หลักฐานเพียงพอ! ป.ป.ช.รับไต่สวน คดี 'สันทัด' กกต. ใช้รถหลวงไปตีกอล์ฟ - เชงเม้ง

เผยมติ ป.ป.ช. รับไต่สวนข้อกล่าวหา 'สันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์' กกต. ใช้รถหลวงไปตีกอล์ฟ - เชงเม้ง -ทำบุญ หลังตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น พบมีหลักฐานเพียงพอ ส่วนกรณีรับงานพิเศษในเวลาราชการรอด 

แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปรามปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติตั้งไต่สวนกรณีข้อกล่าวหา นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ถูกร้องเรียนว่ากระทำการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ.2561 กรณีสั่งใช้รถยนต์รับรองสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยมิชอบ 5 กรณี คือ

1. วันที่ 28 ก.พ. 63 ไปตีกอล์ฟที่เขาใหญ่ เดินทางโดยใช้รถรับรองของสำนักงาน กกต.เลขทะเบียน 1 นข 2973 กทม.

2. วันที่ 11 ต.ค. 63 เวลา 13.00- 14.00 น. นำรถรับรองไปใช้ส่วนตัวไปทำบุญ ณ วัดไร่ขิง จ.นครปฐม พร้อมครอบครัว

3. วันที่ 31 ต.ค. 63 เวลา 18.00-22.00 น. นำรถรับรองไปใช้ส่วนตัว โดยไปเข้าร่วมภารกิจสวดนพเคราะห์ในวันลอยกระทง ณ วังไร่ขิง พร้อมครอบครัว

4. วันที่ 7 ก.พ. 64 ช่วงเช้าเดินทางไปเป็นประธานงานทอดผ้าป่าวัดโคกมะตูมพร้อมบุคคลในครอบครัว ซึ่งระหว่างวันที่ 6-7 กุมภาพันธ์ 2564 มีการขออนุมัติไปราชการที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดนครสวรรค์ โดยมีการเบิกจ่ายงบประมาณแผ่นดินด้วย

5. วันที่ 3 เม.ย.64 นำรถรับรอง เดินทางไปประกอบพิธีงานเชงเม้ง ไหว้ฮวงซุ้ย ของมารดา พร้อมครอบครัว ที่สุสานจีน จังหวัดสระบุรี

โดยทั้ง 5 กรณี จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ปรากฏพยานหลักฐานเพียงพอในการไต่สวนต่อไปได้ เห็นควรรับเรื่องไว้ดำเนินการไต่สวนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 49 วรรคสาม ประกอบระเบียบคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าด้วยการตรวจสอบและไต่สวน พ.ศ. 2561 ข้อ 45 (2) โดยมี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ และ นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข 2 กรรมการ ป.ป.ช. เป็นผู้รับผิดชอบสำนวนไต่สวนคดีนี้ ซึ่งเป็นการไต่สวนตามมาตรา 51 กับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ 

แหล่งข่าวกล่าวว่า ส่วนข้อร้องเรียนกรณี การเดินทางไปทำธุรกิจส่วนตัวเรื่องที่ดินที่จังหวัดอุบลราชธานี จากการสอบปากคำผู้กล่าวหาเพิ่มเติมแล้ว ผู้กล่าวหาไม่ได้แจ้งข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่จะชี้นำทำให้เห็นได้ว่าผู้ถูกร้องได้กระทำการตามที่ผู้กล่าวหาอ้าง ประกอบกับจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากสำนักงานที่ดินจังหวัดอุบลราชธานีแล้ว ไม่พบว่าผู้ถูกร้องได้เดินทางไปติดต่อราชการที่สำนักงานที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี ในช่วงเวลาตามที่มีการกล่าวหาแต่อย่างใด คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงเห็นว่าข้อกล่าวหาประเด็นนี้ปรากฏข้อมูลหรือรายละเอียดไม่เพียงพอที่จะดำเนินการต่อไป เห็นควรไม่รับเรื่องไว้พิจารณา

เช่นเดียวกับข้อร้องเรียนกรณีรับงานพิเศษในเวลาราชการ โดยไปบรรยายตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ โดยได้รับค่าตอบแทน จากการสอบปากคำผู้กล่าวหาเพิ่มเติมแล้ว ผู้กล่าวหาไม่ได้แจ้งข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่จะชี้นำทำให้เห็นได้ว่าผู้ถูกร้องได้กระทำการตามที่ผู้กล่าวหาอ้าง ประกอบกับจากการขอทราบข้อเท็จจริงและขอเอกสารหลักฐานจากสำนักงาน กกต. ได้รับแจ้งว่าสำนักงาน กกต. ได้ตรวจสอบข้อมูลในเรื่องดังกล่าวแล้วไม่ปรากฏข้อมูลแต่อย่างใด จึงเห็นว่าประเด็นนี้ปรากฏข้อมูลหรือรายละเอียดไม่เพียงพอที่จะดำเนินการไต่สวนต่อไปได้ เห็นควรไม่รับเรื่องไว้พิจารณา เช่นกัน

อนึ่งเกี่ยวกับการร้องเรียนข้อกล่าวหา นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ กกต.นั้น เคยมีข่าวปรากฏว่า ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้ายื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ดำเนินการสอบสวน นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ กกต.กรณีมีพฤติกรรมกระทำผิดกฎหมายและฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง เนื่องจากใช้งบประมาณแผ่นดินเพื่อประโยชน์ส่วนตนและนำรถยนต์ทางราชการไปงานเชงเม้งและอื่นๆ ดังกล่าว โดยระบุว่า ได้รับการร้องเรียนจากข้าราชการ กกต. จึงเห็นว่าอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. ที่จะตรวจสอบ และขอให้กันพนักงาน กกต.ที่ร้องเรียนเป็นพยานด้วย

อย่างไรก็ดี การรับเรื่องเข้าสู่กระบวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. ดังกล่าว ยังไม่ได้มีการชี้มูลความผิดผู้ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด  นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ กกต. จึงยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่