ปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เผย กฤษฎีกา คณะพิเศษ ชุด วิษณุ เครืองาม ปรับ ร่างพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร คืบหน้า ครบกำหนด 50 วัน - เข้าครม. ต้นเดือนมีนาคม สาระสำคัญคงเดิม-กำหนดพื้นที่กาสิโนชัดเจน ไม่เกิน 10 % โอด ฝ่ายข้าราชการประจำทำตัวเป็นฝ่ายบริหาร ไม่ถูกต้อง เพราะไม่มีอำนาจ-อย่ามากดดัน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ของคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษ ที่มีนายวิษณุ เครืองาม เป็นประธาน ว่า การพิจารณาจะครบกำหนด 50 วัน ประมาณต้นเดือนมีนาคม 2568 ซึ่งกรอบระยะเวลา 50 วัน รวมถึงเข้าตอนการนำร่างพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนส่งไปให้รัฐสภาพิจารณา พยายามทำให้เร็ว ไม่มีปัญหาอะไร
“รอบแรกเป็นการพิจารณาในหลักการ เกลาถ้อยคำเบื้องต้น ตอนนี้อยู่ในช่วงของการปรับร่างฯ เรียกว่า วาระที่สอง ปรับในรายละเอียด และให้ฝ่ายเลขานุการไปปรับร่างฯมา ตอนนี้ปรับร่างฯไปได้เยอะแล้ว และเอาเข้าคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษไปแล้ว ซึ่งร่างฯค่อนข้างชัดเจนขึ้น”นายปกรณ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การแก้ไขร่างพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... เปลี่ยนไปจากร่างฯเดิมเยอะหรือไม่ นายปกรณ์กล่าวว่า “เยอะอยู่นะ”
เมื่อถามว่า เป็นการแก้ไขร่างฯในส่วนที่เป็นสาระสำคัญหรือไม่ นายปกรณ์กล่าวว่า ในสาระสำคัญยังคงเหมือนเดิม คล้าย ๆ เดิม
เมื่อถามว่า สัดส่วนการมีกาสิโนยัง 10 % เหมือนเดิมหรือไม่ นายปกรณ์กล่าวพร้อมกับหัวเราะ ว่า “พยายามถามเรื่องกาสิโนอยู่นั่นแหละ ผมทำ manmade destination”
เมื่อถามย้ำว่า ไม่มีการเขียนระบุชัดเจนเรื่องเปอร์เซ็นต์ใช่หรือไม่ นายปกรณ์กล่าวว่า ในเบื้องต้นคิดว่าจะมี ต้องมีกำหนดไว้ ตัวเลขยังไม่นิ่ง ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลว่า ต้องการให้มีกาสิโนกี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเดิมไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ โดยประมาณ ซึ่งขึ้นอยู่กับคณะกรรมการนโยบาย ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จะพิจารณาว่ากี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งต้องพิจารณาในแง่ของการลงทุนด้วย เพราะเขียนไว้ในร่างกฎหมายแล้วว่า บริษัทที่จะมาลงทุน เช่น ต้องมีทุนจดทะเบียน 1 หมื่นล้านบาท ต้องไปดูแผนที่ผู้ลงทุนจะเสนอเข้ามา
“ที่พยายามเรียกร้องกันผมเข้าใจดีถึงความสนใจในเรื่องนี้ของทุกภาคส่วน ของความห่วงใยของทุกภาคส่วน แต่ก็ต้องเข้าใจเรื่องระบบการทำงาน ไม่งั้นฝ่ายข้าราชการประจำจะไปทำตัวเป็นฝ่ายบริหาร ฝ่ายกำหนดนโยบายซะเอง ซึ่งมันไม่ถูกเรื่อง เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นในเรื่องของนโยบาย ต้องคุยกันในทางนโยบาย ไม่ใช่มากดดันที่กฤษฎีกาว่า จะยังงู้น ยังงี้ ผมไม่มีอำนาจหน้าที่อะไรขนาดนั้น”นายปกรณ์กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า หมายความว่า ถ้าหากจะต้องไปทำประชามติหรือไม่ขึ้นอยู่กับรัฐบาล นายปกรณ์กล่าวว่า “อยู่ที่รัฐบาลครับ ไม่ได้อยู่ที่ผมเลย ยืนยันมาโดยตลอด ผมยึดหลักการนี้มาโดยตลอด ในการตรวจทุกร่างกฎหมาย”
เมื่อถามว่า นักวิชาการกังวลในเรื่องการส่งเงินรายได้เข้ารัฐเป็นเงินแผ่นดิน นายปกรณ์กล่าวว่า แยกเป็นสองส่วน ส่วนที่เป็นค่าธรรมเนียม ค่าใบอนุญาต โดยหลักกฎหมายวินัยการเงินการคลังแล้วเงินต้องเข้าหลวง และส่วนที่เป็นค่าบริการ
นายปกรณ์กล่าวว่า ส่วนวิธีการได้มาของบริษัทที่จะมีลงทุนจะเป็นอย่างไร ระหว่างเปิดประมูล หรือให้ใบอนุญาต รวมถึงการกำหนดสัดส่วนของกาสิโนไว้ไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ เพราะเป็นอำนาจของคณะกรรมการนโยบายในการกำหนด
รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรฯ ที่ ครม.อนุมัติหลักการนั้น ในร่างมาตรา 41 บัญญัติว่า ให้สถานบันเทิงครบวงจรตั้งอยู่ในบริเวณเขตพื้นที่ตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาเท่านั้น โดยจะต้องประกอบไปด้วยธุรกิจสถานบันเทิงตามบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัตินี้อย่างน้อยสี่ประเภท ร่วมกับกาสิโน ทั้งนี้ สัดส่วนพื้นที่ของกาสิโนในสถานบันเทิงครบวงจร ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด แต่ไม่ได้กำหนดตัวเลขชัดเจนว่า พื้นที่กาสิโนต้องกี่เปอร์เซ็นต์