
"...ถาม : ชัดเจนขนาดไหนครับ ชนิดยืนอยู่แถวทุ่งนาตาพระยา แล้วเปิด จีพีเอส บอกได้เลยว่า ณ เวลานั้น เรายืนอยู่ในเขตประเทศใด เอาชัดอย่างนั้นเลยใช่มั้ยครับ ตอบ : ครับ..ถ้าจบงาน มีแผนที่ใหม่ที่ละเอียด เห็นเป็นเส้นรุ้ง เส้นแวง กดจีพีเอส ได้เมื่อใด นั่นคือผลสำเร็จของงาน ที่เหลือก็เป็นเรื่องการเมืองแต่ละประเทศว่า เอากลับไปให้สภารับรองแล้ว จะจบเรื่องไหม กลไกร่วมกัน ทั้งคณะทำงานและกรอบเกณฑ์อย่างนี้นี่เอง ที่ได้ถูกจัดตั้งไว้ใน MOU 43 ตอนไทยปักปันกับมาเลย์ กับลาว เราก็มี MOU อย่างนี้เหมือนกัน มาเลย์นั้นเสร็จไปแล้ว ลาวเกือบเสร็จแล้ว มีเขมรเท่านั้นที่คืบหน้าช้ามาก แต่ถ้าร่วมมือทำงานกันจริงๆ แล้วเอาเทคโนโลยีใหม่มาช่วย ไม่ช้านานก็จะลุล่วงไปได้ แล้วปัญหาความมั่นคงชายแดนจะลดลงไปเอง..."
ถาม : อาจารย์เปลี่ยนใจมาสนับสนุนให้รัฐไทย รักษา MOU 43 ไว้ต่อไปใช่ไหมครับ
ตอบ : ครับ พอได้ฟังเขาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันโดยละเอียดแล้ว ผมพบว่าเราต้องแยก เรื่องกลไกจัดการปัญหาความมั่นคงชายแดน กับปัญหาเขตแดนไม่ชัดเจนออกจากกันครับ
เรื่องเขมรรุกล้ำ ไทยประท้วงเป็น 600 ครั้ง ก็ทำอะไรไม่ได้นั้น ไม่เกี่ยวกับการมีอยู่ของ MOU43 เลย แต่เป็นความขี้โกงของเขมรที่เราจัดการไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้มีข้อตกลงจัดตั้งคณะกรรมการดูแลชายแดนร่วมกันอยู่แล้วแต่ไม่มีผล พึ่งมีปีนี้ที่เราเริ่มเสียงแข็ง ยื่นคำขาดบ้าง เช่นเรื่องรุกล้ำบ้านหนองจานเป็นต้น
ถาม : แล้วอะไรคือปัญหาที่ต้องมี MOU 43 ครับ
ตอบ : มันเป็นปัญหาเรื่องการปักปันเขตแดนร่วมกันว่า ตามสนธิสัญญา ไทย-ฝรั่งเศส นั้น เมื่อสอบทานจากหลักฐานทั้งปวง ทั้งหลักเขต เอกสาร และสภาพภูมิศาสตร์จริงแล้ว จะรังวัดออกมาให้แน่ชัดได้อย่างไร ในพรมแดนกว่า 800 กิโลเมตรนี้
ถาม : ชัดเจนขนาดไหนครับ ชนิดยืนอยู่แถวทุ่งนาตาพระยา แล้วเปิด จีพีเอส บอกได้เลยว่า ณ เวลานั้น เรายืนอยู่ในเขตประเทศใด เอาชัดอย่างนั้นเลยใช่มั้ยครับ
ตอบ : ครับ..ถ้าจบงาน มีแผนที่ใหม่ที่ละเอียด เห็นเป็นเส้นรุ้ง เส้นแวง กดจีพีเอส ได้เมื่อใด นั่นคือผลสำเร็จของงาน ที่เหลือก็เป็นเรื่องการเมืองแต่ละประเทศว่า เอากลับไปให้สภารับรองแล้ว จะจบเรื่องไหม
กลไกร่วมกัน ทั้งคณะทำงานและกรอบเกณฑ์อย่างนี้นี่เอง ที่ได้ถูกจัดตั้งไว้ใน MOU 43 ตอนไทยปักปันกับมาเลย์ กับลาว เราก็มี MOU อย่างนี้เหมือนกัน มาเลย์นั้นเสร็จไปแล้ว ลาวเกือบเสร็จแล้ว มีเขมรเท่านั้นที่คืบหน้าช้ามาก แต่ถ้าร่วมมือทำงานกันจริงๆ แล้วเอาเทคโนโลยีใหม่มาช่วย ไม่ช้านานก็จะลุล่วงไปได้ แล้วปัญหาความมั่นคงชายแดนจะลดลงไปเอง
ถาม : เขตแดนที่ออกมาจากกลไกนี้ จะตรงกับแผนที่ 1:50,000 ของไทย หรือ แผนที่ 1:200,000 ของเขมรหรือไม่
ตอบ : การปักปันจริง จากการทำงานร่วมกัน บนหลักฐานข้อมูลและเทคโนโลยีเดียวกันนี้ เมื่อแปลงเป็นแผนที่แล้ว ทั้งไทยและเขมรอาจพบว่า มีตำแหน่งที่ฝ่ายตนไปตั้งรกรากอยู่นอกเขตของตน นอกแผนที่ของตนก็ได้
ปัญหาแดนใหม่ทำลายแดนเก่าแบบนี้ ตอนปักปันเขต ไทย - มาเลย์ เราก็เจอมาแล้ว แต่ก็ตกลงกันได้ในที่สุดว่าไม่ต้องรื้อถอน ให้ใช้วิธี เอาพื้นที่ ที่ต่างก็เหลื่อมล้ำกันมาแลกกันไปเลย เรื่องก็จบลงได้
งานนี้ต้องเข้าใจว่ามันไม่ใช่เรื่องใครรุกล้ำใคร แต่มันเป็นเรื่องปักปันใหม่ขีดเส้นใหม่ จากเอกสาร หลักฐาน สภาพภูมิศาสตร์ที่มีอยู่แล้ว จนอาจทำให้การตั้งรกรากแต่เดิม เกิดล้ำแดนกันได้เป็นธรรมดา
ถาม : ที่ นายกฯอนุทิน บอกว่า “ที่ไทยเรารุกล้ำเขมรก็มี ” นั้น ท่านก็หมายถึง กรณีปักปันใหม่แล้ว ก็อาจเกิดภาพเหลือมล้ำ ตั้งรกรากล้ำแดนกันก็ได้ อย่างนี้ใช่ไหมครับ
ตอบ : ครับ...ผมฟังที่ท่านขอโทษและชี้แจงแล้ว ก็หมายถึงอย่างนั้น น่าเห็นใจท่านเหมือนกัน ที่ถูกมันต้องให้นักแผนที่มาชี้แจงให้เข้าใจง่ายๆก่อน แล้วถึงค่อยชี้ปัญหาใหม่ให้เห็นอีกทีว่า อาจต้องย้ายรกราก หรือ แลกพื้นที่กันบ้างก็ได้
ถาม : อาจารย์เชื่อจริงๆหรือว่า ฮุนเซ็นมันจะยอมร่วมมือในงานปักปันเขตแดนกับเรา
ตอบ : ไม่เชื่อครับ แต่ผมเชื่อว่ามันอยู่ได้อีกไม่นาน ตอนนี้รัฐบาลน่าจะให้กรมสนธิสัญญา สำรวจหาบริษัทหรือองค์กรผู้เชี่ยวชาญระดับโลก มาเจรจาเตรียมเข้าเป็นคู่สัญญาช่วยใช้เทคโนโลยีสำรวจทางภูมิศาสตร์ รังวัดพื้นที่ตลอดชายแดนไว้เลย อาจให้ลงมือระยะที่ 1 จนพอเห็นเนื้องานและแนวเขตเบื้องต้นก่อนก็ได้ เมื่อเขมรมีรัฐบาลใหม่แล้ว ก็ค่อยเจรจาเดินหน้าลุยกันอีกที โดยให้บริษัทผู้ชำนาญช่วยรับเหมาทำงาน ใต้กำกับของคณะทำงานร่วมไปเลย
ถึงเวลานั้นหมดฮุนเซ็นไปแล้วเราก็น่าจะพูดกันได้ง่ายกว่านี้ สันติภาพจริงก็จะถือกำเนิดได้ จนเปิดด่านกันได้ในที่สุด
ถาม : หมายความว่า เราต้องยืนหยัดไม่เปิดด่านใช่ไหมครับ
ตอบ : ยืนให้หนักแน่นที่สุด ปัญหาสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา วันนี้ อยู่ที่ระบอบฮุนเซ็นเท่านั้นโดดเดี่ยวและทรมานมันให้ร่วงลงมาให้ได้
วันนี้ฮุนเซ็นมีสภาพเหมือน เหี้ยที่ตกอยู่ในกรงขังทางการทูตอาเซียน จะเล่นบทเป็นเหยื่อถูกรังแก สำออยโลก ก็ไม่ถนัดแล้ว เพราะมีมลทินสแกมเมอร์ค้ามนุษย์ติดกลางหน้าผาก นานาชาติก็งดลงทุน ไทยก็ปิดด่านจนท่องเที่ยวฟุบพืชผลเน่าเสียไปทั่ว ประชาชนอดหยากตกงาน สภาพอย่างนี้รอแต่การลุกฮือโค่นล้มทรราชย์เท่านั้นครับ
ถาม : ฟังดูเหมือนอาจารย์เห็นด้วยกับข้อตกลงที่นายกฯไปทำที่ซัมมิทอาเซียนนะครับ
ตอบ : มันมีสองเรื่องที่ต้องแยกคิด เรื่องเขมรนั้นทรัมป์จะมาลงนามด้วยหรือไม่ ยังไงๆไทยเราก็ต้องไปตกลงในอาเซียนอยู่แล้ว อีกเรื่องคือการค้ากับสหรัฐ ที่เอาภาษีขาเข้าเป็นอาวุธบีบคั้นเขาไปทั่วโลก ซึ่งเราก็ต้องหาทางเจรจากับเขาให้ได้อยู่แล้ว ถือโอกาสคุยแล้ววางกรอบตกลงกันได้อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน
เมื่อแถมเรื่องแร่หายากที่ทรัมป์กำลังขึ้นอกขึ้นใจเข้าไปด้วย ก็ช่วยให้เรามีไพ่ในมือคุยกันได้ดีขึ้น ตัวข้อตกลงเรื่องแร่นี้ อันที่จริงก็ยังเป็นแค่ความร่วมมือในเรื่องนี้เท่านั้นว่าจะมีในห่วงโซ่ใด มีแล้วใครจะได้ จะเสียในเรื่องนี้ ก็ต้องคุยกันต่อทั้งสิ้น วันนี้ผมจึงไม่เห็นอะไรน่าติดใจ
ถาม : ทำไม นายกฯรัฐบาล 4 เดือนนี้ ถึงทำอะไรก็ดูจะผิดไปหมดครับ
ตอบ : วันนี้ในทางการเมืองก็ถือว่าเข้าโซนเลือกตั้งแล้วนะครับ ขนาดปัญหาสแกมเมอร์ ฟอกเงิน ก็กลายเป็นสโลแกนพรรคประชาชนว่า “เลือก ส้ม ดีกว่า เทา” ไปโน่นแล้ว ขณะเดียวกัน เรื่องกิจการต่างประเทศนี่ นายกฯก็พูดไม่ได้หรอกครับว่า ไทยหมายมั่นจะเอาฮุนเซ็นร่วงลงจากอำนาจให้ได้ พอพูดไม่ได้ก็โดนรุมตีไปว่า ขายชาติบ้าง ขี้ขลาดบ้าง โง่บ้าง
ถาม : แล้วเรื่องทุนเทา ไทยเทา นั่นล่ะครับ
ตอบ : ในทางกฎหมาย มันต้องมีสนธิสัญญาร่วมมือทางข้อมูลทางกฎหมายระหว่างประเทศขึ้นมา เพื่อร่วมมือเอาเรื่องกับองค์การอาชญากรรมข้ามชาติพวกนี้ให้ได้อย่างจริงจัง สร้างการรับรองข้ามชาติข้ามระบบกฎหมายขึ้นมาเป็นตัวตน ถึงขนาดเอาสำนวนสอบสวนตำรวจเกาหลี มาเข้าคดีในศาลไทยได้เลย จากนั้นแต่ละประเทศก็ออกกฎหมายนำมาตรฐานนี้ไปใช้ในระบบกฎหมายของตน จนเกิดเป็นความร่วมมือข้ามชาติสู้รบกับความผิดข้ามชาติพวกนี้ขึ้นมาได้ในที่สุด ความริเริ่มอย่างนี้ รัฐบาล 4 เดือน ก็ทำได้เช่นกันครับ ไปชวนจีนเป็นหัวหอกก็ได้
ถาม : แล้วเรื่องรัฐมนตรีสีเทาเข้ม หรือ สส.สีเทา นั่นล่ะครับ ปรับออกเลยไม่ได้หรือ
ตอบ : เข้าใจว่า กลางธันวาคมหน้า พอแน่ชัดว่าจะมีการยื่นญัตติไม่ไว้วางใจในเรื่องนี้ ก็น่าจะมียุบสภาก่อนครับ แล้วประเทศก็จะก้าวเข้าสู่การเลือกตั้งแบบสงครามสีต่างๆต่อไป ส่วนเรื่องประชามติต่างๆนั้น ผมว่าเค้าคงไม่มีให้เมื่อยแน่นอน
บทความโดย :
แก้วสรร อติโพธิ

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา