ที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ ใช้เวลาประชุมนานกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนเลื่อนลงมติว่าจะรับหรือไม่รับ ‘คดีเลือกสว.’ ไว้เป็นคดีพิเศษหรือไม่ นัดใหม่ในวันที่ 6 มีนาคม 2568 เตรียมเชิญ อิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. ร่วมหารือสรุปว่าจะเอาคดีเลือกตั้งไปดำเนินการเองหรือไม่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ที่กระทรวงยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวง (รมว.) กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เป็นประธานการประชุม กคพ. เพื่อพิจารณาระเบียบวาระที่ 4.3 การพิจารณาเพื่อมีมติให้คดีความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) แห่งพระราชบัญญัติการสวบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 เรื่องสืบสวนที่ 151/2567 กรณี ร้องขอให้ตรวจสอบกระบวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2567 โดยประธานในที่ประชุมได้สั่งการให้ฝ่ายเลขานุการ กคพ. หยิบเรื่องดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาก่อนเป็นวาระแรก
ทั้งนี้ มีกรรมการ กคพ. 3 คน ลาการประชุม ประกอบด้วย พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กรรมการโดยตำแหน่ง และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 2 คน คือ พลตำรวจเอก สุทิน ทรัพย์พ่วง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสอบสวนคดีอาญา และ พลตำรวจโท สำราญ นวลมา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
นายภูมิธรรมกล่าวก่อนการประชุม กคพ. ว่า การพิจารณาในระเบียบวาระดังกล่าว เป็นวาระที่สำคัญที่ถูกจับตามมองจากสาธารณะชน อยากให้ที่ประชุมพิจารณาด้วยความชอบธรรม
“ประเด็นที่มีการวิพากวิจารณ์ภายนอกนั้น ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง ไม่เกี่ยวกับเรื่องพรรคการเมือง แต่เป็นเรื่องที่เราจะพิจารณาบนพื้นฐานที่ว่า ถ้าคดีนี้ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ข้อเท็จจริงก็เป็นที่ประจักษ์ให้เห็นว่ามีปัญหาและข้อกฎหมายมี เราก็จะเข้าสู่กระบวนการรับเป็นคดีพิเศษและไปดำเนินการ แต่ถ้าไม่ใช่ ไม่ชัด เราก็ต้องพิจารณาไปตามเนื้อผ้า”นายภูมิธรรมกล่าว
นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตนไม่ได้มีปัญหาหรือข้อขัดข้องอะไร แต่ที่สะเทือนใจตนอยู่บ้าง คือ ที่วิพากวิจารณ์กันว่าส่งผลกระทบกับสถาบันหลักของประเทศ เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง
“แต่ถ้าในทางปฏิบัติมันชัดเจนว่าไม่มีอะไร เราก็ต้องว่าไปตามนั้น ผมไม่อยากให้ใช้อารมณ์ความรู้สึกมาเป็นตัวกำหนดและตัดสิน ผมอยากให้ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ถ้ามันใช่ทั้งสองส่วน เราก็พิจารณาไปตามเนื้อผ้า”นายภูมิธรรมกล่าว
นายภูมิธรรมกล่าวว่า เหตุผลที่ตนยอมให้บรรจุเป็นวาระเพราะ มีการชี้แจงให้ตนฟัง รวมถึงพยาน จึงต้องมาแสดงให้กรรมการ กคพ. ทุกคนได้ดู ได้เห็นเป็นที่ประจักษ์ชัด เพื่อพิจารณาไปตามความเหมาะสมและถูกต้อง และอยากให้กรรมการทุกคนได้ออกความเห็นเต็มที่ ให้ตนในฐานประธานได้รับทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป
“ผมเชื่อมั่นในเกียรติยศและศักดิ์ศรีของกรรมการทุกคน อยากให้พิจารณาด้วยความเที่ยงธรรม และถูกต้องตามหลักกฎหมายและข้อเท็จจริง”นายภูมิธรรมกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง กคพ. ใช้เวลาในการพิจารณากว่า 3 ชั่วโมง ที่ประชุมได้เลื่อนลงมติรับหรือไม่รับ คดีฮั้วเลือกสว. ไว้เป็นคดีพิเศษ ออกไปเป็นวันที่ 6 มีนาคม 2568 โดยนายภูมิธรรม พร้อมด้วย พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ร่วมกันแถลงเหตุผลของการเลื่อนการประชุมในเบื้องต้นว่า จะมีการเชิญนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาประชุมร่วมกันในวันที่ 5 มีนาคมนี้ก่อน เพื่อหาข้อสรุปว่า กกต.จะรับดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 หรือไม่อย่างไร
นายภูมิธรรมแถลงว่า ที่ประชุมมีความเห็นที่หลากหลาย เต็มที่ในการพิจารณา ซึ่งส่วนใหญ่เห็นว่า เป็นความผิดในคดีอาญา เข้าข่าวข้อกฎหมายเกี่ยวกับการฟอกเงิน อั้งยี่ ซ่องโจร แต่ยังมีปัญหาที่เป็นข้อถกเถียงให้รอบคอบ เนื่องจากมีคดีเรื่องเลือกตั้ง ซึ่งยังไม่ได้รับความชัดเจนกับ กกต. เป็นเพียงหนังสือที่ส่งมาจากเลขาธิการกกต. ไม่ใช่มติของคณะกรรมการ กกต.
นายภูมิธรรมกล่าวว่า จึงต้องทำเนินการเรื่องนี้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อให้สิ้นข้อสงสัย ไม่มีปัญหาต้องมาชี้ว่า กระบวนการเป็นอย่างไร และคนที่แจ้งเรามาเป็นเพียงระดับเลขาฯ ไม่ใช่ตัวแทนกรรมการกกต.โดยตรง ซึ่งเราเกรงว่าจะไม่รอบคอบ หรือมีปัญหาได้ ที่ประชุมจึงให้ไปดำเนินการให้ครบถ้วน
"ครั้งนี้เลขาฯพิจารณาให้เป็นคดีเร่งด่วนจึงนำเข้ามาพิจารณาใน กคพ. แต่มีเสียงโต้แย้งบางส่วนว่า ไม่ผ่านกระบวนการที่มีอนุกลั่นกรองมา ถึงแม้ว่าอธิบดีดีเอสไอในฐานะเลขานุการ กคพ. จะชี้แจงว่า สามารถทำได้ แต่เนื่องจากมีความไม่ชัดเจน และเป็นคดีใหญ่ สังคมจับตาและคนสนใจ เราจึงอยากทำให้เรื่องนี้ชัดเจน โปร่งใส ครบถ้วนและรวดเร็วจึงมีมติให้ถอน เพื่อไปให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองของดีเอสไอ ไปดำเนินการพิจารณาให้ครบถ้วนตามขั้นตอน โดยขอเวลาประมาณ 1 อาทิตย์ เพื่อไม่ให้สังคมรู้สึกว่าเรายื้อหรือไม่อยากทำ ไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องและเป็นไปตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย จึงให้เรื่องไปที่คณะอนุกรรมการกลั่นกรอง เพื่อให้กรรมการสบายใจ ถูกต้องตามกระบวนการ ไม่มีข้อโต้แย้ง "นายภูมิธรรมกล่าว
นายภูมิธรรมกล่าวว่า จะมีการหารือกับนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้งในวันที่ 5 มีนาคม 2568 และจะประชุม กคพ. อีกครั้งในวันที่ 6 มีนาคม 2568 และจะเชิญประธานกกต. หรือผู้แทนที่มีอำนาจในนามคณะกรรมการกกต. มาเข้าร่วมประชุมด้วย ซึ่งวันนั้นจะมีข้อยุติเป็นที่สุด
"เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า คดีเลือกตั้ง กกต.จะทำหรือไม่ทำ เราก็จะถามให้ชัดเจนว่าท่านจะเอาเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกกต.ไปทำ หรือจะให้เราทำ ในคดีเลือกตั้งด้วย ถ้าให้เราทำ เราพร้อมทำทั้งหมด ถ้าขอเอาคดีเลือกตั้งไปทำเอง เราก็จะขอเอาคดีอาญาที่เกี่ยวข้องมาดำเนินการเอง"นายภูมิธรรมกล่าว
นายภูมิธรรมกล่าวว่า ประเด็นข้อกฎหมายที่ว่า อำนาจเป็นของใคร ที่ประชุมส่วนใหญ่เห็นว่า เมื่อเราเห็นว่ามีปัญหาและประชาชนสนใจ และมีข้อมูล รวมถึงการใช้ดุลพินิจของดีเอสไอที่ทำงานมา เกิดความชัดเจนว่า เรื่องนี้มีมูลอย่างไร และเรื่องนี้เกี่ยวกับสถาบันของชาติ คือ สถาบัญนิติบัญญัติ เราจึงใช้อำนาจอย่างระมัดระวัง ไม่ใช่ใช้อำนาจของฝ่ายบริหารไปแทรกแซง

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา