
"...เรื่องราวของม้าแข่งชื่อ “ฮารุ อุราระ” (Haru Urara) ม้าที่แพ้ติดต่อกันถึง 113 ครั้ง ทว่าได้กลายเป็น สัญลักษณ์แห่งความพยายาม ความหวัง และการไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา เจ้าฮารุพิสูจน์ให้เห็นว่า “ชัยชนะ” ไม่ได้หมายถึงการเข้าเส้นชัยเป็นอันดับแรกเสมอไป และยังทำให้ผู้คนหันกลับมาทบทวนตัวเองอีกครั้งว่า ความกล้าที่จะ “ลุกขึ้นวิ่งต่อ” สำคัญกว่าผลลัพธ์เพียงอย่างเดียว1/ คนญี่ปุ่นที่เคยเป็นคนเชื่อมั่นตัวเองสูงกล้าที่จะเผชิญความจริง พร้อมลุกขึ้นมาต่อสู้กับชีวิตให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤติไปให้ได้..."
ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ญี่ปุ่นเผชิญภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ บริษัทจำนวนมากต้องปลดพนักงานเพื่อลดค่าใช้จ่าย ซึ่งขัดกับวัฒนธรรมเดิมที่มักรักษาพนักงานไว้จนถึงเกษียณ ขณะเดียวกันนักศึกษาจบใหม่จำนวนมากไม่สามารถหางานทำได้ ถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลายคนรู้สึกท้อแท้ มองไม่เห็นอนาคต แต่ท่ามกลางความสิ้นหวังนั้น กลับปรากฏเรื่องราวที่จุดประกายความหวังให้ชาวญี่ปุ่นอีกครั้ง
เรื่องราวของม้าแข่งชื่อ “ฮารุ อุราระ” (Haru Urara) ม้าที่แพ้ติดต่อกันถึง 113 ครั้ง ทว่าได้กลายเป็น สัญลักษณ์แห่งความพยายาม ความหวัง และการไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา เจ้าฮารุพิสูจน์ให้เห็นว่า “ชัยชนะ” ไม่ได้หมายถึงการเข้าเส้นชัยเป็นอันดับแรกเสมอไป และยังทำให้ผู้คนหันกลับมาทบทวนตัวเองอีกครั้งว่า ความกล้าที่จะ “ลุกขึ้นวิ่งต่อ” สำคัญกว่าผลลัพธ์เพียงอย่างเดียว1/ คนญี่ปุ่นที่เคยเป็นคนเชื่อมั่นตัวเองสูงกล้าที่จะเผชิญความจริง พร้อมลุกขึ้นมาต่อสู้กับชีวิตให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤติไปให้ได้
ฮารุ อุราระ แปลว่า “ความอ่อนโยนแห่งฤดูใบไม้ผลิ” (Glorious Spring) เกิดเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 1996 ที่ฟาร์มโนบุตะ โบคุโจ ในเกาะฮอกไกโด แม้จะเป็นลูกของเจ้านิปโป เทอิโอ ม้าแข่งชื่อดังเจ้าของแชมป์หลายรายการ แต่เจ้าฮารุกลับเป็นลูกม้าที่ร่างกายอ่อนแอ ลงแข่งครั้งแรกช่วงปลายปี ค.ศ. 1998 ที่สนามแข่งโคจิ พร้อมกับหน้ากากสีชมพูลาย Hello Kitty ที่เป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่น และเข้าเส้นชัยเป็นอันดับสุดท้ายจากม้า 5 ตัว
เมื่อเจ้าฮารุแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ้าหน้าที่สนามแข่งชื่อ มาซาชิ โยชิดะ เริ่มประกาศก่อนการแข่งขันทุกครั้งว่า “ถ้าเจ้าฮารุชนะได้วันนี้จะเป็นชัยชนะครั้งแรก หลังจากแข่งมาแล้วสิบเที่ยว!” แต่เมื่อชัยชนะไม่มาถึงสักที เขาจึงเปลี่ยนคำแนะนำใหม่ว่า “ในการแข่งครั้งนี้ มีม้าที่พบแต่ความพ่ายแพ้ลงแข่งด้วย” เรื่องราวของเจ้าฮารุกลายเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง จนหนังสือพิมพ์ โคจิ ชิมบุง พาดหัวข่าวว่า “ขอให้ชนะสักครั้ง วิ่งต่อไปเถอะ ฮารุ อุราระ!” กระแสนี้แพร่ไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว จนได้รับฉายาว่า “ดาวแห่งผู้แพ้” (The Star of Losers)
สนามแข่งโคจิซึ่งเคยขาดทุนกว่า 8,000 ล้านเยน และมีผู้ชมเฉลี่ยเพียงวันละ 1,600 คน กลับมาคึกคักอีกครั้ง มีผู้คนหลั่งไหลมาเชียร์ฮารุ อุราระ จนยอดผู้ชมเพิ่มขึ้นหลายเท่า จุดพีคของเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ ยูตากะ ทาเกะ จ๊อกกี้ระดับตำนาน ผู้คว้าแชมป์กว่า 3,000 รายการ รวมทั้งแชมป์ Japanese Derby 3 สมัย ตัดสินใจขี่เจ้าฮารุในการแข่งครั้งที่ 106 เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ปี ค.ศ. 2004 มีผู้ชมกว่า 13,000 คน มากกว่าปกติถึง 8 เท่า พร้อมแรงใจมหาศาล แม้แต่นายกรัฐมนตรีจุนอิจิโร โคอิซูมิ ยังกล่าวว่า “อยากให้ฮารุ อุราระ ชนะสักครั้ง เจ้าฮารุถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการไม่ยอมแพ้”
ผู้คนร่วมแทงม้าให้เจ้าฮารุชนะรวมกว่า 120 ล้านเยน แต่ผลการแข่งขันคือ เจ้าฮารุเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 10 จากม้า 11 ตัว หลังการแข่งขัน ยูตากะ ทาเกะ ให้สัมภาษณ์อย่างอ่อนโยนว่า “เจ้าฮารุเป็นม้าที่ฉลาดนะ เพียงแต่ขาเขาสั้นไปหน่อย เลยวิ่งช้ากว่าตัวอื่นเท่านั้นเอง”

แม้ว่าเจ้าฮารุจะไม่เคยชนะเลยแม้แต่ครั้งเดียว จากการแข่งขันทั้งหมด 113 ครั้ง ก่อนถูกปลดในปี ค.ศ. 2004 ซึ่งในการแข่งขันครั้งสุดท้าย ปกติม้าที่ชนะจะได้วิ่งรอบสนามอีกครั้ง เพื่อให้ผู้ชมได้ร่วมแสดงความยินดี (victory lap) แต่เจ้าฮารุ อุราระ กลับเป็นม้าที่ได้รับเกียรติวิ่งรอบสนามด้วยและชื่อฮารุกลับกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนทั่วประเทศ ใบเสร็จแทงม้าฮารุกลายเป็นเครื่องรางชื่อ โอมาโมริ (Omamori) ป้องกันอุบัติเหตุ เพราะคำว่า “อาตารานัย” มีความหมายว่า “แทงไม่ถูก” และ “ไม่ชน” มีการตีพิมพ์ประวัติของเจ้าฮารุ แต่งเป็นหนังสือ เพลง ละครโทรทัศน์ ภาพยนตร์ และผลิตของที่ระลึกนับไม่ถ้วน เช่น ตุ๊กตา พวงกุญแจ ไปจนถึงเสื้อผ้า และชื่อของเจ้าฮารุได้ปรากฏอยู่ใน “Uma Musume Pretty Derby” เกมออนไลน์ยอดนิยม เกมที่นำชีวิตจริงของฮารุ อุราระ มาดัดแปลงเป็นตัวละครสาวน้อยวิ่งแข่งกัน ทำให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จักจนถึงทุกวันนี้
หลังเกษียณจากม้าแข่ง เจ้าฮารุมีชีวิตอิสระ ต่างจากม้าแข่งส่วนใหญ่ที่ต้องกลายเป็นม้าสืบพันธุ์ หรือให้คนขี่ แม้เจ้าของจะเผชิญปัญหาค่าใช้จ่ายทำให้เจ้าฮารุต้องย้ายฟาร์มหลายครั้ง แต่ในที่สุดก็ได้มาอยู่ที่ฟาร์มในจังหวัดชิบะ ที่นั่น เจ้าฮารุใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบ มีผู้คนจากทั่วโลกมาเยี่ยมและบริจาคหญ้าอ่อนให้มากถึง 3,000 กิโลกรัม
ฮารุ อุราระ จากไปอย่างสงบเมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา ด้วยอาการปวดท้องเฉียบพลัน มีอายุ 29 ปี (เทียบเท่ามนุษย์อายุราว 90 ปี) ก่อนหน้านั้นเพียงวันเดียว เจ้าฮารุยังออกมาวิ่งและขอแครอทจากคนที่มาเยี่ยม เรื่องราวของฮารุ อุราระ เตือนใจเราว่า “ชีวิตไม่ได้วัดกันที่ชัยชนะเพียงอย่างเดียว บางครั้ง แค่เรายังลุกขึ้นวิ่งต่อ แม้จะล้มมานับครั้งไม่ถ้วน เราอาจกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายคนได้เหมือนกัน” 2/
รณดล นุ่มนนท์
3 พฤศจิกายน 2568
แหล่งที่มา:
1/ กองบรรณาธิการ Spacebar, “ฮารุ อุราระ” ตำนานม้าแข่งที่ “ไม่เคยชนะ” แต่ใจไม่เคยยอมแพ้ สัญลักษณ์
แห่งความหวังในยุคเศรษฐกิจตกต่ำ, 13 กันยายน 2568 เวลา 09:48 น.
https://spacebar.th/world/haru-urara-racehorse-who-lost-113-times-symbol-of-never-giving-up
2/ JapanSalaryman, เรื่องราวของ Haru Urara, 11 กันยายน 2568
https://www.facebook.com/JapanSalaryman

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา