"...กระผมจึงเห็นว่าควรจะได้ใช้โอกาสนี้ ทำให้เกิดความกระจ่างขึ้นในหมู่ผู้ที่เกี่ยวข้อง กระทู้นั้นไม่ได้มีข้อลึกลับซับซ้อนอะไรครับ เป็นเรื่องตรงไปตรงมา คือผลกระทบที่เกิดขึ้นจากกรณีของ สีกากอล์ฟกับวัดพระบาทน้ำพุ อันมีผลที่ทำให้กระทบต่อความรู้สึกของชาวพุทธทั่วประเทศ ตอนที่เป็นข่าวนั้น คนไม่คิดหรอกครับว่าผลอันนี้จะมีผลกระทบรุนแรงขนาดไหน แต่บัดนี้สิ่งนี้ได้ปรากฏแล้วครับ ความจริงแล้วเมื่อเกิดขึ้นใหม่ ๆ นั้น หน่วยงานทั้งหลายก็ดูแลรับผิดชอบด้วยดีนะครับ มหาเถรสมาคมก็ดี สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติก็ดี ต่างก็ออกระเบียบเพื่อกำหนดกฎเกณฑ์ในการบริหารเงินของวัดให้มีระเบียบมากขึ้น..."
นายชวน หลีกภัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นกระทู้ถามสดด้วยวาจา ถามนายกรัฐมนตรี (30 ตุลาคม 2568)
ประธานวันนอร์ ด้วยเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้มีหนังสือแจ้งว่า กระทู้ถามเรื่องนี้ท่านนายกรัฐมนตรีได้พิจารณาแล้วมีบัญชามอบหมายให้ท่านรองนายกรัฐมนตรี ท่านรอง บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นผู้ตอบกระทู้ถามแทนตามข้อบังคับที่ 151 บัดนี้ท่านรองนายกฯ บวรศักดิ์ ได้มาพร้อมแล้ว ขอเชิญท่านชวน หลีกภัยถามได้ครับ
นายชวน ท่านประธานที่เคารพ กระผม นายชวน หลีกภัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประชาธิปัตย์ ขอขอบพระคุณที่ท่านประธานอนุญาตให้กระผมได้ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา ซึ่งได้พยายามมา 3 สัปดาห์แล้ว แต่ด้วยวาระของประชาธิปัตย์ได้วันนี้ กระทู้ถามที่กราบเรียนท่านประธานเพื่อซักถามรัฐบาล เป็นเรื่องที่เห็นว่าอยู่ในเงื่อนไขของข้อบังคับ ข้อที่ 156 คือเป็นเรื่องสำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชน และเป็นเรื่องที่กระทบต่อประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชน และเป็นเรื่องที่กระทบต่อประโยชน์ของประเทศชาติ
กระผมจึงเห็นว่าควรจะได้ใช้โอกาสนี้ ทำให้เกิดความกระจ่างขึ้นในหมู่ผู้ที่เกี่ยวข้อง กระทู้นั้นไม่ได้มีข้อลึกลับซับซ้อนอะไรครับ เป็นเรื่องตรงไปตรงมา คือผลกระทบที่เกิดขึ้นจากกรณีของ สีกากอล์ฟกับวัดพระบาทน้ำพุ อันมีผลที่ทำให้กระทบต่อความรู้สึกของชาวพุทธทั่วประเทศ ตอนที่เป็นข่าวนั้น คนไม่คิดหรอกครับว่าผลอันนี้จะมีผลกระทบรุนแรงขนาดไหน แต่บัดนี้สิ่งนี้ได้ปรากฏแล้วครับ ความจริงแล้วเมื่อเกิดขึ้นใหม่ ๆ นั้น หน่วยงานทั้งหลายก็ดูแลรับผิดชอบด้วยดีนะครับ มหาเถรสมาคมก็ดี สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติก็ดี ต่างก็ออกระเบียบเพื่อกำหนดกฎเกณฑ์ในการบริหารเงินของวัดให้มีระเบียบมากขึ้น
ผมเองได้ทำหนังสือถวายสมเด็จพระสังฆราช เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมนะครับ ด้วยข้อความว่า “สืบเนื่องจากข่าวคราวอันเกิดแก่พระภิกษุกลุ่มหนึ่ง ซึ่งกระทบกับความรู้สึกของพุทธศาสนิกชนต่อวงการสงฆ์ในช่วงนี้ แม้กระนั้นเกล้ากระหม่อม รวมทั้งชาวพุทธทั้งหลายตระหนักดีว่า พระสงฆ์ที่ปรากฏเป็นข่าวในทางเสื่อมเสียเป็นเพียงส่วนน้อย ขณะที่พระสงฆ์ส่วนใหญ่ยังมีวัตรปฏิบัติอันน่าเลื่อมใสศรัทธา ซึ่งเป็นสัจธรรมความจริงว่า ในทุกวงการมีทั้งผู้ประพฤติดีและร้าย ระคนกันไป เกล้ากระหม่อมจึงขอเป็นหนึ่งตัวแทนชาวพุทธถวายกำลังใจแด่พระภิกษุสงฆ์ ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ด้วยพระธรรมวินัยในการศึกษาปฏิบัติศาสนกิจ เผยแพร่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า” อันนี้ก็เป็นข้อความที่กราบทูลสมเด็จพระสังฆราชไป
กราบเรียนท่านประธานว่า แม้ว่าหน่วยงานรัฐจะให้ความเอาใจใส่ออกระเบียบแต่สถานการณ์นั้นมันไม่ได้เป็นอย่างที่กำหนดไว้ กล่าวคือไม่ได้มีเงินมากที่จะมาบริหารดั่งที่คิด คือมีผู้ทำบุญน้อย พูดง่าย ๆ ก็คือมีคนเกือบจะไม่ทำบุญ เรื่องนี้ตั้งเป็นกระทู้ถามขึ้นมาด้วยสำนึกว่า ผมเคยไปอยู่วัดนะครับ ผมอยู่วัดยาวนานถึง 8 ปี ระหว่างเรียนหนังสือเป็นหนี้บุญคุณพระศาสนามาก แล้วก็มีอะไรที่ปกป้องศาสนาได้ก็อยากจะปกป้อง วันหนึ่งเมื่อประมาณ 1 เดือนที่แล้ว ผมได้รับโทรศัพท์จากเจ้าอาวาส ที่วัดในกรุงเทพฯ ท่านโทรศัพท์ไปว่า วัดอาตมากำลังเดือดร้อนเป็นหนี้น้ำประปาอยู่ 20,000 4 เดือนแล้ว 3-4 เดือนแล้วจะต้องจ่ายภายใน 10 วัน มิฉะนั้นจะถูกตัดมาตรวัดน้ำ ท่านเป็นหนี้ค่าไฟอยู่ 40,000 บาท ขอให้ผมช่วยเหลือ
ต้องกราบเรียนว่า โดยทั่วไปเนื่องจากเคยอยู่วัด จึงสนิทสนมกับพระ แล้วก็มีอะไรที่พระไม่กล้าพูดกับผู้ใหญ่ก็มักจะผ่านทางกระผม กระผมก็ขอพรรคพวกช่วยกันครับ ในที่สุดก็สามารถชำระหนี้ค่าน้ำประปา ซึ่งประปาไม่ได้คิด 20,000 ครับ คิด 28,000 นี่เจ้าอาวาสเล่าให้ฟังว่าเขาเตรียมถอดมาตรวัดน้ำไปแล้ว เพราะฉะนั้นก็ต้องชดเชย ส่วนค่าไฟก็จ่ายได้ 40,000 ครบถ้วน ปัญหาเดือนต่อไปก็เกิดปัญหา เมื่อปัญหานี้เกิดขึ้น กราบเรียนท่านประธานครับว่า ก็เลยลองสอบถามวัดอื่น ปรากฏว่ามีปัญหาเช่นเดียวกัน ไปที่นครฯ พร้อมกับท่านผู้ว่าฯ ราชิต สส.นครฯ วัดพระพรหม คนมาวัดวันพระ 100 คน ก็เหลือประมาณ 40 คน ผมก็สอบถามวัดที่ผมเคยอยู่ วัดอมรินทรารามครับว่า เดือดร้อนไหม หลวงพ่อก็บอกว่าการทำบุญที่โบสถ์น้อยลดลงเหลือประมาณร้อยละ 40 แต่ไม่เดือดร้อนค่าน้ำค่าไฟเพราะเก็บค่าจอดรถได้ อันนี้แสดงว่าวัดบางวัดนั้นก็มีเครื่องมือที่จะช่วยตัวเองได้ สอบถามวัดที่มีมาตรฐานดีที่สุดคือ วัดชลประทาน รายได้วัดก็ลดลงไป แต่เป็นวัดที่บริหารได้ดีที่สุด จึงช่วยตัวเองได้ ได้สอบถามพระคุณเจ้าที่จังหวัดชัยภูมิ ท่านไปทอดจุลกฐินที่จังหวัดตรัง ที่วัดภูเขาทอง ก็เดือดร้อนเช่นเดียวกัน
โดยสรุปกราบเรียนท่านประธานว่า ปัญหาเรื่องรายได้วัดลดลงนั้นมีทั่วประเทศ เมื่อคืนนี้กระผมลาสภาไปงานศพที่วัดวชิรธรรมสาธิตวรวิหาร พระก็บอกว่ารายได้ลดลงร้อยละ 60 อันนี้คือข้อเท็จจริงที่อยากจะกราบเรียนท่านประธาน เพื่อท่านรองนายกฯ จะได้รับทราบข้อเท็จจริงที่ละเอียดลงไปครับ มีตัวอย่างอีกมากแต่ด้วยเวลาที่จำกัด 15 นาที ก็ขอลำดับว่า เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้การที่วัดทั้งหลายจะมีเงินค่าน้ำประปา ไฟฟ้านั้น คงมีปัญหาเกือบทุกวัดที่ช่วยตัวเองไม่ได้ พระผู้ใหญ่บอกผมว่าวัดที่ช่วยตัวเองได้ในจำนวนประมาณ 3-40,000 วัดนั้น มีไม่เกินพันกว่าวัดที่ช่วยตัวเองได้ นอกนั้นล้วนพึ่งพาอุบาสกอุบาสิกา ศาสนานี้อยู่ได้ด้วยพุทธบริษัท ถ้าขาดความค้ำจุนสนับสนุนพุทธบริษัทก็ยากจะอยู่ได้
จึงมีคำถามเบื้องต้นนะครับว่า ประการแรก เมื่อมีปัญหาเช่นนี้ รัฐบาลจะช่วยบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของวัดที่รายได้ลดลงไป ไม่มีเงินสำหรับการบำรุงรักษาวัด ไม่มีเงินสำหรับค่าไฟ เผาศพ หรือค่าน้ำมันเผาศพ หรือน้ำประปา วัดเล็กๆนะครับ วัดใหญ่ไม่น่าห่วง แต่วัดเล็กๆ จะมีเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะเดือดร้อน นั่นเป็นคำถามที่ 1 ว่า รัฐบาลมีมาตรการที่จะช่วยเหลืออย่างไร เพราะถ้าเป็นส่วนราชการ แน่นอนก็อาจจะมีส่วนงบประมาณแผ่นดินเข้ามาช่วยอยู่ ประการที่ 2 หน่วยงานที่เป็นเจ้าหนี้ บรรดาหน่วยงานที่เป็นเจ้าหนี้วัด เช่น ไฟฟ้า ประปา และอื่น ๆ มีทางที่จะผ่อนคลายบรรเทาความเดือดร้อนได้หรือไม่ ให้กับวัดในการที่จะไม่เร่งรัดตัดน้ำตัดไฟ คือให้โอกาสที่จะผ่อนเวลาอย่างไร อันนี้ต้องเป็นภาคปฏิบัติที่รัฐบาลต้องสั่งหน่วยงาน คำถามที่ 3 ครับท่านประธานครับ ด้วยนโยบายของรัฐบาลที่ถือเรื่องชาติ ศาสนา พระกษัตริย์ อยู่ในข้อ 1 ชัดเจนนะครับ รัฐบาลได้แถลงไว้ชัดเจนในการที่จะพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา วันนี้ศาสนามีปัญหาครับ ดังนั้นก็ขอถามในแง่นโยบายว่าจะเข้ามีส่วนช่วยในเรื่องนี้ได้อย่างไร ขอบพระคุณครับ
ประธานวันนอร์ ขอบพระคุณท่านชวน หลีกภัยครับ ต่อไปขอเชิญท่านรองนายกรัฐมนตรี บวรศักดิ์ครับ
รองนายกฯ บวรศักดิ์ กราบขอบพระคุณท่านประธานที่เคารพครับ ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้มาตอบกระทู้ถามท่านสมาชิกซึ่งเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี 2 ครั้ง อดีตประธานรัฐสภา 2 ครั้ง และเป็นคนที่ผมชื่นชมมาตั้งแต่เรียนชั้นมัธยม ไปฟังท่านปราศรัยเมื่อครั้งท่านเข้าการเมืองใหม่ๆ ที่สนามไชย ติดตามท่านผ่านสถานีวิทยุ ในการตอบสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อรัฐบาลท่าน ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช ไม่ผ่านความไว้วางใจ ท่านเป็นไอดอลส่วนตัวผมนะฮะ เพราะฉะนั้นก็เป็นเกียรติอย่างสูงที่ผมมาตอบ ได้มาตอบกระทู้ท่าน
ผมในนามของรัฐบาลที่นายกฯ มอบหมายให้กำกับดูแลสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ก็รู้สึกปลาบปลื้มนะ ที่ท่านสมาชิกผู้ตั้งกระทู้นี้เป็นพุทธบริษัท ที่ถ้าหากมีพุทธบริษัทอย่างนี้มาก ๆ พระศาสนาก็จะรุ่งเรือง พุทธจักร พุทธบริษัทและอาณาจักรนั้น พึ่งกันอยู่ตลอด พระพุทธศาสนามีการปกครองคณะสงฆ์ เราเรียกว่าพุทธจักร ส่วนพุทธบริษัทนั้นก็มีอุบาสก อุบาสิกา ภิกษุ สามเณร อาณาจักรก็มีรัฐบาล มีรัฐสภา 3 หน่วยนี้ ต้องค้ำซึ่งกันและกัน เป็นเสมือนไตรสดมภ์ ความจริงพระพุทธศาสนา หรือศาสนาอื่นก็ตาม ไม่ได้เสื่อมหรอก เป็นเสมือนพระจันทร์ที่ส่องสว่าง ในวันเพ็ญ เดือน 15 ค่ำ แต่ว่ามันมีเมฆหมอกที่ลอยไป ทำให้ดูว่าพระจันทร์มัวหมอง เรื่องนี้ก็เหมือนกัน พระพุทธศาสนา และภิกษุ สามเณร ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีอยู่เป็นอันมาก แต่ว่าก็มีภิกษุบางรูปที่อาจจะมีวัตรปฏิบัติที่ไม่ตรงตามพระวินัย ที่อาจจะตรงกันข้ามกับพระวินัย แล้วเป็นเหตุให้พุทธบริษัทเสื่อมศรัทธา
ก็ขออนุญาตกราบเรียนนะครับว่า ในเรื่องนี้รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ รัฐบาลจึงแถลงไว้ในนโยบายซึ่งมีระยะเวลาบริหารสั้น ๆ ว่าจะดำเนินการคุ้มครองพระพุทธศาสนา และศาสนาอื่น โดยดำเนินการให้มีการทำให้คนที่ทำให้พระศาสนามัวหมอง ไม่ว่าจะเป็นพุทธศาสนาหรือศาสนาอื่น ต้องหยุดการกระทำลงในเรื่องนี้ขอกราบเรียนว่า ท่านนายกฯ มอบให้ผมไปนำความกราบทูลสมเด็จพระสังฆราช แล้วก็รัฐบาลได้นำความกราบทูลผ่านผม ทรงมีพระสังฆราชานุมัติให้อาณาจักรดำเนินการคุ้มครองพระพุทธศาสนา ก็ได้มีการมายกร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการคุ้มครองพระพุทธศาสนา ซึ่งต่อไปก็จะมีคณะกรรมการที่เรียกว่า คณะกรรมการคุ้มครองพระพุทธศาสนา (คพช.) มีประธานที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง โดยสังฆราชานุมัติและด้วยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม แล้วก็มีกรรมการอื่นอีกโดยตำแหน่ง เช่น ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เลขากฤษฎีกา เลขา ปปง. เลขา ปปท. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แล้วก็มีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ นอกจากนั้นก็จะมีคณะอนุกรรมการคุ้มครองพระพุทธศาสนาแห่งชาติจังหวัด ทุกจังหวัด ยกเว้นกรุงเทพมหานคร มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน แล้วก็จะมีผู้บังคับการตำรวจภูธร คลังจังหวัด เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด เจ้าหน้าที่ ปปท. โดยมีผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาเป็นอนุกรรมการและเลขานุการ ตั้งกรรมการไม่พอครับ ก็ให้อำนาจหน้าที่ว่า กรรมการเหล่านี้ต้องไปดูแลให้เกิดความเรียบร้อย น่าเชื่อถือ น่าศรัทธาขึ้น ในบรรดาวัดทั้งหลาย ระเบียบนี้คงจะลงนามประกาศใช้และมีการแต่งตั้ง และดำเนินการต่อไป
ขออนุญาตกราบเรียนต่อไปว่า นอกจากนั้นผมได้เสนอคณะรัฐมนตรี มีมติให้กรมบัญชีกลาง วางระบบบัญชีของวัด เพื่อที่วัดจะได้นำไปใช้ แล้วอาจจะต้องมีการดำเนินการอย่างอื่นอีกเยอะ ความจริงรัฐบาลก็ได้ทำไปแล้ว เรื่อง E-donation คือต่อไปนี้ ถ้าบริจาคให้วัด แล้วจะเอาใบอนุโมทนา ต้องบริจาคผ่านระบบดิจิทัลเท่านั้น จะไม่มีการไปบริจาคแล้วเขียนใบอนุโมทธนาบัตรกันแบบเดิม ซึ่งก็เป็นการแยก เงินที่ประชาชนให้วัด ให้พระศาสนา กับเงินที่บริจาคให้พระสงฆ์เป็นส่วนตัวออกไป
เมื่อมาถึงคำถามที่ท่านอดีตนายกฯ อดีตประธานรัฐสภาถามว่า ความจริงมันมีเหตุไม่ใช่จากวัดนั้นวัดเดียว ความจริงวัดพระบาทน้ำพุนี้ ผมทำบุญอยู่เรื่อยนะ เวลาไปดูของที่จตุจักร ควัก 1,000 นึงบ้าง 500 บ้าง ใส่ตู้บริจาค แต่พอมีข่าวขึ้นมา มันก็กระทบความศรัทธาของคน ซึ่งก็จะนำไปสู่การกระทบต่อวัดอื่นด้วย ไม่ได้เป็นเฉพาะวัดนั้นวัดเดียว วิธีแก้ปัญหาที่ผมเห็นว่าจะถูกจุดที่สุดก็คือ พุทธบริษัทและอาณาจักร นั้น ต้องลงไปช่วยกัน เหมือนกับที่ท่านอดีตนายกฯ ทำวันนี้ อันนี้เป็นแบบอย่างที่ดีที่ว่าไม่ถือภาษิตไทยแต่โบราณว่า “ชั่วช่างชี ดีช่างเถร” ซึ่งมันทำให้พุทธบริษัทนั้น ไม่กล้าไปวิพากษ์วิจารณ์ ไม่กล้าไปดำเนินการอะไรก็ตามเกี่ยวกับผู้ซึ่งทำให้พระศาสนามัวหมอง
ท่านถามว่า เมื่อมีปัญหารัฐบาลบรรเทาอย่างไร เพราะวัดไม่มีเงินบำรุงรักษา ค่าน้ำ ค่าไฟ ทั้งหลายแหล่ ตลอดจนไม่มีน้ำมันไปเผาศพ จะช่วยเหลืออย่างไร ขออนุญาตกล่าวเรียนนะว่า ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาตินี้ ซึ่งรับสนองงานคณะสงฆ์ มีกองทุนวัดช่วยวัด ซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้การช่วย หรือพระภิกษุ สามเณร คฤหัสถ์ ที่ประสบภัย รวมทั้งเรื่องอื่น ๆ เกี่ยวกับใคร แล้วข้อ 5 นี้บอกว่าให้การช่วยเหลือด้านอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร ผมได้ปรึกษากับผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแล้วว่า ให้ไปดำเนินการให้กองทุนนี้โดยด่วน ให้ความช่วยเหลือ หน่วยที่ 2 ก็คือกองทุนศาสนสมบัติกลาง ซึ่งวันนี้ก็มีเงินอยู่จำนวนหนึ่ง ก็ได้เร่งรัดท่านผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติแล้วว่า ให้ไปออกระเบียบรองรับเสีย แล้ววันนี้จะขอให้สำนักพระพุทธศาสนาแจ้งไปยังพระสังฆาธิการ เจ้าอาวาสวัดทุกวัด ว่าถ้าท่านเดือดร้อนเรื่องค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมันที่ใช้ในการฌาปนกิจ ให้ติดต่อมาโดยด่วน ที่สำนักงานพระพุทธศาสนา ถ้าเหลือแรงกว่า 2 กองทุนนี้ รัฐบาลจะเสนอให้มีการใช้งบกลาง เพื่อแก้ปัญหา
แต่อย่างที่กราบเรียนแล้วครับ การแก้ปัญหาศรัทธาของคนด้วยการเอาเงินของอาณาจักรไปช่วยวัด ควรจะดำเนินการเท่าที่จำเป็นเท่านั้น คนที่จะแก้ปัญหานี้ได้ดีที่สุดก็คือ คณะสงฆ์ และภิกษุ เหมือนเมื่อครั้งพุทธกาล ที่วินัยธร ธรรมธร ทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง เรื่องขันล้างน้ำในฐาน แล้วก็ไม่ลงอุโบสถ พระพุทธองค์เสด็จไประงับ อธิกรก็ไม่ฟัง ก็เสด็จไปประทับอยู่ในป่า ชาวบ้านก็ไม่ใส่บาตร ไม่ใส่บาตรเมื่อพระอดมากเข้า ก็ไปกราบนิมนต์พระพุทธเจ้ากลับมา แล้วก็สำนึกผิดขอขมาซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้นมาตรการที่ผมกราบเรียนท่านสมาชิก อดีตนายกรัฐมนตรีไป คงเป็นมาตรการชั่วคราวระยะสั้น แต่ต้องอาศัยพุทธจักร ที่จะมีมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดความเสื่อมศรัทธาอันเกิดจากการประพฤติปฏิบัติไม่เป็นไปตามพระวินัยของภิกษุ สามเณรทั้งหลาย อันนั้นคือปัญหาหลัก
คำถามที่ 2 ก็คือว่าหน่วยงาน ตลอดจนเจ้าหน้าที่ ไฟฟ้า ประปา จะผ่อนคลายให้วัด ไม่ต้องนำ ทำตามระเบียบปกติหรือไม่ ผมรับคำถามข้อนี้ว่าเป็นข้อเสนอของท่าน แล้วผมจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุด ให้คณะรัฐมนตรีมีมติให้ไฟฟ้า ประปา หรือหน่วยสาธารณูปโภคที่รัฐบาลเป็นเจ้าของนั้น ผ่อนปรนให้กับวัดทั้งหลายโดยเร็ว
คำถามข้อ 3 ก็คือเรื่องการคุ้มครองพระศาสนา อย่างที่ผมได้กราบเรียนไปแล้วว่า วันนี้ได้มีการขอพระสังฆราชานุมัติ และอนุมัติมติมหาเถรสมาคม ให้มีระเบียบ แล้วจะมีกรรมการขึ้นมาชุดนึงระดับชาติ แล้วกรรมการอีก 76 ชุดทั่วประเทศ เพื่อที่จะดูเรื่องเหล่านี้ต่อไปในรายละเอียด
ผมขออนุญาต ยกตัวอย่างปรารภนะครับว่า อาจจะต้องมีการกำหนดคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามของไวยาวัจกร และกรรมการวัด อาจจะต้องมีการดำเนินการเรื่องอื่น ๆ อีกเยอะ ก็กราบเรียนว่า ถ้าท่านอดีตนายกมนตรีและท่านสมาชิกในสภาแห่งนี้ ที่มีความประสงค์ที่จะให้ความเห็น ก็ขอน้อมรับไว้ครับ แล้วก็จะนำความเห็นนั้นไปพิจารณาดำเนินการให้เหมาะสมต่อไป
ท้ายที่สุดนี้ก็กราบเรียนท่านประธานว่า ผมกราบขอบพระคุณท่านอดีตนายกฯ อดีตประธานสภาอีกครั้งนึงนะฮะ แล้วก็รู้สึกดีใจว่า ท่านเป็นพุทธศาสนิกชนที่ไม่ทิ้งพระศาสนา พระศาสนาจะอยู่ได้ด้วยไตรสดมภ์ คือ พุทธจักร พุทธบริษัท และอาณาจักร อาณาจักรนั้นเป็นเพียงเครื่องประกอบ แต่คนสำคัญก็คือตัวพุทธจักรเอง และพุทธบริษัท ก็ขอกราบขอบพระคุณท่านประธาน และท่านสมาชิกที่ตั้งกระทู้ครับ
ประธานวันนอร์ ขอบคุณท่านรองนายกรัฐมนตรีบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ครับ ต่อไปขอเชิญท่านชวน หลีกภัย ถามเป็นครั้งที่ 2 ครับ
24.49
นายชวน ท่านประธานที่เคารพครับ ความจริงท่านรองนายกฯ ก็ได้กรุณาให้คำตอบที่ผมเชื่อว่าวัดโบสถ์อินทรสารเพชร เขตภาษีเจริญที่เป็นต้นเรื่องที่ร้องเรียนไปที่ผม คงจะได้อบอุ่นใจขึ้นนะครับ กล่าวคือ ท่านรับรองที่จะให้หน่วยงานกองทุนช่วยวัด ถ้าไม่พอก็จะของบกลาง ผมคิดว่าวัดทั้งหลายที่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย เกี่ยวกับเรื่องน้ำ ไฟ หรือน้ำมันสำหรับเผาศพ คือวัดเล็ก ๆ เหล่านี้ไม่ได้ใช้อะไรฟุ่มเฟือย ผมก็กราบถามท่านตรง ๆ ว่าค่าไฟ ท่านใช้อะไร ท่านบอกเผาศพทั้งน้ำมันและด้วยไฟฟ้า บางวัดไม่คิดเงิน ก็เลยเป็นรายจ่าย ก็ต้องขอบพระคุณท่านรองนายกฯ ครับ
ประเด็นสำคัญอีกอันหนึ่งก็คือว่า สิ่งที่ท่านได้กล่าวมาก็ดี ที่กระผมกราบเรียนไปก็ดี จะเกิดขึ้นจริง ๆ เมื่อพุทธบริษัทมาช่วยค้ำจุนสนับสนุนพระศาสนานั้น ก็ต่อเมื่อประชาชนนั้นมีความรู้สึกว่า พระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ดังนั้นข้อนี้เป็นหนึ่งในข้อที่กำลังเป็นปัญหาครับ กราบเรียนท่านประธานด้วยความเคารพครับว่า ท่านรองนายกฯ คงทราบนะครับเพราะท่านอยู่ในแวดวงที่เกี่ยวข้องอยู่พอสมควร ว่าวันนี้คนส่วนหนึ่งนอกจากไม่ทำบุญแล้ว ยังคลายความเชื่อถือศรัทธาลงไปมาก พระคุณเจ้าเล่าให้ผมฟังว่า ผู้สูงอายุบางท่าน แอบมาทำบุญเพื่อไม่ให้ลูกหลานรู้ครับ เพราะลูกหลานไม่ยอม แล้วลูกหลานก็ปฏิบัติกับพระในทำนอง ไม่ถวายความเคารพท่านเท่าที่ควร ประเด็นนี้เป็นประเด็นใหญ่ที่ไม่ง่ายในการที่จะแก้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในการเรียกร้องให้ชาวพุทธหันมามีความรู้สึกมั่นคงต่อความเชื่อเหมือนเดิม ต้องกราบเรียนว่าแม้ผลการกระทำของพระบางรูปเพียงไม่กี่รูป กระทบต่อคน พระอีก 2 แสนกว่ารูป มันไม่อาจจะเปรียบเทียบกันได้เลยกับจำนวนของคนที่ทำไม่ถูกต้อง ละเมิดกฎเกณฑ์กติกาของสงฆ์ กับคนที่ยึดมั่นในหลักของศาสนาอย่างมั่นคง ไม่อาจเทียบตัวเลขกันได้เลย แต่ผลมันไปไกลกว่าที่เราคิด
อันนี้ครับที่อยากจะกล่าวเรียนถามท่านประธานนะครับ เพื่อท่านรองนายกฯ ได้กรุณาให้แนวทางไว้สักเล็กน้อยด้วยเวลาที่สั้น ๆ เพราะท่านมีเวลาอยู่ไม่เกิน 15 นาที กล่าวคือจะมีวิธีการอย่างไรมั้ยครับ ในการที่รณรงค์ให้ชาวพุทธแยกออกระหว่างพระดี – พระร้าย ไม่ให้พระร้ายเพียงไม่กี่รูปที่เป็นข่าวไปทั่วไป ทำร้ายพระดีอีกหลายสายแสนรูป นั่นประการที่ 1 ประการที่ 2 มีความคิดที่จะให้โรงเรียนช่วยชี้นำเยาวชนของเรา ให้เชื่อมั่นในความเชื่อตามศาสนา ทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดี แต่โดยขณะนี้ศาสนาพุทธกำลังมีปัญหา ถ้าเราไม่ทำอะไร ศาสนาพุทธจะมีปัญหา กลายเป็นวิกฤตซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นคำถามที่ 2 ก็กราบเรียนถามท่านประธาน เพื่อให้ท่านรองนายกฯ ได้ให้ความมั่นใจ ท่านไม่ต้องตอบยาวมากครับ เพราะว่าเวลาจำกัด เกรงใจกระทู้ต่อไป ครับผมครับ
ประธานวันนอร์ ครับ ขอบพระคุณท่านชวน หลีกภัยครับ เชิญท่านรองนายกฯ ครับ
รองนายกฯ บวรศักดิ์ กราบเรียนท่านประธานที่เคารพครับ ที่ท่านอดีตนายกฯ ถาม 2 ข้อความ ความจริงเป็นคำถามที่ ผมเองเมื่อได้ข่าวนี้ใน Facebook ผม ก็บอกเลยว่าพระศาสนาเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ เป็นพระจันทร์วันเพ็ญอย่างไรก็ไม่เปลี่ยน เพียงแต่มีเมฆหมอกมาบัง เพราะฉะนั้นการรณรงค์ที่ท่านอดีตนายกฯ ถาม ผมจะถือว่าเป็นการเสนอมากกว่านะครับ แล้วผมจะรับไปหารือกับคนเกี่ยวข้อง และ Influencer ต่อไปว่าพระไม่ดีจำนวนน้อยนี้ ไม่ควรจะทำให้คนส่วนใหญ่เสื่อมศรัทธา แล้วก็ไม่เชื่อถือพระศาสนา และพระดีส่วนใหญ่ อันนี้ผมถือว่ายังไม่ใช่คำถาม แต่เป็นการเสนอแนะแล้วผมจะรับไปดำเนินการครับ
ส่วนเรื่องโรงเรียน ความจริงวันนี้ โรงเรียนก็ชี้นำในเรื่องศาสนาอยู่แล้ว ผมอยู่โรงเรียนแสงทองวิทยา เป็นโรงเรียนคริสต์แคทอลิคนะฮะ เขาก็นำคุณธรรมในศาสนาคริสต์มาสอนผม แต่เขาก็สอนพระพุทธศาสนาด้วย เพราะว่าเราอยู่ในเมืองพุทธ แล้วถึงเวลามีกิจกรรมอะไรเราก็ทำ โดยเขาไม่ได้บังคับว่าเราจะต้องไปเข้านับถือศาสนาคริสต์ มีวันนักบุญโดมินิกซึ่งเป็นเด็ก เราก็ทำบอร์ดแข่งกัน สิ่งที่ท่านถามเป็นคำถามผมถือข้อนี้ว่าเป็นข้อเสนออีกเหมือนกันว่าผมจะต้องนำไปปรึกษากับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ว่าวิชาหน้าที่พลเมืองและศีลธรรมที่เคยเอาออกไป บัดนี้ได้ข่าวแว่ว ๆ แล้วยังไม่ยืนยันนะว่าเขาเอากลับคืนมาแล้ว เหมือนกับวิชาประวัติศาสตร์ ที่สมเด็จพระพันปีหลวง ท่านบอกว่าชาติไหนๆ เขาก็เรียนกัน แต่เมืองไทยทำไมไปเอาออก ท่านรับสั่งอย่างนั้น วันนี้ก็ทราบว่ากระทรวงศึกษา เอากลับมาแล้ว
โดยสรุปก็คือว่าผมขออนุญาตกราบเรียนท่านประธานนะครับว่า ขอบพระคุณท่านอดีตนายกฯ อดีตประธานรัฐสภา ผมถือว่า 2 ข้อหลังนี้ไม่ใช่คำถาม เป็นการเสนอแนะให้รัฐบาลรับไปรีบดำเนินการ แล้วเมื่อได้ผลประการใด ผมจะกราบเรียนท่านอีกทีนึงครับ กราบขอบพระคุณครับ
ประธานวันนอร์ ขอบพระคุณท่านรองนายกฯ ครับ ท่านชวน หลีกภัย มีอะไรเพิ่มเติมครับ เชิญครับ
นายชวน ครับท่านประธานที่เคารพครับ ต้องขอบพระคุณท่านรองนายกฯ ที่กรุณาให้ความมั่นใจหลายเรื่อง คำถามคงไม่มีแล้วครับ แต่ฝากประเด็นที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับพี่น้องชาวพุทธ เราเวลาเจ็บป่วยไปโรงพยาบาล สิ่งที่เราไม่มีทางเลี่ยงได้ก็คือค่ารักษาพยาบาล โรงพยาบาลแจ้งมาเท่าไหร่ก็ต้องจ่ายเท่านั้น คนไข้บางราย หมอดูแลหายป่วย พอเห็นใบเสร็จค่ารักษาก็ตายเลย เพราะว่าราคามันไม่ได้ควบคุม สิ่งที่ชาวพุทธพบปัญหา กระผมก็ศึกษาจากวัดชลประทานรังสฤษฏ์ ที่ท่านแก้ปัญหา ก็ฝากท่านรองนายกฯ ครับว่า ท่านมีวิธีช่วยญาติผู้ตาย เช่น เราไม่ได้กำหนดคุมราคาโลง เพราะฉะนั้นเมื่อตายคนขายโลงจะคิดเท่าไหร่นั้น ส่วนใหญ่ยอม ถ้าคนมีเงินตัดไม้ทั้งท่อน ตัดไม้ทั้งต้นมาทำโลง อันนั้นก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ชาวบ้านทั่วไปบางทีไม่มีทางหลีกเลี่ยง ราคาสัก 5,000 กลายเป็น 15,000 ราคาสัก 10,000 กลายเป็น30,000 อันนี้พระท่านเล่าให้ฟัง ท่านก็แก้ปัญหาด้วยวิธีคุมราคาช่วย หรือนำศพจากโรงพยาบาลมาวัด น่าจะจ่ายสัก 2,000 คิดเป็น 5,000 - 6,000 วัดอื่นทำยาก แต่วัดวัดชลประทานรังสฤษฏ์ ท่านก็มาแก้ปัญหาลดรายจ่ายชาวบ้าน
ผมกราบเรียนท่านประธานเพื่อท่านรองนายกฯ ได้รับทราบถึงแนวปฏิบัติที่ดีงามของวัดเหล่านี้ ซึ่งน่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีในการช่วยรายจ่ายของญาติโยมของผู้ที่เสียชีวิตอันนี้ส่วนหนึ่ง สุดท้ายจริง ๆ ท่านประธานครับ คือพระในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และส่วนหนึ่งของบ้านท่านรองนายกฯ ก็คือที่สงขลาด้วย เมื่อปีที่แล้วผมไปเวียนเทียนที่วัดเขากง ที่ว่าปีที่แล้วนะครับ เวียนเทียนบ่ายสอง ปีนี้ผมก็ไปกราบนมัสการ ท่านก็บอก พระเหลือ 2 รูป โยม ก็พระก็จะลดน้อยลงไปโดยลำดับ อันนี้ก็อยากจะเรียนฝากท่านรองนายกฯ ครับว่า ช่วยดูแลเรื่องนี้ เพราะว่าเวลาพระท่านเล่าให้ฟังนั้น ท่านก็มีความรู้สึกในทำนองน้อยอกน้อยใจอยู่ไม่น้อยทีเดียวว่า การให้ความเอาใจใส่ดูแลนั้น ไม่มีความจริงจังเท่าที่ควรจะเป็น อันนี้ก็คงไม่เป็นคำถามนะครับ แต่ขออนุญาตท่านประธานเพื่อกราบเรียนฝากท่านรองนายกฯ ไว้รับไปพิจารณาด้วยครับ ขอบพระคุณครับ


Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา