
NGO กัมพูชา ย้ำอีกเกาะกูดควรเป็นของกัมพูชา ยกหลักฐานสมัยเป็นอาณานิคมฝรั่งเศส ถึงสมัยเขมรแดง-เฮง สัมริน ชี้มีการอ้างเกาะกูดเป็นเขตแดนกัมพูชา ก่อนจะถูกตัดออกจากแผนที่หลัง รบ.ฮุนเซนเซ็น MOU 44 ขณะวิทยานิพนธ์พระนโรดม รณฤทธิ์ อ้างเกาะกูดควรเป็นของกัมพูชาครึ่งหนึ่ง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวเกี่ยวกับกรณีข้อพิพาทเรื่องเกาะกูดระหว่างไทยและกัมพูชาว่านายเมน นาท (Men nath) ผู้นำองค์กรเฝ้าระวังและตรวจสอบรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศนอร์เวย์ หรือองค์กร Cambodia Watchdog Council International (CWCI Cambodia) ได้ออกมากล่าวยืนยัน พร้อมเสนอหลักฐานชิ้นใหม่ว่าเกาะกูดนั้นเป็นของกัมพูชา โดยเป็นการกล่าวของนายเมนเกิดขึ้นหลังจากที่ตระกูลฮุนที่ปกครองประเทศกัมพูชานั้นปฏิเสธจะใช้กลไกนานาชาติสำหรับแก้ไขปัญหาอาณาเขตเกาะกูด
สำหรับเอกสารใหม่ของนายเมนพบว่าเป็นชุดเอกสารที่อ้างสิทธิในเกาะกูด โดยเริ่มตั้งแต่พระราชกฤษฎีกาของเฮง สำริน ปี ค.ศ.1982 อ้างว่าเกาะกูดยังเป็นของกัมพูชา
โดยในแผนที่ที่แนบมาพร้อมกับกฎหมายดังกล่าว มีการอ้างพรมแดนทางทะเลกัมพูชา-ไทย จากด่านพรมแดนบน ลากไปยังจุดเหนือสุดที่เกาะกุด
นายเมนกล่าวต่อไปโดยย้ำว่าพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการแบ่งเขตทะเลและก้นทะเล ค.ศ.1982 นั้นลงนามโดยนายเฮง สัมริน อดีตผู้นำรัฐบาลกัมพูชาช่วง ค.ศ.1979-1993
นายเมนกล่าวต่อไปว่าเอกสารนับตั้งแต่สมัยที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าอาณานิคมกัมพูชาสมัยพรรคการเมืองแสงคำของสมเด็จนโรดมสีหนุ สมัยของนายพลลอนนอล สมัยของพอลพต ผู้นำเขมรแดงและสมัยของเฮง สัมริน พบว่าเกาะกูดนั้นเป็นของกัมพูชามาโดยตลอด
อย่างไรก็ตามตัวเกาะกูดนั้นเพิ่งจะถูกตัดออกไปจากแผนที่ของกัมพูชา ซึ่งมีการแนบมากับบันทึกความเข้าใจหรือเอ็มโอยูปี 2544 โดยผู้เซ็นเอ็มโอยูฝั่งกัมพูชาก็คือนายโสก อาน (Sok An) ตามคำสั่งของสมเด็จฮุนเซน เพื่อให้ไทยควบคุมเกาะกูด
นอกจากนี้ยังมีการอ้างวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกของสมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ ระบุว่าอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของเกาะกูดควรเป็นของกัมพูชา

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา