
"...จากการศึกษาพบว่า เราไม่จำเป็นต้องมีมาตรการต่อต้านคอร์รัปชันจำนวนมาก แต่ทุกข้อที่มีต้องปฏิบัติได้และเป็นที่ยอมรับ ทางที่ดีควรเน้นเรื่องความโปร่งใส ใช้เทคโนโลยี่ เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วม สำคัญคือต้องลงมือทำก่อนที่บ้านเมืองจะสูญเสียด้วยน้ำมือของคนโกง..."
ทราบหรือไม่ ตั้งแต่ปี 2558 ถึง 2561 ประเทศไทยมีมาตรการแก้ปัญหาคอร์รัปชันมากกว่า 195 เรื่องที่ออกโดยมติ ครม. มติ คตช. และข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี มาตรการเหล่านี้มีหลายเรื่องที่ริเริ่มโดยภาคประชาชน หลายเรื่องสร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีจำนวนมากไม่เป็นผลเพราะ “ขาดกลไก หน่วยงานหรือบุคคลคอยผลักดัน – สานต่อ หรือขาดการยอมรับ”
มาตรการแยกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ 1. 195 มติ และข้อสั่งการ 2. มาตรการสำคัญที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง 3. มาตรการสำคัญที่ขาดการสานต่อ
กลุ่มแรก “195 มติ คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) และข้อสั่งการของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรีและประธาน คตช.”
แยกเป็นมาตรการด้านต่างๆ ตามรายงาน ศอตช. ดังนี้ 1) การป้องกัน 76 เรื่อง 2) การเฝ้าระวัง 30 เรื่อง 3) การปราบปราม 18 เรื่อง 4) การบริหารจัดการ 71 เรื่อง (ดาวน์โหลดเอกสารคลิก https://bit.ly/3mbpgCW)
น่าสังเกตว่า “นโยบาย มติและข้อสั่งการเหล่านี้มีมากเป็นประวัติการณ์ของประเทศ” บางส่วนเป็นเรื่องที่ปฏิบัติได้ง่าย บางเรื่องดำเนินการต่อเนื่อง แต่หลายเรื่องไม่ถูกนำไปดำเนินการใดๆ เลย
กลุ่มที่สอง มาตรการที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง
1) ประกาศใช้ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ เพื่อให้การจัดซื้อจัดจ้างของทุกหน่วยงานรัฐ เป็นมาตรฐานเดียวกันตามหลักสากล หลังจากใช้มาระยะหนึ่งพบว่า กฎหมายฉบับนี้มีบางประเด็นที่ต้องปรับปรุงให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
2) พ.ร.บ. การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการฯ เพื่อปรับปรุงระบบการให้บริการประชาชน ลดความยุ่งยาก ลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน และลดเงื่อนไขที่ทำให้เกิดการรีดไถ เรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่ โดยมีข้อสังเกตว่าการปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของกฎหมายนี้ยังมีอุปสรรคที่ต้องแก้ไขอีกมาก
3) จัดตั้งศาลคอร์รัปชัน
4) ปรับปรุง กฎหมาย ป.ป.ช. และ กฎหมาย ป.ป.ท. ให้มีกลไกเข้มแข็งมากขึ้น มีบทลงโทษคนผิดรุนแรงขึ้น
5) สร้างความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างโดยการมีส่วนร่วมของประชาชน ผ่าน “ข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) และ โครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (CoST)”
6) พัฒนาระบบเปิดเผยข้อมูลภาครัฐและระบบรัฐบาลดิจิตอล “เว็บไซต์ภาษีไปไหน” การพัฒนาระบบ GF-MIS เพื่อพัฒนาระบบการดำเนินงานของภาครัฐให้โปร่งใสในการตัดสินใจ มีวิธีทำงานที่รวดเร็ว คล่องตัวมากขึ้น ตามแนวทางรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government)
กลุ่มที่สาม “8 มาตรการสำคัญขาดการสานต่อ”
1. บรรจุหลักสูตร “โตไปไม่โกง” ในการเรียนการสอนสำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลถึงชั้นประถม
หน่วยงานรับผิดชอบ.. กระทรวงศึกษาธิการ (มีมติ ครม.เมื่อ 30/06/58)
ปัจจุบัน.. มติ ครม. ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น แต่หลักสูตรนี้ยังเดินหน้าต่อโดย ศูนย์สาธารณประโยชน์และประชาสังคม (นิด้า) และเครือข่าย เหมือนที่ “ทำกันเอง” ก่อนหน้านี้นับสิบปี
2. ป้องกันคอร์รัปชันในรัฐวิสาหกิจ โดยกำหนดให้ทุกรัฐวิสาหกิจต้องจัดทำรายงานเปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานให้ได้มาตรฐานเดียวกับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ตาม “แบบฟอร์ม 56-1”
หน่วยงานรับผิดชอบ.. กนร. สคร. และรัฐวิสาหกิจ
วัตถุประสงค์..เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้จากผู้ถือหุ้นและประชาชน
ปัจจุบัน..มีเพียง 11 รัฐวิสาหกิจเท่านั้นที่ทำตาม ในจำนวนนี้ 5 แห่งอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ นอกนั้นอีกสี่สิบกว่ารัฐวิสาหกิจไม่มีใครปฏิบัติตามเลย
3. สร้างความโปร่งใสในระบบราชการด้วยการออก พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารสาธารณะ หรือแก้ไข พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของทางราชการฯ ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญปัจจุบัน
หน่วยงานรับผิดชอบ...ไม่ชัดเจน
วัตถุประสงค์.. เพื่อให้มีการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะที่อยู่ในความครอบครองของหน่วยราชการ สร้างความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
ปัจจุบัน.. สปท. เคยจัดทำร่าง พ.ร.บ. นี้ และผ่านการเห็นชอบของ ครม. แล้ว แต่ปัจจุบันเรื่องเงียบหายไป ขณะเดียวกัน สนง.คกก.ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ สำนักนายกฯ จัดทำร่างแก้ไข พรบ. ข้อมูลข่าวสารฯ โดยผ่านความเห็นชอบของ ครม. และผ่านการพิจารณาจากกฤษฎีกาแล้ว 4 ครั้ง
4. ควบคุมและป้องกันคอร์รัปชันในการใช้เงินงบประมาณแผ่นดินเพื่อการโฆษณาประชาสัมพันธ์ภาครัฐ ด้วยการออกกฎหมายหรือระเบียบสำนักนายกฯ
หน่วยงานรับผิดชอบ.. สำนักปลัดสำนักนายกฯ
วัตถุประสงค์.. ป้องกันคอร์รัปชันจากการใช้เงินงบประมาณราวปีละ 7,950 ล้านบาท
ปัจจุบัน.. สปท. เคยจัดทำร่าง พรบ. การโฆษณาประชาสัมพันธ์ภาครัฐ ต่อมายกเลิกและจัดทำเป็นร่างระเบียบสำนักนายกฯ ขึ้นมาแทน แต่ปัจจุบันเรื่องเงียบหายไป
5. เข้าเป็นสมาชิกเครือข่าย EITI – Extract Industries Transparency Initiative
หน่วยงานรับผิดชอบ.. กระทรวงพลังงาน (มีมติ ครม. เมื่อ 30/6/2558)
วัตถุประสงค์.. เพื่อแก้ปัญหาคอร์รัปชันและลดความขัดแย้งเรื่องรัฐบาลให้สัมปทานหรือสิทธิ์แก่ผู้ใดในการขุดเจาะน้ำมัน ทรัพยากรหรือแร่ธาตุใต้ดิน/ทะเล จึงต้องมีการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องตามมาตรฐานสากล
ปัจจุบัน.. ไม่มีความคืบหน้า
6. เข้าเป็นสมาชิกองค์กร Open Government Partnership (OGP)
หน่วยงานรับผิดชอบ.. สำนักงาน กพร. (มีมติ ครม. เมื่อ 30/6/2558 และ24/11/2558)
วัตถุประสงค์..เพื่อให้การใช้งบประมาณแผ่นดินและการใช้อำนาจในการบริหารราชการแผ่นดิน เป็นไปอย่างโปร่งใสได้มาตรฐานสากล เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายโครงการรัฐบาลดิจิทัล
ปัจจุบัน.. องค์กร OGP ยังปฏิเสธคำขอของไทย เนื่องจากขาดคุณสมบัติตามเงื่อนไข
7. พรฎ. การทบทวนความเหมาะสมของกฎหมาย ประกาศใช้เมื่อ 25 สิงหาคม 2558
หน่วยงานรับผิดชอบ.. ทุกกระทรวง
วัตถุประสงค์.. ให้มีการลด เลิกหรือแก้ไข กฎหมายที่ล้าสมัยหรือหมดจำเป็นหรือสร้างภาระแก่ประชาชนเกินควร
ปัจจุบัน..
ก. ตั้งแต่ประกาศใช้จนถึงปัจจุบัน ไม่ปรากฎข้อมูลสู่สาธารณะเลยว่ามีรัฐมนตรีหรือกระทรวงใดได้ดำเนินการตามที่บัญญัติไว้ เช่น การรายงาน การทบทวน การเสนอเปลี่ยนแปลง แก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายภายในระยะเวลาที่กำหนดตามกรณีคือ 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี และ 5 ปี
ข. รัฐบาลกำลังร่วมมือกับนักวิชาการและภาคเอกชน ร่วมกันศึกษารายละเอียดในการยกเลิกกฎหมายระดับต่างๆ ตามโครงการ Regulatory Guillotine
8. พ.ร.บ. การขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม
หน่วยงานรับผิดชอบ ไม่ชัดเจน
วัตถุประสงค์ สร้างความชัดเจนว่า สิ่งใดที่เจ้าหน้าที่ของรัฐและนักการเมือง ทำได้หรือทำไม่ได้
ปัจจุบัน กฎหมายนี้เคยผ่านการพิจารณาของ สนช. เมื่อปี 2550 แล้วแต่เรื่องตกไป ต่อมาถูกนำเข้าสู่กระบวนการของ สนช. อีกครั้งเมื่อ 8 ส.ค. 2560 แต่ “ถูกดึง” ให้ยืดเยื้อจนตกไปเมื่อ สนช. สิ้นสภาพหลังมีการเลือกตั้ง ส.ส. ในเดือน มี.ค 2562
โดยสรุป
ข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์มากขึ้น หากรัฐบาล และ ป.ป.ช. นำไปศึกษาเพิ่มเติมว่า มาตรการที่ดีแล้วจะยกระดับต่อยอดได้อย่างไร มาตรการที่ค้างคาหากจะเดินหน้าต้องทำอย่างไร มาตรการที่สำเร็จหรือล้มเหลวเกิดจากปัจจัยหรือเงื่อนไขใด
จากการศึกษาพบว่า เราไม่จำเป็นต้องมีมาตรการต่อต้านคอร์รัปชันจำนวนมาก แต่ทุกข้อที่มีต้องปฏิบัติได้และเป็นที่ยอมรับ ทางที่ดีควรเน้นเรื่องความโปร่งใส ใช้เทคโนโลยี่ เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วม สำคัญคือต้องลงมือทำก่อนที่บ้านเมืองจะสูญเสียด้วยน้ำมือของคนโกง
ดร. มานะ นิมิตรมงคล
เลขาธิการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา