
ฝ่ายค้านตั้งคำถาม ‘บ้านเพื่อคนไทย’ ส่อไม่ตรงปก หลังข้อมูลหลายๆอย่างไม่ชัดเจน ทั้งแบบ รายละเอียด แผนงาน ด้าน ‘สุรพงษ์’ แจงไม่มีไม่ตรงปก แถมเกินปกด้วยซ้ำ ชี้มีการศึกษามาแล้ว ไม่ใช่เพิ่งทำ ส่วนการก่อสร้างเอาเงินจากไหนทำ คาดดึงเงินธอส.ที่ทำสินเชื่อมาใช้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม นายณัฐพงศ์ เปรมพูลสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) ถามนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประเด็นโครงการบ้านเพื่อคนไทย โดยนายสุริยะมอบหมายให้นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคมนาคม เป็นผู้ชี้แจง
นายณัฐพงษ์กล่าวว่า โครงการบ้านเพื่อคนไทย ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก โดยในวันเปิดตัวโครงการรเมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมเปิดตัวโครงการอย่างยิ่งใหญ่ มีการเปิดตัวบ้านตัวอย่างให้ประชาชนเข้าเยี่ยมชม ซึ่งมีห้องหลายแบบให้เลือก และมีเทคโนโลยีใหม่ๆให้ใช้งาน อาทิ โถส้วมไฟฟ้า เป็นต้น รวมถึงได้มีการเปิดตัวเว็บไซต์ลงทะเบียนแจ้งสิทธิ์อีกด้วย
ซึ่งทางรัฐบาลให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่า ในส่วนของเว็บไซต์มีคนเข้าไปถึงหลายสิบล้านครั้ง หลายสิบล้านคน แม้จะเป็นตัวเลขที่มีคนตั้งคำถาม แต่ก็เป็นตัวเลขที่เยอะมาก โดยคำถามที่มีในวันนี้ประกอบด้วย
1.รายละเอียดของโครงการเป็นอย่างไร ดำเนินการถึงขั้นตอนไหนแล้ว และคาดว่าพี่ประชาชนจะสามารถเข้าอยู่ได้ปีไหน เมื่อไหร่
@คนลงทะเบียน 2.5 แสนคน ผ่านเกณฑ์ 1.3 แสนคน
ด้านนายสุรพงษ์ตอบว่า โครงการบ้านเพื่อคนไทยเป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล มีเป้าหมายอยู่ที่ผู้มีรายได้น้อยไม่เกิน 50,000 บาท/เดือน เน้นที่กลุ่มวัยทำงาน สถานที่จะเลือกให้อยู่ใกล้กับจุดที่มีระบบขนส่งทางราง เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ประกอบด้วย 3 ส่วนคือ 1. ผู้พัฒนา ได้แก่ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และบริษัทลูกของ รฟท. ได้แก่ บจ.เอสอาร์ที เอสเสท (SRTA) มี รฟท.ถือหุ้น 100%
โดยข้อมูล ณ วันที่ 26 ก.พ. 2568 มีผู้เข้าชมเว็บไซต์ 78 ล้านครั้ง มีจำนวนผู้ลงทะเบียนประสงค์ขอใช้สิทธิ์ในโครงการ 259,258 คน ในจำนวนนี้แบ่งการแสดงสิทธิ์ในแต่ละพื้นที่นำร่อง ประกอบด้วย พื้นที่กม.11 ถ.วิภาวดีรังสิตจำนวน 173,171 คน, จ.เชียงใหม่ 35,465 คน, เชียงราก จ.ปทุมธานี 12,668 คน และบริเวณธนบุรี 37,954 คน โดยวิธีการของการดำเนินโครงการนี้ จะเป็นการหาดีมานด์ก่อน จากนั้นเมื่อได้จำนวนแล้ว จะส่งให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ตรวจสอบคุณสมบัติ ซึ่งตอนนี้มีผู้ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติเบื้องต้นประมาณ 137,000 คน
สำหรับคุณสมบัติเบื้องต้น ประกอบด้วย เป็นผู้มีสัญชาติไทย, บรรลุนิติภาวะแล้ว, มีรายได้ไม่เกิน 50,000 บาท/เดือน, ไม่เคยมีบ้านเป็นของตัวเอง และไม่เคยรับสิทธิ์ในโครงการนี้ มุ่งเน้นไปที่ผู้ที่ทำงานใหม่ (First Jobber) เป็นหลัก เพราะปัจจุบันรายได้ระดับผู้จบปริญญาตรี ไม่สามารถไล่ค่าใช้จ่ายทันและเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ วันนี้ รัฐบาลจึงให้โอกาสในการเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่สุขสบาย

@กังขาข้อมูลไม่ชัดเจน บ้านอาจไม่ตรงปก
นายณัฐพงษ์กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ มีเพื่อนสมาชิกบางท่านพยายามพิจารณาวาระบ้านเพื่อคนไทย เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ปรากฎว่ามีการขอเลื่อนการเข้าชี้แจงโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด ซึ่งให้เหตุผลว่าต้องการให้ข้อมูลหลังการแถลงข่าวหลังจากวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา จนกระทั่งเมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2568 จึงได้เริ่มพิจารณากัน ปรากฎว่า หน่วยงานไม่มีข้อมูลแน่ชัดในการชี้แจงทั้ง รฟท.และ SRTA ให้ข้อมูลสอดคล้องกันว่า การออกแบบยังไม่เสร็จ ในส่วนของอาคารจะมี 5 หรือ 8 ชั้นก็ได้ หรือว่าเรื่องของแบบตางๆก็ยังไม่ได้ออกแบบเรียบร้อย รวมถึงข้อมูลด้านตัวเลขต่างๆ ก็ยังไม่ได้มีการพิจารณาอย่างจริงจัง
ส่วนแบบห้องที่มีการเผยแพร่ออกไป ก็อาจจะคลาดเคลื่อนออกไป เพราะยังไม่ได้มีการออกแบบในรายละเอียดอย่างจริงจัง อาจจะทำให้ประชาชนเกิดความวิตกกังวลในการจองสิทธิ์ผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวได้ โครงการอาจจะไม่ตรงปก มีความชัดเจนเพียงเรื่องของทำเลที่ตั้งเท่านั้น แต่จะดำเนินการได้อย่างไร เพราะอย่างที่ธนบุรี ก็ไปทับบ้านพักคนงาน รฟท. ทำให้สงสัยว่า บ้านพักจะต้องรื้อออกไปแล้วทดแทนด้วยโครงการบ้านเพื่อคนไทยหรือไม่ หรือทำเล กม.11 ก็เป็นที่ชุมชนที่เตรียมเข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคง แต่พอมีโครงการบ้านเพื่อคนไทยมา อาจจะเป็นโครงการบ้านไล่คนไทยแทน เพราะชุมชนย่านนั้นคงจ่ายไม่ไหว และเป็นเรื่องที่รัฐบาลคิดไม่จบ
นอกจากนี้ ช่วงเดือนธ.ค. 2567 มีการของบกลางในการออกแบบรายละเอียด ซึ่งรัฐบาลก็อนุมัติให้ 167 ล้านบาท ในการออกแบบงานด้านอาคาร สถาปัตยกรรม และวิศวกรรม จึงสงสัยว่า ในแผนงานที่ขอมาบอกว่า เป็นการออกแบบโครงการนำร่อง จึงสงสัยว่ามันเข้าเกณฑ์งบประมาณฉุกเฉินเร่งด่วนอย่างไร คำถามที่สองจึงอยากสอบถามว่า ในส่วนโครงการบ้านเพื่อคนไทยจะตรงปกหรือไม่ เพราะการออกแบบโครงการผลอาจจะไม่ตรงกับที่เผยแพร่ก็ได้ แล้วโครงการที่ออกแบบอาคารเป็นการออกแบบในเรื่องใดบ้าง
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ห้องตัวอย่างที่โชว์ไว้ จะไม่มีขาด มีแต่จะเกินปก ส่วนจำนวนที่ไม่แน่นอน เนื่องจากมีขนาดห้องหลายแบบ ดีมานด์ที่ประชาชนใช้สิทธิ์จะบอกความต้องการเอง ดังนั้น ในแต่ละชั้น แต่ละตึกจะปรับเปลี่ยนตามความต้องการได้ เพราะฉะนั้น รูปแบบและห้องตรงกับที่เสนอไป 100% และย้ำอีกทีว่าโครงการนี้สร้างตามดีมานด์ มีการศึกษาโดยใช้งบประมาณของ SRTA ศึกษานำร่องไว้แล้ว แล้วจึงมาทำการเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนแสดงความจำนงไปอย่างที่กล่าว
“ห้องที่โชว์เป็นไปตามที่แถลงไว้แน่นอน แต่จำนวนชนิดของห้องจะผันแปรตามความต้องการที่แท้จริงของประชาชน โครงการมีการศึกษาล่วงหน้า ส่วนการใช้งบกลาง เนื่องจากรัฐบาลโดยนายกฯ เห็นว่ามาตรการนี้เป็นมาตรการเร่งด่วนในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ส่วนบ้านพักคนงานรฟท. พนักงานรฟท.มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการนี้ได้ ส่วนบ้านคนงานปัจจุบันสภาพหมดอายุการใช้งานไปแล้ว ทราบว่า รฟท.จัดที่อยู่อาศัยใหม่ให้แล้ว ก้เป็นการบริหารตรงไปตรงมานะครับ เจ้าหน้าที่รฟท.ยินยอมหมด แถมจะมีสิทธิพิเศษให้เจ้าหน้าที่รฟท.ด้วย” นายสุรพงษ์กล่าวอีก
@เงินก่อสร้างมาจากเงินหมุนสินเชื่อของ ธอส.
จากนั้นนายณัฐพงษ์สอบถามถึงที่มาของงบประมาณในการก่อสร้างว่ามาจากไหน เพราะ SRTA ไม่มีเงินมากพอ นายสุรพงษ์ตอบว่า SRTA มีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท ตอนนี้ยังไม่มีรายได้อะไรเข้ามา หน้าที่ของ SRTA คือการบริหารที่ดินที่เป็น Non Core(ที่ดินที่ไม่ใช้ไว้เพื่อเดินรถ) ดังนั้น การหารายได้จะเป็นการปล่อยเช่า นำมาพัฒนาเอง และนำที่ดินไปร่วมพัฒนาในรูปแบบร่วมลงทุนกับเอกชนได้
วันนี้ งบก่อสร้างของโครงการนี้ จะแบ่งได้ 3 ฝ่ายฝ่ายผู้พัฒนาคือ SRTA และกระทรวงคมนาคม ส่วนของสินเชื่อการเงินคือ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และส่วนของผู้บริโภค ซึ่งผู้ที่ผ่านเกณฑ์จะมาทำเรื่องกู้กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ ซึ่งธนาคารอาคารสงเคราะห์จะเป็นผู้รับผิดชอบด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัย (Post Finance) ในโครงการนี้ทั้งหมด โครงการเอาเงินจากไหนมาก่อสร้าง? เบื้องต้นคาดว่า ผู้รับเหมาจะมาพร้อมทุนที่จะต้องก่อสร้างให้เสร็จ เสร็จแล้ว ธอส.กับผู้ได้รับสิทธิ์จะทำสัญญาเงินกู้กัน ซึ่งจะมีการจับฉลากรายชื่อผู้ที่จะได้รับทำสัญญากู้ในโครงการนี้ ซึ่งได้ประสานกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลในการจับฉลากแล้ว โดยจะใช้สินเชื่อที่ ธอส. ปล่อยกู้แบบโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั่วๆไปมาใช้ ส่วน ธอส.จะมีรายได้จากการเก็บค่าเช่าที่ระบุไว้

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา