
‘ชัชชาติ’ สั่งการ กทม.ประสาน ตำรวจ ปปป.-จนท.ป.ป.ช.-ปปป. รวบนายช่างโยธาพระโขนง คาเงินของกลาง 2 แสนบาท ปปป.แถลงพฤติการณ์เจ้าตัวเรียกรับเงิน 4.6 แสนแลกออกใบอนุญาตสร้างคอมมูนิตี้มอลล์ย่านพระโขนงมูลค่า 200 ล้าน ก่อนฝ่ายผู้เสียหายต่อรองมาเหลือ 4.2 แสน พบมีการใช้บัญชีญาติรับเงินอีก 2 หมื่น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าวันนี้ (23 ม.ค.) ในช่วงเวลาเวลา 10.30 น. พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.เพิ่มวุฒิ ประทุมราช ผกก.1 บก.ปปป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ปปป.สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.และ ป.ป.ท. ซ้อนแผนบุกเข้าจับกุมตัว นายปัญญา นาคแดง อายุ 31 ปี นายช่างโยธาปฏิบัติงาน สำนักงานเขตพระโขนง
ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ข้อหา “เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับประโยชน์โดยมิชอบ, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ,เป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ฯ เป็นเจ้าพนักงานของรัฐเรียกรับทรัพย์สินโดยมิชอบ” ขณะกำลังเรียกรับเงินสินบนจากผู้ประกอบการ โดยจับกุมตัวได้ภายในห้องทำงานสำนักงานเขตพระโขนง พร้อมตรวจยึดเงินสดของกลางจำนวน 2 แสนบาท
สำหรับที่ไปที่มาของปฏิบัติการครั้งนี้สืบเนื่องจาก ก่อนหน้านี้มีผู้เสียหายรายหนึ่งเป็นผู้รับเหมาเขียนแบบก่อสร้างห้างคอมมูนิตี้มอลล์แห่งหนึ่งในพื้นที่เขตพระโขนง ว่า ถูก นายปัญญา ผู้ต้องหารายนี้ซึ่งมีตำแหน่งเป็นนายช่างโยธา เรียกเก็บเงินค่าออกใบอนุญาตการก่อสร้างอาคารโครงการดังกล่าวจำนวน 420,000 บาท ด้วยความกลัวว่าหากไม่ยอมจ่ายเงินตามข้อเรียกร้องจะถูกกลั้นแกล้งจนกระทบต่อการดำเนินการก่อสร้างโครงการ จึงยอมจ่ายเงินให้ก่อนจำนวน 220,000 บาท
จากนั้นจึงตัดสินใจนำเรื่องเข้าร้องเรียนกับทางกรุงเทพมหานคร เพราะมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ก่อนที่ทาง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะสั่งการให้ พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร. เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมประสานข้อมูลร่วมกับตำรวจ บก.ปปป. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เพื่อกวาดล้างเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง
จากนั้นไม่นาน นายปัญญา ก็ได้ติดต่อมายังผู้เสียหายอีกครั้ง เพื่อทวงถามเงินส่วนที่เหลืออีก 2 แสนบาท เมื่อปรากฎข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำผิดแน่ชัด ทางพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปปป. จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ พร้อมวางแผนให้ผู้เสียหายนำเงินส่วนที่เหลือไปส่งมอบ ก่อนกระจายกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ กระทั่งเมื่อเห็นผู้ต้องหารับมอบเงินจากผู้เสียหายแล้ว จึงตัดสินใจนำกำลังบุกเข้าจับกุมตัวได้พร้อมกับเงินสดของกลางดังกล่าว
อย่างไรก็ตามสำหรับคดีดังกล่าว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างนำตัวผู้ต้องหาขยายผลตรวจค้นหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมในห้องทำงาน ก่อนเตรียมคุมตัวมาสอบปากคำยังกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(บก.ปปป.)















ต่อมาในช่วงบ่ายวันนี้ที่กองบังคับการ ปปป.ได้มีการแถลงข่าวกรณีเรียกรับเงิน โดยพล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า สำหรับภารกิจบุกจับในครั้งนี้ เป็นผลมาจากเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.ได้รับเรื่องมีผู้เสัยหาย ที่ยื่นขออนุญาตสร้างอาคารพาณิชย์ 1 ชั้น จำนวน 7 อาคาร บนเนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ มูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท โดยยื่นเรื่องต่อนายปัญญา
ซึ่งตามระเบียบต้องเสียค่าธรรมเนียมการขออนุญาตก่อสร้างเพียง 20 บาท ต่ออาคาร และเสียค่าธรรมเนียมตรวจแบบ 50 สตางค์ ต่อตารางเมตร รวมค่าธรรมเนียมที่ผู้เสียหายต้องจ่ายคิดเป็นเงินประมาณ 3,900 บาท แต่กลับถูกนายปัญญาสั่งให้แก้แบบแปลนเรื่อยมาหลายครั้ง จนกระทั่งวันที่ 31 ตุลาคม 2567 นายปัญญาแจ้งให้ผู้เสียหายจ่ายเงินเพื่อแลกกับใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร 460,000 บาท ผู้เสียหายต่อรองลดลงเหลือ 400,000 บาท และจ่ายเงินให้ก้อนแรกเป็นเงินสด จำนวน 200,000 บาท ที่โต๊ะทํางานของนายปัญญา และ โอนเข้าบัญชีม้า 20,000 บาท ก่อนจะนัดหมายจ่ายเงินส่วนที่เหลืออีกครั้งในวันนี้
“จากข้อมูลการสืบสวนเบื้องต้นสันนิษฐานว่ามีผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการนี้เพิ่มเติม อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเอาผิด ส่วนสมุดบัญชีม้าที่รับโอนเงินจำนวน 20,000 บาททราบว่าเป็นเครือญาติของผู้ต้องหา ขณะที่การสอบปากคำ นายปัญญา ยังคงให้การปฏิเสธ อ้างว่าเงินจำนวนที่รับมาเป็นค่าดำเนินการต่างๆ ส่วนจะได้รับการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนหรือไม่อยู่ที่พนักงานสอบสวนเป็นผู้พิจารณา”
ขณะที่ พ.ต.ท.สิริพงษ์ กล่าวว่า ปัญหาการเรียกรับเงินการขออนุญาตก่อสร้าง จากนายช่างโยธา ที่ผ่านมามีเรื่องร้องเรียนเป็นจำนวนมาก โดยตามหลักเกณฑ์แล้วจะต้องขออนุญาตให้แล้วเสร็จภายใน 165 วัน แต่พฤติกรรมของนายช่างส่วนใหญ่จะขยายเวลาเพื่อดึงเรื่องไว้เรียกรับเงิน อีกทั้งยังมีเรื่องการพิจารณาหรือเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มนายทุน ที่เป็นเครือข่ายหรือคนรู้จักของตัวนายช่างเอง และกรณีรับเขียนแบบ เพื่อให้การขออนุญาตเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น เรื่องเหล่านี้ทาง ป.ป.ท. และ ป.ป.ช.ได้ร่วมกันลงพื้นที่ทั่วประเทศ กว่า 27 จังหวัด ที่พบปัญหาการเรียกรับเงินบ่อยครั้ง เพื่อรายงานต่อคณะรัฐมนตรีเสนอแนวทางแก้ปัญหาอย่างรูปประธรรม ออกมาตรการซึ่งมีทางกระทรวงมหาดไทย เป็นเจ้าภาพ โดยเบื้องต้นเสนอแนวทางการแก้ปัญหาโดยใช้ระบบ e-service ซึ่งเป็นระบบการขออนุญาตผ่านออนไลน์ เพื่อลดการพบเจอระหว่างผู้ขออนุญาต และนายช่างโยธา โดยบังคับใช้ทั่วประเทศ
น.ส.เต็มศิริ กล่าวว่า สำหรับในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปัญหาที่มีเรื่องร้องทุกข์เกี่ยวกับการเรียกรับเงินมากที่สุด เป็นฝ่ายโยธาของสำนักงานเขตต่าง ๆ ส่วนอันดับที่รองลงมาเป็นฝ่ายเทศกิจ ทางกรุงเทพมหานคร จะต้องวางมาตรการอย่างเด็ดขาด และผลักดันให้ใช้ระบบ e-service ในการขออนุญาตในเรื่องต่างๆ เพื่อลดปัญหาการทุจริตในภาครัฐต่อไป



Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา