
"...ความจริงแล้วพืชผลเกษตรอินทรีย์โซนนี้ขายถูกมากเพราะเป็นเกษตรกรที่ปลูกเองทำเองขายเองไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง เช่นผักบุ้งกำละ 20 บาท ตอนนี้มาจ่ายค่าเช่าแผงประมาณ 5,000 บ้าง 6,000 บ้างตามขนาดของพื้นที่ ยุคโควิด คนเดินตลาดน้อยลง ขายของได้น้อยลง หลายแผงก็ยอมเลิกขายสู่ค่าเช่าไม่ไหว กลับบ้านเดิมดีกว่า..."

เขียนถึงสุนทรออร์แกนิกฟาร์ม
เขียนถึงอ.ต.ก.ยุคโควิด
คิดกันแบบนี้ได้ไง งงแท้
เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2563 ผมแวะไปกินกาแฟที่ร้านสวนสุนทรออร์แกนิกฟาร์ม ในตลาด อ.ต.ก ดูแววตา ของสุนทรซุกซ่อนความไม่สบายใจเอาไว้ หลังจากพูดคุย สอบถามตามประสา ก็ได้ข้อมูลว่า ผู้บริหาร อตก ได้แจ้งกับสุนทรวราจะเพิ่มค่าเช่าร้านสุนทรจากเดิมเก็บที่ 10% เปลี่ยนมาเป็นจ่ายต่อเดือน 25,000 บาท จากเดิมที่เคยจ่ายให้กับอตก.ประมาณเดือนล่ะ 11,000 บาทและล่าสุดฝ่ายบริหารอ.ต.ก เชิญ สุนทรไปพูดคุยและแจ้งว่าจะเก็บค่าเช้าต่อเดือน 30,000 บาท ถ้าสุนทรไม่ไหวก็จะผ่าแบ่งออกเป็น 2 ร้านเก็บร้านละ15,000 บาทต่อเดือน
ผมเองก็รู้สึกว่าโควิดทำให้ร้านค้าใน อ.ต.ก.บอบช้ำอยู่แล้ว คนเดินตลาดก็น้อยลง ทำไมต้องซ้ำเติมกันอีก ซึ่งเป็นการทำลายโอกาสเกษตรกรตัวเล็กๆที่พยายามออกจากสวนมาทำร้านขายผลิตภัณฑ์เกษตรที่ตัวเองปลูกและแปรรูปลงไปด้วย
สุนทรเป็นชาวสวนที่ทำเกษตรอินทรีย์ ที่อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร จึงยืนบนทางแพร่งว่าจะอยู่สู้ต่อไปหรือจะกลับบ้านไปทำสวนอย่างเดิม?

ผมขอบอกว่า”สุนทร”เป็นคนกล้า เป็นเกษตรกรที่กล้าเปิดร้านสร้างพื้นที่นำสินค้าผลิตภัณฑ์เกษตรของเครือข่ายเกษตรกรมาวางขาย ไม่ได้ขายแต่ของตัวเอง เพื่อช่วยเหลือเพื่อนเกษตรกรด้วยกัน กำไรก็น้อย กาแฟอินทรีย์ราคาก็ถูก แต่สุนทรก็ทุ่มเทสุดชีวิตเพื่อให้คนเกษตรได้ปลูกเองขายเอง เป็นที่มีจิตใจที่ยิ่งใหญ่ นอกจากขายกาแฟยังมีความสามารถในการฝึกอบรม เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องดิน เป็นหมอดินอาสา มีใบรับรองเกษตรอินทรีย์อย่างถูกต้องจากกรมวิชาการเกษตร
โดยข้อเท็จจริงโซนเกษตรอินทรีย์ ในตลาด อตก.ที่อยู่ติดกับธนาคารกรุงไทย เกิดจากนโยบายของรัฐบาลพล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชาทยุครัฐบาลคสช. ที่ต้องการสนับสนุนเกษตรอินทรีย์และให้มีตลาดอินทรีย์อย่างเป็นเรื่องเป็นราว กลุ่มผู้บริหาร อตก.ชุดก่อนหน้านี้จึงตอบสนองในการสร้างพื้นที่ให้เกษตรกรอินทรีย์ได้มีพื้นที่มาขาย หมุนเวียนกันไป โดยในช่วงแรกไม่มีการเก็บค่าเช่าแผงแต่อย่างใด ในโซนนี้ก็มีการช่วยเหลือกัน แต่ละคนก็ขายแทนกันได้ถ้าเจ้าของไม่อยู่ที่ร้าน
แต่หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงผู้กำกับเป็นร.อ ธรรมนัส พรหมเผ่ารัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์มีการเปลี่ยนแปลงบอร์ดและผู้บริหาร อตก ชุดใหม่ตามธรรมเนียม จึงมีการเปลี่ยนนโยบายการจัดเก็บค่าเช่าในโซนเกษตรอินทรีย์ตามขนาดพื้นที่
ความจริงแล้วพืชผลเกษตรอินทรีย์โซนนี้ขายถูกมากเพราะเป็นเกษตรกรที่ปลูกเองทำเองขายเองไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง เช่นผักบุ้งกำละ 20 บาท ตอนนี้มาจ่ายค่าเช่าแผงประมาณ 3,000 4,000 ,5,000, 6,000 บ้างตามขนาดของพื้นที่
แต่ในยุคโควิด คนเดินตลาดก็น้อยลง ขายของได้น้อยลง หลายแผงก็ยอมเลิกขายเพราะสู้ค่าเช่าไม่ไหว กลับบ้านเดิมดีกว่า

หันไปดูโซน Best of Ortorkor อยู่ฝั่งตรงข้ามร้านโครงการหลวงผู้บริหาร อตก.ชุดเก่าได้เปิดโครงการนี้ในปี 2560 เป็นพื้นที่โซนพิเศษเป็นสินค้าการเกษตร และผลิตภัณฑ์แปรรูปทางการเกษตรที่คัดสรร เพื่อการเพิ่มมูลค่าทางการตลาดให้เกษตรกรผผู้ผลิต เป้าหมายเพื่อให้เกษตรกรไทย หลุดพ้นจากปัญหาราคาสินค้าการเกษตรตกต่ำ ปรับเปลี่ยนจากการผลิตเชิงปริมาณ มาเป็นผลิตเชิงคุณภาพ สร้างมูลค่าเพิ่มโดยการใช้การตลาดนําการผลิต สนับสนุนให้กลุ่ม เกษตรกรสร้างแบรนด์เพื่อยกระดับสินค้า
โดยที่ผ่านมาร้านค้าที่ได้รับจัดสรรพื้นที่ Best of Ortorkor มีกันหลายรูปแบบ หลากหลายผลิตภัณฑ์มีทั้งในส่วนพื้นที่เราเพื่อ
• กลุ่มเครือข่ายเกษตรกรออร์แกนิคทั่วประเทศ
• กลุ่มเกษตรกรจากกลุ่มเครือข่าย Young Smart Farmer
• กลุ่มเกษตรกรเครือข่าย คนกล้าคืนถิ่น
• ผลิตภัณฑ์จากกลุ่มไทย ออร์แกนิค วิสาหกิจเพื่อสังคม
• ร้านค้าสนับสนุนเครือข่ายทุเรียนอินทรีย์

การจัดเก็บรายได้จากทางร้านใช้หลักการ ร้อยละ 10 จากยอดขายรายเดือน โดย อ.ต.ก. ให้ร้านติดตั้งระบบโปรแกรมการขายและติดตั้งบาร์โค้ด
สําหรับสินค้ารายได้ของแต่ละร้านมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และสินค้าที่นํามาจําหน่ายบางร้าน ตั้งขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์สนับสนุนสินค้าเกษตรกร แม้ว่าไม่ได้เป็นสินค้าที่ขายดี แต่เพื่อเพิ่มช่องทาง และสนับสนุน เกษตรกร ก็นับว่าเป็นภาระกิจของร้านนั้น ๆ ส่วนบางร้านสามารถสร้างยอดขายได้อย่างมากด้วยการคัดสรรสินค้า เอาคุณภาพนําตลาดได้เช่นกัน
ผมเคยได้รับคำบอกเล่าทั้งจากเจ้าหน้าที่ อตก.และจากเจ้าของร้านบางร้าน เช่นร้านทุเรียนของนิด ระยอง ทุเรียนดี ทุเรียนอร่อย ตั้งราคาไว้กิโลละ 3,000 บาท และอร่อยจริงๆ ผมซื้อกินเองหรือซื้อฝากเพื่อนฝูงไม่ผิดหวังเลย
ช่วงหน้าทุเรียนเดือนเมษายน - พฤษภาคม มีข้อมูลว่าเคยจ่ายให้กับ อตก.จากยอดขาย 10% หลายๆแสนบาทต่อเดือน เกือบล้านบาทก็เคยมี และโดยปกติจ่ายให้ อตก.โดยเฉลี่ยเดือนละหลายๆแสนและไม่ต่ำกว่าแสนคิดจากยอด 10% ของรายได้ ร้านผลไม้อื่นๆก็เช่นกัน จ่ายกันหลายๆหมื่นและช่วงฤดูผลไม้ก็เป็นแสนบาทเช่นกัน

ตอนนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายยกเลิกการจ่ายแบบเดิมมาเป็นการจ่ายค่าเช่ารายเดือนตามขนาดพื้นที่ ตั้งแต่ 15,000 ,20,000 บาทต่อเดือน
แต่เมื่อเปลี่ยนการจ่ายแบบเช่าตามขนาดพื้นที่คิดตามตารางเมตรจ่ายเป็นรายเดือน เจ้าของร้านต่างๆก็สบายใจเลยเพราะจ่ายเงินให้ อ.ต.ก.น้อยลง
แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าผู้บริหาร อ.ต.ก ชุดปัจจุบันคิดได้อย่างไร เพราะรู้ได้อย่างแน่ชัดว่าการเปลี่ยนแนวทางดังกล่าวจะส่งผลให้รายได้โซนBest of Ortorkor ของอ.ต.ก.หายไปอย่างแน่นอน
ซึ่งอาจเป็นสาเหตุ ไปเก็บค่าเช่าเพิ่มจากร้านค้าโซนเกษตรอินทรีย์ หรือร้านในโซนที่ให้เกษตรกรแต่ละจังหวัดแต่ละภาคหมุนเวียนกันมาขาย
น่าเห็นใจเกษตรกรตัวเล็กตัวน้อย เจอทั้งโควิด เจอทั้งการซ้ำเติมจากนโยบายของ ผู้บริหาร อตก.ที่เพิ่มค่าเช่าแบบหน้ามืดตามัว
ร้านของสุนทรออร์แกนิกฟาร์ม จึงถูกเรียกไปบอกเพื่อเพิ่มค่าเช่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ที่มา : Pradit Ruangdit
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก tap-magazine.net

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา