่เจอ เพราะระบบฐานข้อมูลไม่ได้มีฐานข้อมูลเดียว และเพิ่งมาลงในระบบฐานข้อมูลเมื่อ 10-20 ปี หากก่อนหน้านี้ไปกระทำผิด ไม่มีใครรู้ บางทีคู่ต่อสู้เห็นก็เอามาร้อง อย่างไรก็ตามกฎหมายเขียนป้องกันไว้ว่า รู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิ์มาสมัครและตัวเองต้องรับรอง ไม่ใช่ไม่ได้ตรวจ

สอง เรื่องมาตรฐาน ยกตัวอย่างเรื่อง ยุบพรรค คือ เรื่องเวลา และความเร็ว ทำไมพรรคนี้ (ยุบ) เร็ว ทำไมพรรคนี้ (ยุบ) ช้า ซึ่ง การยุบพรรค มี 2 ช่องทาง คนละมาตรา
“กรรมการ กกต. มีอำนาจเด็ดขาดในการยุบพรรค แต่ที่กกต.ยุบมา 2 พรรค มีหลักฐานจากหน่วยอื่นมาใช้ได้เลย ไม่ต้องสอบข้อเท็จจริง เพราะมีหน่วยอื่นตัดสินมาแล้ว เอาคำพิพากษามาใช้ได้เลย”
ส่วน ช่องทางสำนักงาน กกต. เป็นเรื่องของข้อเท็จจริง มีคนมาร้อง ต้องไปสอบ เพื่อให้ความเป็นธรรม ดังนั้น จึงใช้ช่องทางต่างกัน เดินคนละเลน หลักฐานและองค์ประกอบในการพิจารณาต่างกัน
“คนยังมองว่า กกต. สองมาตรฐาน ทำไมเรื่องนี้เร็ว ทำไมเรื่องนี้ช้า ไม่ใช่การแก้ตัว แต่เป็นข้อเท็จจริง เพราะคำว่า สองมาตรฐานเกิดบ่อยมาก”
“ผมยอมรับว่าเป็นคำถามที่ประชาชนถามมาที่สำนักงาน กกต. เหมือนกันว่า มีกกต.ไว้ทำไม ไม่ใช่เราไม่มีความรู้สึกที่จะทำให้กระตุ้นให้เราทำงานให้ดีขึ้น”

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา