
เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย รัฐบาลจึงจําเป็นต้องเร่งดําเนินการแก้ปัญหาที่ประเทศกําลังเผชิญ อยู่ในขณะนี้ ได้แก่ ภัยด้านเศรษฐกิจ ภัยด้านความมั่นคง ภัยด้านสังคม และภัยด้านสิ่งแวดล้อม ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ควบคู่กับการต้องวางรากฐานของประเทศ การขับเคลื่อนการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง
หมายเหตุสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org): ในวันที่ 29 กันยายน 2568 ที่กำลังจะถึงนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรีจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เนื่องในโอกาสเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยแถลงใน 5 ด้านได้แก่ 1.ด้านเศรษฐกิจ 2.ด้านความมั่นคง 3.ด้านสังคม 4.ด้านภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ 5.ด้านการบริหารภาครัฐ การปฏิรูปกฎหมาย
โดยคำแถลงที่เตรียมไว้มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ท่านประธานรัฐสภาที่เคารพ ตามที่ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้กระผมดํารงตําแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 กันยายน พุทธศักราช 2568 และแต่งตั้งรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 กันยายน พุทธศักราช 2568 นั้น บัดนี้ คณะรัฐมนตรีได้กําหนดนโยบายการบริหารราชการแผ่นดิน ที่ยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยมีความสอดคล้อง กับหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ และหมวด 5 แนวนโยบายแห่งรัฐตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ตลอดจนยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561-2550) เรียบร้อยแล้ว
คณะรัฐมนตรีจึงขอแถลงนโยบายต่อรัฐสภาและพี่น้องประชาชนให้ทราบ
ถึงหลักการบริหารราชการแผ่นดินและนโยบายสําคัญของรัฐบาล โดยรัฐบาลภายใต้การนําของกระผม
จะยึดหลักการสําคัญ 3 ประการ ได้แก่
1.พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
2. ยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
3.ยึดมั่นในหลักนิติธรรม การบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม และการบริหาร ราชการแผ่นดินบนที่ นพื้นฐานของธรรมาภิบาล เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน
ท่านประธานรัฐสภาที่เคารพรัฐบาลได้เข้าสู่การบริหารราชการแผ่นดินภายใต้สถานการณ์ที่ประเทศไทยกําลังเผชิญกับความไม่แน่นอนรอบด้านทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ และภูมิรัฐศาสตร์ของโลก ซึ่งปัจจัยทั้งหลายเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อความสามารถ ในการแข่งขันของประเทศ โอกาสในการสร้างรายได้ของพี่น้องประชาชน และการดําเนินธุรกิจ ของผู้ประกอบการด้วยระยะเวลาที่มีอยู่จํากัดและงบประมาณที่รัฐบาลนี้ไม่ได้เป็นผู้จัดทํา
ทั้งยังเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย รัฐบาลจึงจําเป็นต้องเร่งดําเนินการแก้ปัญหาที่ประเทศกําลังเผชิญ อยู่ในขณะนี้ ได้แก่ ภัยด้านเศรษฐกิจ ภัยด้านความมั่นคง ภัยด้านสังคม และภัยด้านสิ่งแวดล้อม ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ควบคู่กับการต้องวางรากฐานของประเทศ การขับเคลื่อนการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนการสร้างระบบเศรษฐกิจที่โปร่งใส เป็นธรรม และยั่งยืน การสร้างความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยและสันติสุขให้เกิดขึ้นกับประเทศชาติบ้านเมือง
และการเสริมสร้างความไว้วางใจจากประชาชน การดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อลดปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติรัฐบาลนี้จะสนับสนุนการจัดทําประชามติและการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญโดยรับฟังเสียงของพี่น้องประชาชน และสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนเพื่อให้สอดคล้องกับคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและเพื่อธํารงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ท่านประธานรัฐสภาที่เคารพ
รัฐบาลได้กําหนดนโยบายสําคัญที่จะเป็นการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของประเทศ
เพื่อคืนความเชื่อมั่นและความสุขให้กับพี่น้องคนไทย ดังนี้
ด้านเศรษฐกิจ
1.สร้างรายได้ ลดรายจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนในการใช้ชีวิตประจําวัน อาทิ ค่าพลังงาน ค่าน้ําดื่มสะอาด ค่าโดยสาร ค่าผ่านทาง เพื่อให้มีกําลังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยจัดทําโครงการคนละครึ่ง การบริหารจัดการราคาสินค้าเกษตรให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
ควบคู่กับการสร้างโอกาสในการสร้างรายได้และความสามารถในการแข่งขันแก่ผู้ค้ารายย่อย ผู้ประกอบการ รวมถึงเกษตรกรและชุมชนในท้องถิ่นให้มั่นคงแข็งแรงขึ้นผ่านกลไกความร่วมมือ ระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และท้องถิ่น โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ในการเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) และการเพิ่มทักษะ (Upskill) เพื่อเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) และสร้างโอกาสให้คนไทยมีรายได้มากขึ้น และส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการผลิตไฟฟ้า ภาคครัวเรือนและกิจกรรมทางการเกษตร เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนและชุมชนและเพิ่ม พลังงานสีเขียวตามความต้องการของทุกภาคส่วน
2. แก้ไขปัญหาหนี้สินและเพิ่มสภาพคล่องบนพื้นฐานความเสี่ยงที่เป็นธรรม
ระหว่างสถาบันการเงินและผู้กู้ โดย
2.1 หนี้ภาคประชาชน ช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาหนี้รายบุคคลในระบบ รายละไม่เกินหนึ่งแสนบาท เพื่อลดปัญหาหนี้ที่ทําให้คนไทยติดกับดักหนี้
2.2 เพิ่มสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (SMEs) รายละไม่เกินหนึ่งล้านบาท ควบคู่กับการสร้างระบบการเข้าถึง แหล่งเงินทุนให้กับลูกหนี้ที่มีวินัยในการชําระหนี้โดยสม่ําเสมอ การให้ความรู้ทางการเงิน นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่แก่ประชาชนและผู้ประกอบการ รวมถึงสร้างโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการ SMEs ในการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐและภาคธุรกิจขนาดใหญ่
3.เพิ่มโอกาสการออมของประชาชนรายย่อยให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยสะดวก เพื่อสร้างรายได้เพิ่มจากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และพัฒนาผลิตภัณฑ์ สลากเพื่อการออม โดยกันเงินจํานวนหนึ่งที่ผู้ซื้อสลากที่ไม่ถูกรางวัลให้มีเงินออมอันเกิดจากเงินที่กันไว้
4. ฟื้นความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นการสร้างความปลอดภัย และการอํานวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว การปราบปรามการฉ้อโกงและการหลอกลวง
นักท่องเที่ยว การจัดทํามาตรการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวไทยหันกลับมาเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น ในช่วงที่เหลือของปี 2568 โดยให้ความสําคัญกับการท่องเที่ยวเมืองรอง การจูงใจให้ภาคเอกชน ปรับปรุงโรงแรมที่พักและแหล่งท่องเที่ยวผ่านกลไกภาษี การดึงดูดชาวต่างชาติให้พํานักในประเทศไทย ระยะยาวและเพิ่มการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวมากขึ้น
5. เร่งแก้ไขปัญหาผลกระทบจากสงครามการค้า โดย
5.1 จัดตั้งทีมไทยแลนด์ ประกอบด้วยกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และผู้แทนการค้าไทย เพื่อยกระดับการค้าเสรีกับคู่ค้าเดิม และดําเนินการเชิงรุกในการเปิดตลาดใหม่ เพิ่มขึ้น อาทิ ตะวันออกกลาง แอฟริกา ยุโรปตะวันออก เอเชียใต้ และลาตินอเมริกา รวมทั้งผลักดัน ให้ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organization for Economic Co-operation and Development) เพื่อดึงดูดการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศ
5.2 ดูแลและสนับสนุนผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs และเกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากมาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกา การสกัดปัญหาการสวมสิทธิ์ ถิ่นกําเนิดสินค้า และป้องกันการทุ่มตลาด ร่วมมือกับภาคเอกชนในการเจรจารายละเอียดรายสินค้า
ที่เกิดขึ้นจากมาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกาเพื่อเตรียมการรองรับมาตรการด้านการค้าของสหรัฐอเมริกา อาทิ การจัดทํามาตรการในการส่งเสริมการใช้สินค้าอุตสาหกรรมและชิ้นส่วนที่ผลิตภายในประเทศเป็นหลัก
การกําหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมของสินค้ากลุ่มเป้าหมาย พร้อมทั้งกําหนดมาตรการมิให้นําเข้า สินค้าเกษตรที่มีการเผาจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อลดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5
5.3 สร้างสภาพแวดล้อมการลงทุนที่ทันสมัยและเอื้อต่อการแข่งขันในปัจจุบันและอนาคต โดยปรับปรุงกฎระเบียบและขั้นตอนการอนุญาตให้สะดวก โปร่งใส และเป็นมิตร ต่อผู้ประกอบการ ปรับระบบส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเฉพาะ อุตสาหกรรมดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ยานยนต์สมัยใหม่ อาหารแห่งอนาคต พลังงานสะอาด และอุตสาหกรรมชีวภาพ รวมทั้งส่งเสริมให้นักลงทุน จากต่างประเทศจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัทของไทย และสร้างห่วงโซ่การผลิตภายในประเทศจากผู้ประกอบการไทย เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการในประเทศ
ด้านความมั่นคง
6. เร่งแก้ไขปัญหากรณีพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชาด้วยแนวทางสันติภาพ
เพื่อนําความมั่นคงปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนตามบริเวณชายแดนโดยเร็วและรักษาไว้ ซึ่งอธิปไตยและเขตแดนที่เป็นของไทยโดยชอบธรรมตามเส้นเขตแดนที่เป็นสากล รวมถึง ดําเนินการยุติความขัดแย้งผ่านกลไกการเจรจาทางการทูตที่เหมาะสมควบคู่กับการป้องกันประเทศที่เข้มแข็ง ตลอดจนทําประชามติเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพิจารณาตัดสินใจ
ให้ความเห็นต่อการยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างไทย-กัมพูชา นอกจากนี้ รัฐบาล จะดําเนินนโยบายต่างประเทศในเชิงรุกที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นใจและสถานะของไทยในเวทีระหว่างประเทศ
7. เร่งแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยรัฐบาลจะเร่งรัด ปรับแนวทางการดําเนินงานเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมในด้านการสร้างสภาพแวดล้อม ที่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนคู่ขนานไปกับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน
ด้านสังคม
8. ปราบปรามการพนันผิดกฎหมายทุกรูปแบบอย่างจริงจัง ไม่สนับสนุนให้มีการประกอบธุรกิจการพนันทุกชนิดให้เป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมาย ไม่สนับสนุนเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มีธุรกิจการพนัน รวมถึงการพนันที่แฝงมาในรูปของกีฬา อาทิ โป๊กเกอร์ และจะดําเนินการแก้ไข พระราชบัญญัติการพนันและกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อควบคุมและลดการอนุญาตการเล่นการพนันให้ได้มากที่สุด
9. รักษาหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัด โดยให้ถือว่าการกระทําของเจ้าพนักงานของรัฐ ในกรณีเหล่านี้เป็นการกระทําความผิดทางวินัยร้ายแรงและต้องดําเนินการทางอาญาอย่างเด็ดขาด
9.1 การละเว้นการบังคับใช้กฎหมายในการดําเนินการป้องกันและปราบปราม ยาเสพติด บ่อนการพนันและการพนันออนไลน์ อาชญากรรมข้ามชาติ ภัยไซเบอร์ การสร้างข่าวปลอม และการหลอกลวงประชาชนในรูปแบบต่าง ๆ
9.2 การใช้กฎหมายและเจ้าหน้าที่ของรัฐไปเพื่อประโยชน์ทางการเมือง
10. ขจัดทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างเด็ดขาดและจริงจัง โดยร่วมมือกับ สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สํานักงานคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อยกระดับ ความเชื่อมั่นของประชาชนและนานาประเทศ
11.พิทักษ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น โดยดําเนินมาตรการ ป้องกันและขจัดการบ่อนทําลายพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น โดยในส่วนของพระพุทธศาสนา รัฐบาลจะดําเนินการโดยพระสังฆราชานุมัติด้วยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม
ด้านภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
12. เร่งติดตั้งเครื่องมือเตือนภัยและพัฒนาเครือข่ายการเตือนภัยพิบัติ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เยียวยาและฟื้นฟูให้ประชาชนผู้ประสบภัยโดยเร่งด่วน
โดยเน้นการนําข้อมูลของส่วนราชการส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปปฏิบัติในพื้นที่อย่างจริงจัง การอนุรักษ์ ฟื้นฟู และรักษาทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างยั่งยืน การส่งเสริมการใช้พื้นที่ป่า และป่าชุมชนอย่างถูกต้อง รวมถึงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ําอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
13.ผลักดันสังคมคาร์บอนต่ำโดยประกาศให้ไทยบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปีพุทธศักราช 2553 (คริสต์ศักราช 2050) เพื่อรับมือ กับการค้าระหว่างประเทศและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดย
13.1 ส่งเสริมและสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด อาทิ พลังงานแสงอาทิตย์ ในชุมชนและหน่วยงานของรัฐ การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและระบบขนส่งสาธารณะ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม
13.2 พัฒนายกระดับวิถีเกษตรกรไปสู่เกษตรกรรุ่นใหม่ที่เป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการป้องกันและลดการเผาในภาคการเกษตรเพื่อลดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5
13.3 จัดตั้งตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่ได้มาตรฐานสากลและผลักดันกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่สําคัญให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว อาทิ ร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศ พ.ศ. ....
ด้านการบริหารภาครัฐ การปฏิรูปกฎหมาย
14. เร่งรัดการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลที่เชื่อมโยงกันทั้งระบบควบคู่กับการผลักดัน การเปิดเผยข้อมูลเปิดของภาครัฐและเสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับการบริหารภาครัฐ ให้ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และอํานวยความสะดวกให้ภาคธุรกิจและประชาชน มีการบูรณาการ ทํางานร่วมกันอย่างแท้จริงระหว่างหน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม รวมถึงสามารถรองรับการบริหารราชการแบบจําลองเสมือนจริง (Sandbox) และการบริหารจัดการภาวะวิกฤตอย่างเป็นระบบ
15. เร่งรัดการปฏิรูปกฎหมาย กฎระเบียบ โดยยกเลิกกฎหมาย กฎระเบียบ ที่เป็นอุปสรรคและสร้างภาระที่ไม่จําเป็นแก่ประชาชนและภาคธุรกิจที่เรียกว่ากิโยติน การริเริ่มเสนอกฎหมายที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจแพลตฟอร์มดิจิทัลและผลักดันการปรับปรุงกฎหมาย ว่าด้วยธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีดิจิทัลที่เปลี่ยนไป และจัดตั้งคณะทํางานติดตามผลการดําเนินงานตามนโยบายรัฐบาล
ท่านประธานรัฐสภาที่เคารพ
นอกจากนโยบายสําคัญเพื่อจัดการปัญหาเฉพาะหน้าข้างต้น รัฐบาลจะดําเนินการ ให้สอดคล้องกับหน้าที่ของรัฐ แนวนโยบายแห่งรัฐ และยุทธศาสตร์ชาติตามที่กําหนดไว้ ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 162 โดยจะผลักดัน การพัฒนาตามแนวนโยบายแห่งรัฐและยุทธศาสตร์ชาติทั้ง 5 ด้าน ในช่วงเวลา ของการบริหารราชการแผ่นดินอย่างต่อเนื่อง อาทิ การดําเนินการให้คนไทยทุกช่วงวัย ทุกกลุ่ม เข้าถึงสิทธิการศึกษาและระบบสาธารณสุขอย่างทั่วถึง เท่าเทียม การผลักดันกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูประบบการศึกษา เช่น กฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ เป็นต้น เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรมการเรียนรู้ ซึ่งจะทําให้คนไทยมีความรู้และทักษะ ที่จําเป็นต่อการใช้ชีวิตและสอดคล้องกับสังคมในอนาคต
รวมทั้งใช้สื่อและสื่อสารมวลชน ในการปลูกฝังค่านิยมและวัฒนธรรมที่ดีของคนในสังคม การพัฒนาบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพ ควบคู่กับการส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและการแพทย์แผนไทย การส่งเสริมและพัฒนา การสร้างเสริมสุขภาพ เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพทางกายและจิตใจที่ดี การวางรากฐานการปรับโครงสร้าง เศรษฐกิจของประเทศไปสู่ยุคใหม่ จากเดิมที่เน้น “ปริมาณ” ไปสู่การสร้าง “มูลค่า” โดยยกระดับ ภาคเกษตรกรรมของไทยไปสู่เกษตรอัจฉริยะ เพื่อเพิ่มผลิตภาพ ลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ และสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของอาหาร การวางรากฐานเพื่อให้ภาคเอกชน
โดยเฉพาะ SMEs ก้าวทันโลกควบคู่กับการยกระดับโครงสร้างสู่อุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิ การสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเข้าถึงเทคโนโลยีที่เหมาะสมในราคาที่จับต้องได้ การยกระดับ ผลิตภาพการผลิตเพื่อลดต้นทุน เพิ่มคุณภาพและต่อยอดนวัตกรรม การผลักดันกฎหมายสําคัญ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมยุคใหม่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคให้รองรับการพัฒนาประเทศควบคู่กับการส่งเสริมให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในโครงการขนาดใหญ่การกํากับให้มีการจัดสรรและการใช้ประโยชน์คลื่นความถี่ สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศโดยรวมการสืบสานต่อยอดโครงการพระราชดําริและโครงการตามแนวพระราชดําริ เพื่อความยั่งยืนในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม การสนับสนุนให้มีการเปิดเผยข้อมูลและสร้างการมีส่วนร่วมในการควบคุมและแก้ไขปัญหา ด้านมลพิษ การกําหนดผังเมืองและการบังคับใช้เป็นกฎหมายเพื่อให้การพัฒนาพื้นที่เป็นไป อย่างเหมาะสม รวมถึงการบริหารจัดการที่ดินเพื่อให้ประชาชนสามารถมีที่ทํากินได้อย่างทั่วถึง และเป็นธรรม ตลอดจนการพัฒนาระบบรายได้และบริหารสินทรัพย์ของภาครัฐให้เข้มแข็ง
รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะบริหารราชการแผ่นดินและขับเคลื่อนนโยบายเพื่อแก้ไข ปัญหาเฉพาะหน้าควบคู่กับการริเริ่มวางรากฐานประเทศเพื่อนําพาประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างเต็มกําลังความสามารถในช่วงเวลาของรัฐบาลด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และมีคุณธรรมโดยยึดประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้งและสร้างความเชื่อมั่นในการดําเนินนโยบายการคลังให้น่าเชื่อถือ มีวินัย โปร่งใส มีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศโดยรวม ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังและการเสริมสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยการดําเนินนโยบาย จะใช้จ่ายจากแหล่งเงินงบประมาณและเงินนอกงบประมาณ อาทิ เงินกู้ การให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน
การระดมทุนผ่านกองทุนเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยเน้นการบริหารงบประมาณรายจ่าย ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 เป็นหลัก และจะใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วยความรอบคอบ กํากับการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ เพื่อส่งเสริมการลงทุนและลดภาระหนี้สาธารณะของประเทศในระยะยาวให้มีประสิทธิภาพ และส่งเสริมบทบาทภาคเอกชนในการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
กระผมในฐานะนายกรัฐมนตรี จะดำเนินการทุกวิถีทางในการบริหารราชการแผ่นดิน ของรัฐบาลให้สามารถแก้ไขปัญหาของประเทศ พร้อมกับการวางรากฐานในการพัฒนาประเทศ อย่างยั่งยืนในทุกมิติ เพื่อความอยู่ดี มีสุขของพี่น้องประชาชนชาวไทย

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา