
"...บริการ “ผ่อนมือถือด้วยบัตรประชาชน” ส่วนใหญ่มักดำเนินการผ่านร้านค้าโดยตรง ไม่ใช่ธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ได้รับใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งหมายความว่า พวกเขาไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมายด้านสินเชื่อ จึงสามารถกำหนดดอกเบี้ยและเงื่อนไขต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ และนั่นเองคือจุดเริ่มต้นของปัญหา เพราะเมื่อลูกค้าถูกผูกมัดด้วยสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ดอกเบี้ยสูง และไม่มีหน่วยงานคุ้มครอง ก็แทบไม่มีทางเลือกในการต่อรองใด ๆ เลย..."
ในยุคที่ใครๆ ก็อยากได้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ไว้ในมือ ข้อเสนอ “ผ่อนมือถือแค่ใช้บัตรประชาชนใบเดียว” จึงกลายเป็นดีลที่ดูน่าสนใจและเข้าถึงง่าย แต่รู้หรือไม่ว่าเบื้องหลังความง่ายนั้น อาจแฝงด้วย “กับดักทางการเงิน” ที่ทำให้คุณต้องจ่ายแพงกว่าที่คิด…หลายเท่าตัว
เมื่อดอกเบี้ยทะลุ 300% ต่อปี
แม้คำว่า "ผ่อน" จะดูเหมือนเป็นทางเลือกสบายกระเป๋า แต่สิ่งที่หลายคนมองข้ามคือ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง หรือ EIR (Effective Interest Rate) ที่ไม่ได้เป็นแค่ตัวเลขธรรมดา เพราะผู้ให้บริการบางรายในไทยคิดดอกเบี้ยสูงถึง สามร้อยเปอร์เซ็นต์ต่อปีขึ้นไป ซึ่งมากกว่ากฎหมายที่กำหนดเพดานไว้สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลถึงกว่า 10 เท่า
ถ้าเปรียบเทียบง่ายๆ สมาร์ทโฟนเครื่องละ 10,000 บาท อาจกลายเป็น 30,000 บาทแบบไม่รู้ตัวเมื่อรวมดอกเบี้ยจนครบสัญญา
บริการที่ไร้การควบคุม = ช่องโหว่ที่คุณควรระวัง
บริการ “ผ่อนมือถือด้วยบัตรประชาชน” ส่วนใหญ่มักดำเนินการผ่านร้านค้าโดยตรง ไม่ใช่ธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ได้รับใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งหมายความว่า พวกเขาไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมายด้านสินเชื่อ จึงสามารถกำหนดดอกเบี้ยและเงื่อนไขต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ
และนั่นเองคือจุดเริ่มต้นของปัญหา เพราะเมื่อลูกค้าถูกผูกมัดด้วยสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ดอกเบี้ยสูง และไม่มีหน่วยงานคุ้มครอง ก็แทบไม่มีทางเลือกในการต่อรองใด ๆ เลย
กลโกงที่พบบ่อยในวงการผ่อนมือถือ
หลายร้านมีกลยุทธ์ในการดึงดูดผู้บริโภคให้ตัดสินใจเร็ว เช่น โฆษณาว่า “ดอกเบี้ย 0%” แต่แท้จริงแล้วกลับ บวกราคาเครื่องให้สูงกว่าท้องตลาด เมื่อรวมยอดผ่อนทั้งหมด กลายเป็นจ่ายแพงกว่าแบบซื้อสด
ยิ่งไปกว่านั้น สัญญาหลายฉบับเต็มไปด้วย เงื่อนไขที่เอาเปรียบ เช่น ค่าปรับที่สูงเกินจริง หรือกำหนดให้ผู้ซื้อมีเพื่อนใน Facebook เป็นจำนวนมาก เพื่อใช้ในการติดตามหรือประจานหากผิดนัดชำระ
นอกจากนี้ยังมี การทวงหนี้แบบผิดกฎหมาย และกรณีที่น่ากลัวที่สุดคือ การล็อกเครื่องโทรศัพท์จากระยะไกล หากคุณจ่ายไม่ครบตามกำหนด ร้านค้าสามารถปิดการใช้งานมือถือของคุณทันที — เท่ากับว่าคุณสูญเสียทั้งเครื่องและข้อมูลส่วนตัวไปในพริบตา

แล้วจะเลือกผ่อนอย่างไรให้ปลอดภัย?
สิ่งสำคัญคือการรู้เท่าทันและตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจใช้บริการผ่อนมือถือด้วยบัตรประชาชน โดยมีข้อควรเช็กดังนี้:
ตรวจสอบว่าผู้ให้บริการมีใบอนุญาตหรือไม่ เช่น ได้รับการรับรองจากธนาคารแห่งประเทศไทยหรือไม่
อย่าหลงเชื่อคำว่า "ดอกเบี้ย 0%" ง่ายๆ แต่ให้ถามหาดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี (EIR) และคำนวณยอดชำระรวมเปรียบเทียบกับราคาเครื่องจริง
อ่านสัญญาอย่างละเอียดก่อนเซ็น ตรวจสอบค่าปรับ เงื่อนไขการยกเลิกสัญญา และสิ่งที่อาจส่งผลกระทบต่อสิทธิของคุณ
สอบถามเรื่องกรรมสิทธิ์เครื่อง ว่าหลังผ่อนครบแล้ว โทรศัพท์เป็นของคุณ 100% หรือไม่
สอบถามว่าใช้ระบบล็อกเครื่องหรือไม่ ถ้ามี ควรถามให้ชัดเจนว่าเป็นระบบของบริษัทใด มีการคุ้มครองข้อมูลผู้ใช้แค่ไหน
ทางเลือกที่ดีกว่า: ผ่อนกับผู้ให้บริการที่เชื่อถือได้
หากคุณจำเป็นต้องผ่อนจริงๆ และไม่มีบัตรเครดิต การเลือกใช้บริการจากผู้ให้กู้ที่มีความน่าเชื่อถือและได้รับอนุญาต จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าดอกเบี้ยจะไม่เกินจริง และไม่มีความเสี่ยงจากการถูกเอาเปรียบ
ผู้ให้บริการบางราย เช่น Samsung Finance+ และ SG Finance+ เป็นตัวอย่างของแพลตฟอร์มที่อยู่ภายใต้การควบคุมของภาครัฐ คิดดอกเบี้ยต่ำ และใช้ระบบความปลอดภัยมาตรฐานสากล หากมีระบบล็อกเครื่อง ก็เป็นไปเพื่อรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์และข้อมูลของคุณ ไม่ใช่เพื่อเอาเปรียบ
ความสะดวกสบาย ไม่ควรมาพร้อมความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่
การผ่อนมือถือไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องทำอย่างมีสติและมีข้อมูลรองรับ อย่าให้ความง่ายของการใช้แค่บัตรประชาชนมาบังตาจนลืมตรวจสอบเบื้องหลังดีลที่ดูเหมือนจะดี เพราะสุดท้ายของถูกที่ต้องจ่ายแพงมีอยู่จริง จำไว้ว่า ความรู้เท่าทัน เท่ากับ อาวุธทางการเงิน ที่จะปกป้องจากดอกเบี้ยมหาโหดและสัญญาไม่เป็นธรรม เพื่อให้ได้ใช้เทคโนโลยีอย่างมีอิสระ และไม่เป็นภาระในระยะยาว
บทความโดย :
หนุ่มไอที


Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา