
"...ปี 2021 รัฐบาลจีนประกาศห้ามซื้อขายเงินคริปโต (Cryptocurrency) ในประเทศ จึงเกิดความต้องการขยายสแกมเซ็นเตอร์เพื่อเป็นแหล่งซื้อขายเงินคริปโตและการฟอกเงิน ช่วงนี้ยังเกิดการเปลี่ยนแปลงในกิจการบ่อนการพนันและการพนันออนไลน์ที่ต้องเปลี่ยนเป้าหมายจากคนจีน เพราะรัฐบาลจีนห้ามคนจีนเดินทางมาเล่นการพนันและห้ามเข้าถึงการพนันออนไลน์ แต่ด้วยเหตุที่ระบบเซิร์ฟเวอร์ของบ่อนการพนันสามารถสนับสนุนการหลอกลวงโดยสแกมเมอร์ได้ จึงเปลี่ยนมาเป็นสแกมเซ็นเตอร์ (Scam Centres) จนกระทั่งกลายเป็นกิจการที่เจริญรุ่งเรือง..."
1. ความสัมพันธ์ระหว่าง “บ่อนการพนัน” กับ “สแกมเมอร์"
สแกมเมอร์ (Scammers) หรือการสแกมส์ (Scams) เป็นขบวนการหลอกลวงเอาเงินคนทางออนไลน์โดยผิดกฎหมายด้วยวิธีการอันหลากหลาย
ข้อมูลที่ใช้ในการเขียนบทความนี้ผู้เขียนนำมาจากรายงานของ Jesperson, Alffram, Denney & Domingo, 2023 ชื่อ “Trafficking for Forced Criminality: The Rise of Exploitation in Scam Centres in Southeast Asia”
สำหรับในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “สแกมเมอร์” มีประวัติมาจากความเติบโตของ “บ่อนการพนันคนจีน” ซึ่งเกิดขึ้นในกัมพูชา เมียนมาร์ ลาว และฟิลิปปินส์
สาเหตุมาจากแรงผลักดัน 2 ประการ ได้แก่
ประการแรก การขยายเส้นทางรถไฟตามโครงการ “China’s Belt and Road Initiative” หรือ BRI ของสีจิ้นผิง เป็นเหตุให้ “องค์กรอาชญากรรมจีน” ขยายออกนอกประเทศไปตามเส้นทางดังกล่าว
ประการที่สอง สีจิ้นผิงปราบการพนันในจีนอย่างหนัก ห้ามคนจีนเดินทางไปเล่นการพนันต่างประเทศ รวมทั้งห้ามคนงานจีนเคลื่อนไหวทางการเมือง จึงเกิด “ดีมานด์” ต่อการตั้ง “บ่อนการพนัน” ในต่างประเทศ ประกอบกับประเทศอาเชียนมีการเคลื่อนย้ายแรงงานกันอย่างมาก ขณะเดียวกันมีปัญหาประสิทธิภาพทางด้านการ“ปราบปรามการค้ามนุษย์”
2. “บ่อนการพนัน” คือ สวรรค์ขององค์กรอาชญากรรมชาวจีน
ประเทศจีนถือว่า “การพนัน” เป็นสิ่งผิดกฎหมายมาตั้งแต่ ค.ศ. 1949 คนจีนจึงหนีไปเล่นการพนันที่ “มาเก๊า” ขณะนั้นเป็นอาณานิคมของโปรตุเกส ต่อมา ปี 1999 มาเก๊าจึงกลับเป็นของจีน และจีนหันมาส่งเสริมมาเก๊าให้เป็นแหล่งอุตสาหกรรม จนประสบความสำเร็จกลายเป็นที่ตั้งของบริษัทอุตสาหกรรมข้ามชาติมาตั้งแต่ปี 2002
แต่มาเก๊าเองก็มีประวัติพัวพันกับ “สมาคมอั๊งยี่” ของคนจีนที่มาจากผืนแผ่นดินใหญ่มานาน จนกระทั่ง “สมาคมอั๊งยี่” เหล่านี้ขยายตัวออกทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การเปิด “บ่อนการพนัน” ของมาเก๊า กลายเป็น “แม่แบบ” ให้ประเทศอื่น ๆ เปิดบ่อนกาสิโนโดยถูกกฎหมาย
ปัจจุบันมีบ่อนกาสิโนอยู่ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 340 แห่ง
ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก จึงเป็นแหล่งที่ตลาดการพนันเติบโตเร็วที่สุดของโลก บ่อนการพนันส่วนใหญ่ดำเนินการโดยคนจีน ด้านหนึ่ง การเปิดบ่อนการพนันทำให้ได้เงินภาษีเข้าประเทศ แต่อีกด้านหนึ่ง การเปิดบ่อนพนันก่อให้เกิดต้นทุนทางสังคม จนต่อมาขยายออกเป็นอาชญากรรมสแกมเมอร์ ยกตัวอย่าง ลาว กัมพูชา และฟิลิปปินส์
รัฐบาลลาวตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษให้บริษัทคนจีนเช่าทำกาสิโน เช่น ปัจจุบันบริษัท the King Roman ตั้งบ่อนกาสิโนที่เขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ
ส่วนฟิลิปปินส์เป็น “ฮับ” หรือ “ศูนย์กลาง” ของ “การพนันออนไลน์” (online gambling) ซึ่งดำเนินการโดยบริษัทคนจีน ชื่อ “the Philippines Offshore Gaming Operators” หรือ “POGO” เป็นการเปิดการพนันออนไลน์โดยอาศัยพื้นที่ในประเทศฟิลิปปินส์ แต่ IP address ที่เข้าถึงการพนันออนไลน์ได้นั้น ต้องไม่ได้อยู่ในประเทศฟิลิปปินส์ ในขณะที่คนจีนเปิดการพนันออนไลน์นั้น เขาก็ก่ออาชญากรรมอย่างอื่นไปด้วย
ทางด้านกัมพูชา สร้างบ่อนกาสิโน เพื่อดึงดูดให้ “คนจีน” และ “คนต่างชาติ” มาเล่น โดยที่คนกัมพูชาเข้าไปเล่นไม่ได้ บ่อนกาสิโนของกัมพูชาจึงตั้งอยู่บริเวณชายแดนติดกับไทย ลาวและเวียดนาม และอาศัย “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” เป็นหลัก
3. โควิด19 ทำพิษ
บ่อนการพนันและการพนันออนไลน์เป็นแหล่งรายได้ของบริษัทคนจีนหรือสมาคมอั๊งยี่คนจีน มานานหลายปี จนต่อมาได้รับผลกระทบจาก 2 สาเหตุ
สาเหตุหนึ่ง ได้แก่ เกิดโรคระบาดโควิด 19 คนต่างชาติเดินทางมาเล่นน้อยลง
ส่วนอีกสาเหตุหนึ่ง มาจากสีจิ้นผิงที่ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีจีนตั้งแต่ปี 2010 มีนโยบายปราบปรามการพนันอย่างเข้มงวด และเปลี่ยนมาเก๊าไปเป็นศูนย์กลางบริษัทอุตสาหกรรมข้ามชาติ
สีจิ้นผิงยังกดดันกัมพูชาและฟิลิปปินส์ ให้ทั้งสองประเทศห้ามคนจีนไปเล่น ทั้งในบ่อนการพนัน และการพนันออนไลน์ เป็นผลให้รัฐบาลกัมพูชาหยุดออกใบอนุญาตการเปิดบ่อนการพนันในปี 2019 และบังคับให้คนจีนที่ลงทุนในกัมพูชาออกนอกประเทศ อีกทั้งรัฐบาลกัมพูชายังให้สัญญากับจีนว่าจะยกเลิกการเปิดบ่อนการพนัน
นโยบายการห้ามการเปิดบ่อนการพนันและการพนันออนไลน์ของสีจิ้นผิงที่มีต่อกัมพูชา เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กิจการการพนันในกัมพูชาหยุดชะงักและเป็นเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการเติบโตของศูนย์สแกมเมอร์ในกัมพูชา
ส่วนฟิลิปปินส์ไม่ได้ฟังสีจิ้นผิง ยังคงอนุญาตให้มีการพนันออนไลน์ ต่อมา เกิดการถกเถียงกันอย่างหนักในหมู่นักการเมืองฟิลิปปินส์ ว่า กิจการการพนันออนไลน์ของคนจีนให้ประโยชน์แก่ฟิลิปปินส์มากน้อยเพียงใด
ส่วนเมียนมาร์ และลาว ก็ไม่ได้ฟังสีจิ้นผิงเช่นกัน ทว่าผลจากการระบาดของโควิด 19 ทำให้บ่อนกาสิโนในพื้นที่ชเวโก้กโก (Shwekokko) ในเมียนมาร์และเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณสามเหลี่ยมทองคำของลาวได้รับผลกระทบ จึงหันไปทำสแกมเมอร์
4. แก๊งสแกมเมอร์เริ่มปฏิบัติการ
ขณะที่บ่อนการพนันกำลังเติบโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น สแกมเมอร์ได้พัฒนาเรื่อยมา เริ่มตั้งแต่ปี 2011 มีรายงานว่าแก๊งสแกมเมอร์ชาวจีนที่มีขนาดเล็กได้เริ่มปฏิบัติการกรรโชกทรัพย์โดยใช้ฐานปฏิบัติการในกัมพูชาและมีเป้าหมายประทุษร้ายต่อคนจีนผืนแผ่นดินใหญ่
ต่อมา ปี 2017 มีรายงานว่าแก๊งสแกมเมอร์ได้ขยายตัวออกเป็นกิจการขนาดใหญ่ มีคนในแก๊งมากกว่า 200 คน โดยคนในแก๊งยังเป็นคนจีน
ปี 2021 รัฐบาลจีนประกาศห้ามซื้อขายเงินคริปโต (Cryptocurrency) ในประเทศ จึงเกิดความต้องการขยายสแกมเซ็นเตอร์เพื่อเป็นแหล่งซื้อขายเงินคริปโตและการฟอกเงิน ช่วงนี้ยังเกิดการเปลี่ยนแปลงในกิจการบ่อนการพนันและการพนันออนไลน์ที่ต้องเปลี่ยนเป้าหมายจากคนจีน เพราะรัฐบาลจีนห้ามคนจีนเดินทางมาเล่นการพนันและห้ามเข้าถึงการพนันออนไลน์ แต่ด้วยเหตุที่ระบบเซิร์ฟเวอร์ของบ่อนการพนันสามารถสนับสนุนการหลอกลวงโดยสแกมเมอร์ได้ จึงเปลี่ยนมาเป็นสแกมเซ็นเตอร์ (Scam Centres) จนกระทั่งกลายเป็นกิจการที่เจริญรุ่งเรือง
5. สแกมเซ็นเตอร์
สแกมเซ็นเตอร์เป็นองค์กรอาชญากรรมที่ดำเนินการโดยนักลงทุนชาวจีน และมีการจัดการเป็นอย่างดี เช่น กรณีของเสอจื้อเจียง (She Zhijiang) ดำรงตำแหน่งเป็นประธานบริษัทย่าไท้อินเตอร์เนชั่นแนลโฮลดิ้งส์ (the Chairman of Yatai International Holding) จดทะเบียนที่ฮ่องกงและมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ
บริษัทย่าไท้มีธุรกิจสำคัญ ๆ อยู่ในกัมพูชา เมียนมาและฟิลิปปินส์ รวมทั้งบ่อนกาสิโน แต่พบหลักฐานว่ามีคู่มือฝึกพนักงาน เช่น สคริปต์สำหรับการสแกมส์ แสดงให้เห็นว่าเป็นองค์กรมืออาชีพ
องค์การที่อยู่เบื้องหลังสแกมเซ็นเตอร์ ยังเชื่อมโยงกับการค้ามนุษย์ มีการใช้แพลทฟอร์ม เช่น เทเลแกรม (Telegram) เป็นช่องทางในการหลอกลวงให้คนมาสมัครงาน
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ข้อมูลจากการรายงาน พบว่า สแกมเซ็นเตอร์ตั้งอยู่ใน 6 ประเทศ ได้แก่กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ ไทยและเวียดนาม มีความเชื่อมโยงกันอย่างสลับซับซ้อนในการติดต่อระหว่างประเทศ
สแกมเซ็นเตอร์มักสัมพันธ์กับรัฐบาลที่อ่อนแอ ใช้หลักนิติธรรมต่ำ และเป็นรัฐบาลที่มีการขัดแย้งกันสูง เช่น เมียนมาร์ หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเป็นแหล่งที่มีการบังคับใช้กฎหมายอ่อนแอ
สแกมเซ็นเตอร์เติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จนมีการประเมินว่ามีคนเป็นแสน ๆ คนที่ถูกบังคับให้มาเป็นสแกมเมอร์ในภูมิภาคนี้
การสแกมส์จึงสัมพันธ์กับ “การค้ามนุษย์” (Human Trafficking) และการถูกบังคับให้ก่ออาชญากรรม (Forced Criminality) ดังจะได้กล่าวถึงในตอนต่อไป โดยเฉพาะบทบาทที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก freepik.com

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา