
ป.ป.ช.ชี้มูล 5 กรรมการประกวดคดีเอื้อประโยชน์เอกชน โครงการป้องกันชายฝั่งสมิหลา มูลค่าสัญญา 269 ล้าน เผยพฤติการณ์เอกชนอีกรายเสนอราคาถูกกว่าแค่ 254 ล้าน แต่ให้ตีตกอ้างไม่ผ่านคุณสมบัติ ทั้งๆที่รายละเอียดเหมือนกัน ส่วน 'ออมสิน ชีวะพฤกษ์ ' อดีต รมช.คมนาคมรอด เพราะไม่พบหลักฐานกระทำผิด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวว่าเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีการแถลงข่าว โดยนายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในฐานะรองโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช.
โดยนายศรชัยได้แถลงข่าวในกรณีที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด กรณีกล่าวหา นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมช.คมนาคม กับพวกรวม 6 ราย ว่าพิจารณาให้ผู้เสนอราคาบางรายไม่ผ่านคุณสมบัติในการประกวดราคาจ้างเหมาก่อสร้างโครงการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณหาดสมิหลา จังหวัดสงขลา โดยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ทั้งที่มีผลงานลักษณะเดียวกันกับผู้ชนะการประกวดราคาและเสนอราคาต่ำกว่า ซึ่งผลการชี้มูลนั้นพบว่านายออมสินไม่มีความผิด แต่ว่ากรรมการประกวดราคาจำนวน 5 คนปรากฎว่ามีความผิด
นายศรชัยกล่าวว่าข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการจ้างเหมาก่อสร้างโครงการป้องกัน การกัดเซาะชายฝั่ง บริเวณหาดสมิหลา ที่จังหวัดสงขลา โดยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ตามประกาศ ลงวันที่ 25 มกราคม 2559 เอกสารเลขที่ 82/2559 ราคากลาง 269,900,000 บาท มีผู้ยื่นข้อเสนอและใบเสนอราคาจำนวน 4 ราย
คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ประกอบด้วยนายดนัย คำนึงเนตร นางจุฑามาศ อัชกุล นายจิรัฏฐ์ ลักษณะละม้าย และนายนคฤกษ์ คำม่วง ได้รายงานผลการประกวดราคาจ้างเหมาก่อสร้างโครงการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณหาดสมิหลาฯ ต่อนายศรศักดิ์ แสนสมบัติ อธิบดีกรมเจ้าท่า
ว่ากิจการร่วมค้านราบางกอก ซึ่งเสนอราคา 254,330,000 บาท ไม่ผ่านคุณสมบัติในการเข้าประกวดราคา เนื่องจากไม่ได้ยื่นผลงานประเภทเดียวกันกับงานที่ประกวดราคาครั้งนี้ และเห็นควรจ้างบริษัท เค.พี.ซี. เอนเตอร์ไพร้ส์ จำกัด ซึ่งเสนอราคา 269,600,000 บาท เนื่องจากมีคุณสมบัติถูกต้องและเสนอราคาต่ำสุด ทั้งที่ผลงานของผู้เสนอราคาทั้งสองรายดังกล่าว ใช้เทคนิคการก่อสร้างเดียวกัน ประกอบกับในการพิจารณาดังกล่าว
คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ได้เห็นราคาของผู้ยื่นข้อเสนอก่อนหรือพร้อมกับการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอ อันเป็นการมิได้ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์และด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2558 ข้อ 37 (5) และ (6) ต่อมากรมเจ้าท่าได้เสนอเรื่องขออนุมัติจ้างเหมาก่อสร้างโครงการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณหาดสมิหลาฯ โดยเห็นควรจ้างบริษัท เค.พี.ซี. เอนเตอร์ไพร้ส์ จำกัด
จนกระทั่งนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงคมนาคม ได้ลงนามเห็นชอบและอนุมัติ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2559 และกรมเจ้าท่า ได้มีหนังสือลงวันที่ 27 พฤษภาคม 2559 แจ้งผลการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ไปยังกิจการร่วมค้า นราบางกอก
โดยกำหนด ให้ยื่นอุทธรณ์ภายใน 15 วัน แต่กลับปรากฏว่า กรมเจ้าท่า โดยนายศรศักดิ์ แสนสมบัติ อธิบดีกรมเจ้าท่า ได้เร่งรัด ทำสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างโครงสร้างป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณหาดสมิหลาฯ กับบริษัท เค.พี.ซี. เอนเตอร์ไพร้ส์ จำกัด เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2559 ในวงเงินค่าจ้าง 269,600,000 บาท โดยที่มิได้รอระยะเวลาที่ให้กิจการร่วมค้า นราบางกอก อุทธรณ์ผลการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติ เห็นว่า
1. การกระทำของนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่จะฟังได้ว่า ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
2. การกระทำของนายศรศักดิ์ แสนสมบัติ นายดนัย คำนึงเนตร นางจุฑามาศ อัชกุล นายจิรัฏฐ์ ลักษณะละม้าย และนายนคฤกษ์ คำม่วง มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงานสำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัยตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณีต่อไป ทั้งนี้ ให้แจ้งผู้บังคับบัญชาดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหาย ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา