
ผบ.ตร.เตรียมเรียก 'บิ๊กโจ๊ก'-'รองเต่า' เคลียร์ปัญหา หวั่นภาพพจน์ทะเลาะกันกระทบความน่าเชื่อถือ ปชช. เตรียมออกคำสั่งตั้งโฆษกกระจายข่าวที่เดียว ย้ำชัดตอนนี้ 'บิ๊กโจ๊ก' ยังบริสุทธิ์-ด้าน 'รองเต่า' ย้ำยังไม่ได้รับการประสานงาน แต่พร้อมเข้าไปคุย ยอมรับหลังจากนี้คงไม่ให้สัมภาษณ์สื่อเรื่องนี้อีกแล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 23 ก.พ. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงปัญหาความขัดแย้งพล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางกัล พล.ต.พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ว่าในช่วงบ่ายวันนี้ (23 ก.พ.) จะมีการเรียกทั้งสองคนมานั่งพูดคุยกัน เพราะการทะเลาะกันนั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของประชาชนได้ แล้วจะมีการออกคำสั่งว่าการให้ข้อมูลข่าวสาร จะให้มีการแต่งตั้งโฆษกเพื่อกระจายข่าวที่เดียว
ผบ.ตร.ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ หนึ่งในลูกน้องคนสนิทของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แจ้งความต่อตน ข้อกล่าวหา ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ โดยกล่าวว่าส่วนตัวได้คุยกับทีมของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์แล้ว มาถึงวันนี้ตนไม่ได้กังวลอะไรยอมรับว่ายังไม่เห็นในร่างคำฟ้องว่าฟ้องเกี่ยวกับเรื่องอะไร แต่จากที่ได้พูดคุยกับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ การฟ้องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องคดีเว็บพนัน หรือการโยกย้ายพล.ต.ต.นำเกียรติ ฉะนั้นตอนนี้อยากขอความร่วมมือสื่อในการสื่อสารข่าวสารไปถึงประชาชนอย่าทำให้องค์กรของตนเสียหาย
“ผมอยากให้ไปถามเรื่องนี้กับผู้ฟ้อง เพราะตนไม่ได้เป็นผู้สั่งย้ายพล.ต.ต.นำเกียรติ ออกจากตำแหน่งเดิม แต่ที่ร้องเป็นการร้องตามสิทธิ์ของตัวเขา พอมีเอกสารฟ้องร้องเผยแพร่ขึ้นช่วงนี้มันก็กลายเป็นประเด็นในสังคม ทุกคนก็จะดึงเรื่องนี้ไปเชื่อมโยง” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าว
ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า ยืนยันว่ายังไม่เห็นคำฟ้องและยังไม่ทราบด้วยว่าศาลจะประทับรับฟ้องหรือไม่ การแก้ปัญหาใดๆขอให้เป็นหน้าที่ของตน วันนี้ที่ตนเป็นผบ.ตร. ไม่มีความจำเป็นที่ตนจะต้องไปชกกับใคร องค์กรมีวัฒนธรรม หากมีอะไรก็ต้องมาพูดคุยกันจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ ถ้าจะสู้ก็ขอให้สู้ด้วยงานสู้ด้วยเรื่องเท็จจริง ที่ผ่านมาตนเองก็โดนมาเยอะ
“ผมยังไม่ทราบว่าที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่ามีนายตำรวจยศใหญ่ในคดีเว็บพนันที่เป็นอีแอบ ไม่ยอมออกมาเคลื่อนไหวเอง ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาออกมาชี้แจงตลอด ผมก็ยังไม่ทราบว่าอีแอบนั้นคือใคร ใครเจ๋งก็ต้องเก็บไว้ นักเลงเขาไม่พูดกัน ตอบโต้กันองค์กรมันเสียหาย หากพนักงานสอบสวนมีข้อมูลก็ใช้ข้อมูลไม่ต้องมาโชว์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ไม่ผิดก็คือไม่ผิดวันนี้ยังบริสุทธิ์อยู่ 100% ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา“ ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กล่าวว่าในส่วนของการตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องข้อกล่าวหามาตรา 149 และ มาตรา157 ที่มีการพาดพิงถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เรื่องนี้ขอยืนยันว่ารองผบ. ตร.ยังไม่ได้ถูกดำเนินคดียังเป็นผู้บริสุทธิ์ฉะนั้น หากมีการดำเนินคดีในที่สุด ระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็มีระบบจัดการเป็นขั้นตอนต่อไป
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวย้ำว่า ใน ผบ.ตร.เป็นพ่อบ้าน จะเดินหน้านโยบายสร้างบ้าน ให้เป็นบ้านให้ลูกบ้านสามัคคีกัน เพื่อเป็นบ้านที่มีความอบอุ่นต่อไป
สำนักข่าวอิศรารายงานเพิ่มเติมว่าในช่วงเย็นวันที่ 23 ก.พ. พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อว่าส่วนตัวยังไม่ได้รับการประสานจาก ผบ.ตร. เเต่ฐานะที่ตนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา เมื่อมีการติดต่อเข้ามาก็จะรีบเข้าไปพบทันที และหลังจากนี้จะไม่ให้สัมภาษณ์ในประเด็นนี้อีกแล้วเพราะไม่อยากให้สังคมมองว่าวงการตำรวจทะเลาะกันเอง อีกทั้งผู้บังคับบัญชาก็มีความกังวลด้วย พร้อมย้ำว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นการทะเลาะกัน แต่เป็นการนำหลักฐานมาโต้แย้งกันตามข้อเท็จจริง เพื่อให้สังคมบอกว่าองค์กรตำรวจเป็นองค์กรที่น่าเชื่อถือ และเป็นหน้าที่ของตำรวจทุกนายที่ต้องทำข้อเท็จจริงให้ปรากฎด้วย
เมื่อถามว่ารู้สึกหนักใจหรือไม่กับการเข้ามาทำคดีหรือไม่พล.ต.ต. จรูญเกียรติ กล่าวว่า ไม่หนักใจอะไร เพราะเป็นการทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีพื้นที่สีขาวมากขึ้น และอย่าให้สัมภาษณ์เชิงกดดันและข่มขู่พนักงานสอบสวน ตนขอให้ทำงานเพื่อองค์กรอย่างเต็มที่ อย่าแถลงออกสื่อด่าองค์กรของตัวเอง หากยังไม่หยุด ตนก็จะใช้สิทธิ์การเป็นตำรวจออกมาตอบโต้เช่นเดียวกัน
ส่วนกรณีการท้าให้ตรวจสอบตำรวจที่รับเงินจากเว็บพนันออนไลน์ที่ยังอยู่ในสตช.พล.ต.ต. จรูญเกียรติ กล่าวว่า หากมีหลักฐานก็นำมายื่นให้ตรวจสอบได้ ซึ่งหลังจากนี้ตนจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก เพราะพล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีนี้ จะให้ข่าวด้วยตนเอง
พร้อมกันนี้ พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ยังฝากถึงผู้ดำเนินการทีวีช่องดังที่ออกมาระบุว่า ความขัดแย้งระหว่างตนและพล.ต.อ.สุรเชษฐนั้นสาเหตุมาจากคดีกำนันนก ที่จ.นครปฐม ซึ่งไม่เป็นความจริง ในคดีกำนันนกนั้นตนยอมรับว่าเป็นผู้ทวงความยุติธรรมให้กับผู้กำกับเบิ้ม ซึ่งตอนนั้นคณะทำงานชุดของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นั้นต้องการเอาผิดผู้กำกับเบิ้ม ความผิดในมาตรา 157 ด้วย ทั้งๆที่เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งตนนั้นรับไม่ได้ อีกทั้งต้นเหตุที่ทำให้ผู้กำกับเบิ้มคิดสั้นจนถึงขั้นฆ่าตัวตายนั้น ก็น่าจะเกิดถูกกดดันจากคนบางคน แต่เรื่องนี้มันจบไปแล้ว ดังนั้นสื่อก็ควรจะนำเสนอข่าวอย่างสร้างสรรค์ อย่ายุให้คนทะเลาะกัน ตนมีอุดมการณ์ทำงานในวงการนี้มานานหลายปี ไม่เคยนำมาเรื่องส่วนตัวเข้ามายุ่งในคดี หากมีปัญหาก็สอบถามมา หรืออยากจะให้ตนไปออกในรายการก็ได้
ต่อมาเวลาช่วงค่ำ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์มีบันทึกข้อความ ที่ 0001(ผบ)/48 วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 กำชับ รอง ผบ.ตร. และ จตช. ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ รอง จตช. ผบช. หรือตำแหน่งเทียบเท่า และ ผบก.หรือตำแหน่งเทียบเท่า เรื่อง กำชับการให้ข่าว การแถลงข่าว การให้สัมภาษณ์ การเผยแพร่ภาพต่อสื่อมวลชน มีใจความสำคัญ ดังนี้
ด้วย ปรากฎมีเหตุการณ์ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ ตร. จากการให้ข่าว การแถลงข่าวการให้สัมภาษณ์ของข้าราชการตำรวจ ซึ่งอาจสร้างความเข้าใจคลาดเคลื่อนหรือคลุมเครือในประเด็นต่างๆ ต่อประชาชนและสังคมมากยิ่งขึ้น อันเกิดจากข้อมูลที่ไม่ชัดเจน หรือไม่สามารถเปิดเผยได้อย่างครบถ้วน เนื่องด้วยมีกระบวนการ ขั้นตอน หรือข้อจำกัดทางกฎหมาย ระเบียบต่างๆที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น อีกทั้งในบางประเด็นมิได้มีความจำเป็นหรือเกิดประโยชน์สาธารณะ หรือเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานตามภารกิจของ ตร. แต่อย่างใด ซึ่ง ตร. มีระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยประมวลระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 30 การปฏิบัติเกี่ยวกับการให้ข่าว การแถลงข่าว การให้สัมภาษณ์ การเผยแพร่ภาพต่อสื่อมวลชน และการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ พ.ศ.2556 ลง 11 มี.ค. 56 ให้ข้าราชการตำรวจถือปฏิบัติไว้แล้ว
เพื่อให้เกิดความเรียบร้อย และเป็นแนวทางการปฏิบัติเดียวกันของการพิจารณาในการให้ข่าว การแถลงข่าว การให้สัมภาษณ์ จึงกำชับดังนี้
1. ให้ปฏิบัติตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยประมวลระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดีลักษณะที่ 30 ดังกล่าวข้างตันอย่างเคร่งครัด และให้ใช้วิจารณญาณ ประกอบดุลยพินิจที่มีพื้นฐานบนประโยชน์สาธารณะ และภาพลัษณ์ขององค์กรเป็นสำคัญ ไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะของการบ่อนทำลาย หรือมุ่งที่จะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์หรือกระแสสังคมเพื่อบั่นทอนภาพลักษณ์ หรือการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ หรือสร้างสภาวะเกื้อกูลเพื่อประโยชน์ส่วนตน
2. การให้ข่าว การแถลงข่าว การให้สัมภาษณ์ กรณีเหตุที่เกิดหรือประเด็นข้อพิพาท ข้อสงสัยในการปฏิบัติงานระหว่างหน่วยงานของ ตร. หรือข้าราชการตำรวจด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย หรือมากกว่านั้น ให้ผู้ได้รับแต่งตั้ง หรือรับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา หรือหัวหน้าหน่วยงาน ให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นโฆษกของหน่วยงานเป็นผู้ให้ข่าวตามหน้าที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะกรณีเป็นคดีความที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง หรือคดีอาญาสำคัญที่ประชาชนให้ความสนใจในวงกว้างและอาจส่งผลกระทบต่อ ตร. และให้ถือปฏิบัติตามสั่งการ ว.ตร. ด่วนที่สุด ที่ 0001(ศปก.ตร.)/91 ลง 7 มิ.ย.60
ทั้งนี้ หากพบการกระทำฝ่าฝืนในเรื่องที่กำชับไว้ดังกล่าวอันมีลักษณะเข้าข่ายของการกระทำที่เป็นความผิดวินัย หรืออาญา จะพิจารณาดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อไป เพื่อถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา