
ซีอีโอ OR คนใหม่ โชว์วิสัยทัศน์ ชู 3 เสาหลัก ‘Seamless Mobility-All Lifestyles-Global Market’ ปลุกความเชื่อมั่น ‘นักลงทุน’-ฟื้นฟูราคาหุ้น เดินหน้าเสริมแกร่งธุรกิจ Mobility บุก ‘นอนออยล์’ ขยายการเติบโตไปใน ‘อาเซียน’ ตั้งเป้าดึงมาเก็ตแชร์กลับมาที่ 30-35%
.............................................
เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR แถลงวิสัยทัศน์และทิศทางการดำเนินธุรกิจของ OR เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OR คนใหม่ โดยระบุว่า จะเดินหน้าสานต่อวิสัยทัศน์ ‘Empowering All toward Inclusive Growth’ หรือ ‘เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน’ ต่อไป เนื่องจากเป็นวิสัยทัศน์ที่ดีอยู่แล้ว
“วิสัยทัศน์ยังเหมือนเดิม เพราะเวลาที่มีการเปลี่ยนวิสัยทัศน์ทีไร จะต้องมีการสื่อความกับบอร์ด สื่อความกับพนักงาน และผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ กว่าจะทำความเข้าใจกันได้ ก็ต้องใช้เวลา 6 เดือน ถึงปีหนึ่ง ถ้าเปลี่ยนบ่อยๆ จากเดิมที่เข้าใจกันอยู่แล้ว พอเปลี่ยนปุ๊บ ก็ต้องทำความเข้าใจกันใหม่
และผมเห็นว่าวิสัยทัศน์ที่ว่า ‘เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน’ ดีอยู่แล้ว คือ OR มีหน้าที่เติมเต็มโอกาส และในการเติบโตนั้น เรามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อ stakeholder ต่อผู้ถือหุ้นของเรา เราจึงต้องเติบโต แต่ที่สำคัญ คือ เราเป็นหนึ่งในบริษัทไทย เราต้องเติบโตร่วมกันกับคนไทย” ม.ล.ปีกทอง กล่าว
ม.ล.ปีกทอง ระบุว่า “ทุกคนมองว่า ธุรกิจน้ำมัน แย่แน่นอน profit margin ไม่เยอะ น้อยมาก แล้วยังโดน regulation กำกับอีกต่างหาก ทุกคนจึงมองว่า ความหวังของเรา คือ ธุรกิจ Lifestyles ธุรกิจ Non-Oil เพราะมองว่า profit margin สูงมาก คือ 25-30% ทุกคนก็ดีใจใหญ่เลยว่า เราควรจะลงเยอะๆ
แต่ในยุคใหม่หรืออย่างน้อยในยุคนี้ ผมคิดว่า ทั้งสองเรื่องต้องไปด้วยกัน ธุรกิจ Non-Oil ต้องเป็นแม่เหล็กดึง traffic เข้ามาในสถานีฯ เพื่อเพิ่มมาเก็ตแชร์ ขณะเดียวกัน มีความสัมพันธ์กันอย่างชัดเจนว่า มาเก็ตแชร์ และ traffic จะเป็นตัวที่เอาเวลาของคนเข้ามาใช้ในพื้นที่ของเรา เพื่อที่เราจะสร้างความแข็งแกร่ง และให้บริการที่ดีสำหรับลูกค้าทุกคน”
ม.ล.ปีกทอง ย้ำว่า “OR มีความเป็นรัฐวิสาหกิจ จึงต้องมีมากกว่าการเป็น profit making organization โดยหน้าที่หนึ่งที่สำคัญ คือ เรามีหน้าที่ดูแลความมั่นคงด้านพลังงาน ต้องทำให้มีน้ำมันพอเพียงที่จะใช้ในประเทศ ราคาที่เป็นธรรม จับต้องได้ และเข้าถึงได้ทุกกลุ่มลูกค้า ไม่ใช่เฉพาะลูกค้าพรีเมียม”
ม.ล.ปีกทอง ยังกล่าวด้วยว่า “เหตุผลที่ผมสมัครตำแหน่งนี้ (ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริหาร OR) คือ ทำไมถึงไม่มีใครมั่นใจใน OR เลย ผมก็คือ คน ปตท.คนหนึ่ง ตอน IPO หุ้น OR อยู่ที่ 30 กว่าบาท แต่ทำไม ยิ่งเราพัฒนาตัวเอง หุ้นยิ่งตก ผมจึงคิดว่า เราต้องมาช่วยกันไหม ในการทำให้คนภายนอก นักลงทุนต่างๆ มั่นใจใน OR มากขึ้น
มั่นใจในความสามารถของคนในกลุ่ม ปตท. เพราะว่า ถ้าหุ้นมันตกอย่างนี้ แสดงว่าเขาไม่มั่นใจ ผมจึงมีหน้าที่ทำให้ทุกคนใน ปตท. มีเป้าหมายร่วมกัน ทำงานร่วมกัน เพื่อทำให้ข้างนอกมองว่า บริษัทนี้ มีคนเก่งและคนดี จะได้มีความไว้วางใจเรามากขึ้น นี่คือสาเหตุเดียวที่มาสมัคร และถ้าจะเอากลับมาเป็นเหมือนเดิม ก็ต้องทำงานหนัก”

@3 พันธกิจเสริมแกร่ง OR-ใช้ Digitalization ขับเคลื่อน
ม.ล.ปีกทอง กล่าวต่อว่า ภายใต้วิสัยทัศน์ Empowering All toward Inclusive Growth นั้น OR จะมุ่งเน้นเสริมสร้างความแข็งแกร่งใน 3 พันธกิจสำคัญ ได้แก่ Seamless Mobility , All Lifestyles และ Global Market โดยมี Digitalization & Innovation เป็นตัวขับเคลื่อน
“เราจะใช้ pillar หลักๆ 3 อัน ได้แก่ การเป็น Mobility Partner หรือ Seamless Mobility คือ เป็นพาร์ทเนอร์ในการเดินทางของคน อันที่สอง เราจะก้าวไปสู่ธุรกิจที่เชื่อมโยง คือ ธุรกิจ Lifestyles และอีกอย่าง ประเทศไทยไม่ได้ใหญ่มาก จึงถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องเติบโตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
โดยมีตัวเชื่อมของทุกสิ่ง คือ Digitalization & Innovation โดยบริษัทนี้จะต้องขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ข้อมูลจะเป็นสิ่งที่จะนำปรับกระบวนการการทำงาน เพื่อทำให้ระบบต่างๆ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และใช้ Digitalization และ data analytics มาใช้หาโอกาสในการลงทุน” ม.ล.ปีกทอง กล่าวสรุป พร้อมทั้งขยายความในแต่ละพันธกิจ ดังนี้
สำหรับพันธกิจแรก Seamless Mobility OR จะมุ่งเสริมความเป็นผู้นำในธุรกิจน้ำมันผ่านการขยายเครือข่ายสถานีบริการและเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการพัฒนาสู่พลังงานทางเลือก เช่น สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Station PluZ และการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ โดยใช้กลยุทธ์ Thailand Mobility Partner ในการเปลี่ยนผ่านจากธุรกิจน้ำมัน (Fossil Based) สู่ธุรกิจพลังงานแบบผสมผสาน (New Energy-Based)
“ค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบโลจิสติกส์ การเก็บสินค้าคงคลัง หรือสินค้าคงคลังที่อยู่ระหว่างจัดส่ง เมื่อดูระยะเวลาระหว่างการซื้อถึงการขายผลิตภัณฑ์ ผมดูแล้ว เราน่าจะปรับปรุงได้อีก ซึ่งการปรับปรุงนี้ ไม่ใช่การปรับปรุงเพียงเพื่อเพิ่มกำไรให้ OR อย่างเดียว เพราะถ้าปรับปรุงได้ ทุกคนในประเทศ คนไทยจะได้อานิสงส์เช่นกัน
และเนื่องจากยุคนี้เป็นยุคของการใช้ data analytics เราจำเป็นต้องใช้ data analytics มาวิเคราะห์ว่า จุดอ่อนเราอยู่ตรงไหน ไม่ใช่จุดอ่อนที่มาจากความรู้สึก แต่ต้องเป็นจุดอ่อนที่มาจากข้อมูลที่พิสูจน์แล้ว ต้องแบ็คอัพด้วยข้อมูล การปิดจุดอ่อนก็ดี การปรับปรุงอะไรก็ดี ต่อไปนี้จะต้องเป็น Data Proven
หรืออย่างบริการ FIT Auto สำหรับเรา คือ การเติมเต็มสถานี สถานีเราเป็นสถานีบริการน้ำมันและเชื้อเพลิง จะมีบริการต่างๆที่คนคาดหวังเข้าไปอยู่ในสถานีฯ ซึ่งธุรกิจ FIT Auto เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรายืนยันตัวตนได้ว่า เราเป็น Mobility Partner ของคน แต่ที่ผ่านมา ก็ยังไม่เป็นดั่งใจที่คิด เราจึงต้องมาดูว่า เราจะวางตำแหน่งสินค้าตัวนี้อย่างไร
ขณะเดียวกัน ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มาเก็ตแชร์ของเราตก คู่แข่งมีมากขึ้น และอย่างที่พูดไปแล้ว มาเก็ตแชร์ คือ จำนวนคนที่เข้ามา ยิ่งคนเข้ามา มาเก็ตแชร์ยิ่งดี และยอดขาย Non-Oil ในสถานีต่างๆ ก็จะยิ่งดีตามไปด้วย ดังนั้น ถ้า Non-Oil ของเรา เป็นแม่เหล็กที่จะดึงคนได้ ก็ส่งส่งเสริมให้มาเก็ตแชร์ ยิ่งเข้ามามากขึ้น
และผมได้คุยกับผู้บริหารหลายคน เขาไม่ค่อยชอบกระบวนการลดราคา ซึ่งพื้นฐานในการทำตลาดบอกว่า ถ้าคิดอะไรไม่ออกให้ลดราคาเพื่อดึงลูกค้า แต่นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราจะทำ สิ่งที่เราควรทำในฐานะ OR คือ ใช้ความแข็งแกร่ง ใช้ ecosystem ที่มี ดึงลูกค้า ซึ่งการบริหาร ecosystem อย่างบูรณาการ จะทำให้ OR น่าสนใจ” ม.ล.ปีกทอง ระบุ
พันธกิจที่สอง All Lifestyles คือ มุ่งเสริมความแข็งแกร่งของ Café Amazon ตลอด Value Chain พร้อมแสวงหาโอกาสการลงทุนร่วมกับพันธมิตรในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงเริ่มศึกษาธุรกิจ Health & Wellness ที่มีโอกาสเติบโตสูง ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์กระจายพอร์ทการลงทุน (Diversify Portfolio)
“คนที่เข้าร้าน Café Amazon คือ คนที่ไปซื้อกาแฟ ซึ่งผมเทียบประสบการณ์ของตัวเองกับร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เขามีอัลกอริทึมในการวางของ เราจะต้อง unlock มูลค่าของพื้นที่ที่เรามีอยู่ให้มากที่สุด unlock ว่า เราจะวางของอย่างไรให้น่าสนใจ และสั้นที่สุด ฉะนั้น เราก็ต้องพึ่งข้อมูลต่างๆที่จะยืนยันได้ว่า อะไรควรอยู่ตรงไหน และในเวลาไหน
ส่วน OR Space (ศูนย์การค้าแนวใหม่นอกสถานีบริการน้ำมัน) เราวางแนวคิดว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ OR Space จะเป็นสิ่งที่จะมารองรับการเปลี่ยนแปลงจากการใช้น้ำมันของคน ไปยังการใช้รถไฟฟ้าให้มากขึ้น ดังนั้น เราจึงต้องทำให้ OR Space เป็นพื้นที่ที่น่าสนใจ
อีกทั้งเราเองได้เปลี่ยนกลยุทธ์ในเรื่องสถานีชาร์จ ซึ่ง EV charger เป็นเรื่องที่ดี แต่ผมคิดว่า สำหรับเรา มันคือโอกาสที่จะทำให้คนเข้ามาใช้เวลากับ OR เพราะเวลาในเติมน้ำมันจะอยู่ที่ 5 นาที แต่ถ้าเติมไฟฟ้าใช้เวลา 30 นาที หรือถ้ารอคิวด้วยจะใช้เวลา 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ฉะนั้น EV charger จะเป็นตัวที่ทำให้คนมาใช้เวลากับเรา” ม.ล.ปีกทอง กล่าว
พันธกิจที่สาม Global Market ให้ความสำคัญกับการลงทุนในประเทศที่มีศักยภาพสูง โดยมีแผนลงทุนเพื่อสร้างความเข้มแข็งในโครงสร้างพื้นฐานในต่างประเทศ
“ประเทศไทยไม่ใหญ่ และค่อนข้างเล็ก เท่ากับ 1 รัฐในอเมริกา ฉะนั้น โอกาสทางธุรกิจของเรา เราต้องเอาความสำเร็จของ OR ความได้เปรียบของ OR และตำแหน่งที่ตั้งของประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรามีถนนหนทางดีกว่า มีรถไฟดีกว่า ระบบท่อก๊าซ ท่อน้ำมัน สายไฟ ทุกอย่างดีหมด
แถมเรามีกำลังการกลั่นน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรล/วัน เราสามารถเป็นศูนย์กลางที่จะให้บริการในภูมิภาคได้ strategy ของเรา คือ ใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเพื่อการส่งออก ซึ่งเราต้องหาประเทศที่เราจะไปบุก โดยใช้จุดแข็งของประเทศไทยและกลุ่ม ปตท. ทำให้ประเทศไทยเป็นฮับที่จะส่งออกไปในภูมิภาค
ที่สำคัญ mindset เรา เราไม่ได้ไปลงทุนเพื่อเอากำไรกลับมาอย่างเดียว ประเทศไทยเรามีสถานีบริการ 2,000 กว่าสถานี Café Amazon กว่า 4,500 ร้าน มีชุมชนที่เกี่ยวข้อง 17,000 แห่ง และมีคนเกี่ยวข้องกว่า 1 ล้านคน หน้าที่เรา คือ ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนเหล่านี้ดีขึ้นไปด้วย เหมือนกันเลย เราจะใช้ mindset นี้ ในการต่างประเทศด้วย ถ้าเราสามารถทำให้เขาโตได้ ทำให้เขามีความสุขได้ เราก็จะโตไปด้วยในที่สุด” ม.ล.ปีกทอง กล่าว
ม.ล.ปีกทอง ยังระบุว่า ในด้านการขับเคลื่อนธุรกิจ OR จะมุ่งเน้นการใช้ Digitalization & Innovation เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ โดยที่ผ่านมา OR ถือเป็นบริษัทแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นำระบบ SAP S/4 HANA มาใช้ในอุตสาหกรรมน้ำมันและค้าปลีก พร้อมพัฒนา Control Tower Dashboard เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและตัดสินใจทางธุรกิจ
“Digitalization เป็นเทรนด์ในปัจจุบัน เป็นความจำเป็นในปัจจุบัน ที่จะทำให้เรามีความสามารถในการแข่งขัน และแข่งกับคนอื่นได้ ซึ่ง mindset ของเรา คือ Digitalization จะต้องบูรณาเข้ากับการปฏิบัติการทั้งหมด ข้อมูลจะต้องเรียลไทม์ และมีการเชื่อมโยงระหว่าง Oil และ Non-Oil เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจ และสร้างความสมดุลในระบบ
ยกตัวอย่างง่ายๆ สมมติว่า ถ้าลดราคาน้ำมัน 50 สตางต์ต่อลิตร ผมจะต้องมีวิธีว่า ecosystem ทั้งหมด เช่น ร้านค้า และการลงทุนทั้งหมด จะต้องได้กำไรอย่างน้อย 1 บาท จะมีวิธีที่บอกว่าเมื่อมีการ action แล้ว reaction จะต้องเป็น positive reaction สำหรับ OR” ม.ล.ปีกทอง กล่าว
ม.ล.ปีกทอง ระบุด้วยว่า OR พร้อมต่อยอดนโยบาย OR SDG ที่มุ่งสร้างสมดุลในทุกมิติ ทั้งด้าน S : Small คือ การสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อย ด้าน D : Diversified คือ การลงทุนในธุรกิจที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลักของ OR และ ด้าน G : Green คือ การดูแลสิ่งแวดล้อม โดยที่ผ่านมา OR ได้สร้างผลงานที่โดดเด่น
อาทิ การยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนผ่านโครงการไทยเด็ด การสนับสนุนผู้เปราะบางทางสังคมผ่าน Café Amazon for Chance รวมถึงการติดตั้ง Solar Roof ในสถานีบริการ PTT Station ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมตั้งเป้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2030 และ Net Zero ในปี 2050
นอกจากนี้ OR จะมุ่งเน้นการขับเคลื่อนองค์กรอย่างรอบด้าน พร้อมผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น Oil Hub แห่งภูมิภาค ด้วยการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ครบวงจร ทั้งการเชื่อมโยงเครือข่ายด้านน้ำมันระหว่างประเทศ และการสร้าง New Magnet เพื่อยกระดับระบบนิเวศทางธุรกิจให้แข็งแกร่ง สอดคล้องกับวิสัยทัศน์การเติมเต็มโอกาส เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันอย่างมั่นคงและยั่งยืน
“การขับเคลื่อนองค์กรในยุคที่มีความท้าทาย จะต้องสร้างความแข็งแกร่งจากภายใน ควบคู่ไปกับการสร้างการเติบโตในทุกมิติ และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การปรับแนวความคิดการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักการ 'They grow We grow' โดยจะสร้างความเชื่อมั่นและการสื่อสารที่ใกล้ชิดผ่านโครงการ 'CEO on tour' เพื่อพบปะพูดคุยกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ พนักงาน พันธมิตร นักลงทุน และสื่อมวลชน” ม.ล.ปีกทอง ระบุ
ม.ล.ปีกทอง ระบุว่า ได้เปิดตัว Facebook Fanpage "ต้น ปีกทอง-Tone Peekthong" อย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูล เพราะ OR เดินคนเดียวไม่ได้ ต้องรับฟังความเห็นของคนรอบข้างด้วย และนี่จะเป็นวิธีที่ OR เติบโตต่อไปในอนาคต
(ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่)
@‘ซีอีโอ’ตั้งเป้าแย่ง‘มาเก็ตแชร์’กลับไปที่เดิม 30-35%
เมื่อถามว่า จะทำให้อย่างไรให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการของ OR มากขึ้น ม.ล.ปีกทอง กล่าวว่า “ถ้าเรามองย้อนกลับไป 15-20 ปีที่แล้ว ปั๊มน้ำมันจะเหมือนหมด โดยเราไปซื้อ Jet เราปรับปรุงภาพลักษณ์ เราเปลี่ยนจาก gas station เป็น Life Station เป็นปั๊มที่ห้องน้ำก็สะอาด เป็น one-stop service มีร้านคอนวีเนียนสโตร์
แต่ 15 ปีผ่านไป สิ่งนี้มันก๊อปปี้ ทุกคนก๊อปปี้ได้หมด ฉะนั้น เป็นหน้าที่ของเราที่จะใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่เรามี ที่จะบูรณาการข้อมูลและฟังก์ชั่นต่างๆ ของการลงทุน Life Station ก็ดี OR Space ก็ดี ในการดึงลูกค้า แต่ถ้าตอบหมดเลย เดี๋ยวคนอื่นก็รู้ ขอให้คอยดูก็แล้วกัน
นี่คือคอนเซ็ปง่ายๆ คือ เราต้องกระโดดหนี โดยใช้ความได้เปรียบของเรา ซึ่งความได้เปรียบของเรามีเยอะ เพราะเราใช้กลยุทธ์อะไร คนอื่นก็ก๊อปปี้ เราต้องใช้ในสิ่งที่คนอื่นก๊อปปี้ไม่ได้ ซึ่งมีเวลา 2 ปีกว่าๆ ที่จะดึงมาเก็ตแชร์คืนมาจากคู่แข่ง โดยปีนี้เราตั้งเป้าว่ามาเก็ตแชร์ของ OR จะกลับไปที่เดิม คือ 30-35%”
เมื่อถามว่า OR มีวิธีการอย่างไรที่จะทำให้ EBITDA โต 10% และจะเป็นการเติบโตแบบ organic growth หรือ inorganic Growth ม.ล.ปีกทอง กล่าวว่า “เมื่อถามว่า จะโตอย่างไร อันนี้เป็นสิ่งคิดมาโดยตลอด ปตท. โตโดย inorganic Growth เป็นหลัก และ ปตท. จะโตในช่วงที่มีวิกฤติ โดยทุกครั้งที่มีวิกฤติ ให้ไปดูได้เลยว่า ปตท.โตอย่างก้าวกระโดด โดยใช้จุดแข็งและความได้เปรียบของเรา ในแง่ของทรัพยากรต่างๆ เช่น การระดม แต่ที่สำคัญ คือ คนเราพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้า”
ส่วนในเรื่องการตั้งด้อยค่าฯของ OR นั้น ม.ล.ปีกทอง กล่าวว่า เมื่อ OR เลือกลงทุนในธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง แต่ปรากฏว่าไม่เป็นดังที่วางแผนไว้ OR ก็ต้องออกโดยเร็ว ไม่ใช่ยื้อไปเรื่อยๆ และมี Loss ทุกปี ซึ่งการด้อยค่าจะช่วยให้ OR ประหยัดในสิ่งที่จะ Loss ทุกปี เพราะหากไม่ทำอะไรเลยจะ Loss มากกว่านี้
เมื่อถามว่า หากรัฐบาลต้องการให้ OR ลดราคาน้ำมัน OR จะมีวิธีบริหารจัดการอย่างไร ม.ล.ปีกทอง กล่าวว่า จะต้องมีการสื่อความกันก่อน เพราะโดยส่วนตัวแล้ว ไม่เชื่อว่าการลดราคาน้ำมันจะเป็นสิ่งที่ดี เนื่องจากประเทศไทยผลิตน้ำมันได้น้อยมาก ไม่เกิน 15% ของความต้องการในประเทศ ดังนั้น คนไทยควรตระหนักถึงประเด็นนี้ว่า เงินทุกบาททุกสตางค์จะออกไปนอกประเทศหมดเลย
“สิ่งแรก คือ ราคา ควรเป็นราคาตลาด เพื่อทำให้คนไทยประหยัด ซึ่งการลดราคา แม้จะทำให้เราจ่ายน้อยลง แต่การที่เราประหยัด เราเองก็จ่ายน้อยลงเช่นกัน และเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่ามากขึ้น แล้วประเทศก็ประหยัด ไม่ต้องเสียดุลการค้า” ม.ล.ปีกทอง กล่าว
ม.ล.ปีกทอง กล่าวว่า ในปี 2568 OR จะต้องลงทุนตามข้อผูกพันที่ให้ไว้ตอน IPO โดยจะที่เหลืออยู่ ซึ่ง OR จะนำไปลงทุนในส่วนธุรกิจ Mobility และธุรกิจ Lifestyles เป็นหลัก รวมทั้งมีการลงทุนในธุรกิจต่างประเทศ โดยจะเน้นหนักไปที่ธุรกิจ Mobility เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจ Mobility เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่ของ OR มาจากน้ำมัน
สำหรับในปี 2568 OR จะมีการลงทุน 1.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่หรือประมาณ 7,600 ล้านบาท จะเป็นการลงทุนธุรกิจ Mobility และลงทุนในธุรกิจ Lifestyles ประมาณ 7,300 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะเป็นลงทุนในธุรกิจ Global โดยเน้นประเทศที่ใกล้กับประเทศไทย เช่น กัมพูชา และ Innovation ทั้งนี้ คาดว่ารายได้ของ OR จะเติบโตตามจีดีพีของประเทศไทย คือ 2-3% แต่มีบางปีที่รายได้ของ OR เติบโตได้ 3-4%

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา