
"...จากผลกระทบดังกล่าว เราอาจสรุปได้ว่า การยุบสภาครั้งนี้อาจส่งผลให้การบริหารงานส่วนท้องถิ่นไทยยังคงอยู่ภายใต้โครงสร้างเดิม โดยเฉพาะมิติการบริหารงานบุคคล ที่ท้องถิ่นยังคงไม่มีอิสระในการจัดการกำลังคนของตนเอง รวมถึงการได้มาซึ่งผู้บริหารท้องถิ่น ก็ยังคงอยู่ภายใต้กรอบคุณสมบัติและวาระการดำรงตำแหน่งเดิม..."
[เมื่อยุบสภา ร่างกฎหมายที่ค้างอยู่อาจตกไป]
มาตรา 147 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 กำหนดว่า เมื่อมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมหรือร่าง พ.ร.บ. ที่รัฐสภายังไม่ได้ให้ความเห็นชอบ หรือกรณีอื่น ๆ ตามที่กำหนดไว้ ให้เป็นอันต้องตกไป
อย่างไรก็ตาม หากคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่หลังการเลือกตั้งทั่วไปร้องขอให้รัฐสภาพิจารณาร่างกฎหมายเหล่านี้ต่อ แล้วรัฐสภาเห็นชอบ ก็สามารถพิจารณาต่อไปได้ ทั้งนี้ต้องร้องขอภายในหกสิบวันนับแต่วันเรียกประชุมรัฐสภาครั้งแรกภายหลังการเลือกตั้งทั่วไป
[ร่างกฎหมายท้องถิ่นฉบับใดที่ยังค้างอยู่ในสภา และอาจตกไปอย่างถาวรบ้าง]
[1] ร่าง พ.ร.บ. การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
ร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านการพิจารณาในวาระ 3 ของสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2568 มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้าสู่การเมืองท้องถิ่นมากขึ้น พร้อมทั้งปฎิรูปการเมืองท้องถิ่นให้มีความทันสมัย เพิ่มความเป็นประชาธิปไตย และลดความซ้ำซ้อนในการจัดการเลือกตั้งลง ตัวอย่างเนื้อหาสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้ คือ การลดอายุของผู้สมัครรับเลือกตั้งจาก 35 เป็น 25 ปีบริบูรณ์ ยกเลิกหรือปรับปรุงเกณฑ์เกี่ยวกับวุฒิการศึกษาที่ไม่สัมพันธ์กับความสามารถในการบริหารงานท้องถิ่น ยกเลิกการห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งเกิน 2 สมัยติดต่อกัน เพื่อความต่อเนื่องของนโยบาย เป็นต้น
[2] ร่าง พ.ร.บ. อบจ. อบต. และเทศบาล
ร่าง พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด (ฉบับที่...) พ.ศ... ร่าง พ.ร.บ. สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่...) พ.ศ.... และร่าง พ.ร.บ. เทศบาล (ฉบับที่...) พ.ศ... เป็นร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งท้องถิ่นอีก 3 ฉบับ ที่สภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาเห็นชอบในวาระที่ 3 เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2568
ร่างทั้งสามฉบับนี้มีขึ้นเพื่อส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันและเพิ่มความหลากหลายของผู้สมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่น ด้วยการตัดเงื่อนไขที่กำหนดให้ผู้สมัครต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี และต้องสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า หรือเคยเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกรัฐสภา ออก และปลดล็อกข้อจำกัดที่ห้ามผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำรงตำแหน่งเกิน 2 สมัยติดต่อกันลง ล้อไปกับเนื้อหาของร่าง พ.ร.บ. การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ในข้อ [1]
[3] ร่าง พ.ร.บ. ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น
นอกจากร่างสามฉบับในข้อ [2] แล้ว ในวันเดียวกันนั้น สภาผู้แทนราษฏรยังได้เห็นชอบผ่านร่าง พ.ร.บ. ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมฉบับ พ.ศ. 2542) อีกหนึ่งฉบับ มีเนื้อหาเพื่อยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 8/2560 เรื่อง การขับเคลื่อนการปฏิรูปการบริหารงานส่วนบุคคลท้องถิ่น เพื่อคืนอำนาจการจัดสอบข้าราชการท้องถิ่นให้แก่คณะกรรมการกลางข้าราชการส่วนท้องถิ่นแต่ละประเภท รวมถึงกำหนดอำนาจเพิ่มเติมให้แก่คณะกรรมการ และให้คณะกรรมการพิจารณาและมีมติให้ข้าราชการท้องถิ่นโอนไปสังกัดท้องถิ่นอื่นได้ ทั้งหมดนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการกระจายอำนาจ และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานบุคคลของท้องถิ่นให้คล่องตัวและอิสระมากขึ้น
[ร่างกฎหมายตกไป ส่งผลกระทบอย่างไรต่อการบริหารท้องถิ่น]
ร่างกฎหมายท้องถิ่นทั้งหมดข้างต้นต่างยังคงอยู่ระหว่างขั้นการพิจารณาของวุฒิสภา ดังนั้น เมื่อรัฐบาลพรรคภูมิใจไทยประกาศยุบสภาเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2568 ร่างทั้งหมดจึงเป็นอันต้องตกไปตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญมาตรา 147 โดยต้องรอดูว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่หลังการเลือกตั้งจะนำกลับมาให้รัฐสภาพิจารณาต่อหรือไม่
การที่บรรดาร่างกฎหมายเหล่านี้ไม่ได้ไปต่อ (แม้ชั่วคราว) อาจส่งผลกระทบต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ 3 ประการ ดังนี้
(1) ผู้บริหารท้องถิ่นยังคงมีเพดานการดำรงตำแหน่งไม่เกิน 2 สมัยติดต่อกันเช่นเดิม ส่งผลให้ไม่สามารถดำรงตำแหน่งต่อเนื่อง และอาจเป็นอุปสรรคต่อการสานต่อนโยบายหรือโครงการระยะยาวได้
(2) ‘คนรุ่นใหม่’ โดยเฉพาะในช่วงอายุ 25-34 ปี รวมถึงผู้ที่ไม่จบปริญญาตรี แต่มีความรู้ ความเข้าใจ ศักยภาพที่เหมาะสม และประสบการณ์การทำงานกับท้องถิ่น ยังคงไม่สามารถเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่นได้
(3) งานบริหารงานบุคคลของท้องถิ่นยังคงอยู่ภายใต้โครงสร้างรวมศูนย์ตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ทำให้ท้องถิ่นยังขาดอิสระในการจัดการสอบ บรรจุ แต่งตั้ง และโอนย้ายบุคลากรของตนเอง และยังส่งผลให้การปฏิรูประบบการสอบและการคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งในสายงานผู้บริหารให้มีมาตรฐานและทันสมัยชะงักลงด้วย
จากผลกระทบดังกล่าว เราอาจสรุปได้ว่า การยุบสภาครั้งนี้อาจส่งผลให้การบริหารงานส่วนท้องถิ่นไทยยังคงอยู่ภายใต้โครงสร้างเดิม โดยเฉพาะมิติการบริหารงานบุคคล ที่ท้องถิ่นยังคงไม่มีอิสระในการจัดการกำลังคนของตนเอง รวมถึงการได้มาซึ่งผู้บริหารท้องถิ่น ก็ยังคงอยู่ภายใต้กรอบคุณสมบัติและวาระการดำรงตำแหน่งเดิม
ที่มา : เพจ สถาบันพระปกเกล้า

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา