
ศาลแพ่งกรุงเทพใต้รับฟ้องแบบกลุ่ม คดีปลาหมอคางดำ ชี้คำฟ้องชัดเจน มีผู้เสียหายจำนวนมาก ชาวบ้านยื่นเรียกเงินชดเชยจาก CPF 2.5 พัน ล. ด้านบริษัทฯเผยจะอุทธรณ์ตามสิทธิต่อ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2568 ศาลแพ่งกรุงเทพใต้มีคำสั่งอนุญาตให้ดำเนินคดีแบบกลุ่ม ในกรณีที่กลุ่มเกษตรกรยื่นฟ้อง บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ โดยกลุ่มเกษตรกรกล่าวหาว่า การดำเนินธุรกิจของบริษัทส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและการประกอบอาชีพ อย่างไรก็ตาม คำสั่งนี้เป็นเพียงการรับรองให้คดีสามารถดำเนินไปในรูปแบบของคดีแบบกลุ่มเท่านั้น ยังไม่ได้เป็นการพิจารณาว่าซีพีเอฟมีความผิดตามข้อกล่าวหา
สำหรับกรณีการยื่นฟ้องคดีสิ่งแวดล้อมแบแแบกลุ่มในครั้งนี้แยกออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และกล่มประมงพื้นบำนในเขต จ.สมทรสงคราม ซึ่งได้เรียกค่าเสียหายจากการบาดรายได้ย้อนหลังเป็นเวลา 7 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560-2567 เรียกร้องสินไหมทดแทนกว่า 2,486 ล้านบาท
ทั้งนี้ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้มีประเด็นข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงที่เหมือนกันหรือคล้ายกันในกลุ่มผู้เสียหายจำนวนมาก อีกทั้งการดำเนินคดีแบบกลุ่มจะช่วยลดภาระให้กับศาลและผู้ฟ้องคดีที่อาจไม่มีทรัพยากรเพียงพอในการดำเนินคดีเป็นรายบุคคล ศาลจึงอนุญาตให้การฟ้องร้องดำเนินไปในลักษณะของคดีแบบกลุ่ม
อย่างไรก็ตาม คำสั่งนี้ไม่ได้หมายความว่าซีพีเอฟมีความผิดตามข้อกล่าวหา แต่เป็นเพียงการเปิดทางให้มีการพิจารณาคดีในรูปแบบที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น การตัดสินความผิดหรือความรับผิดของบริษัทจะต้องผ่านกระบวนการพิจารณาพยานหลักฐานในชั้นศาลต่อไป
นายจรุงศักดิ์ ชะโกฎิ ประธานคณะทำงานปลาหมอคางดำ สภาทนายความ เปิดเผยว่า ทีมทนายความได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลเบื้องต้นใน 2 พื้นที่ดังกล่าวแล้ว หากประชาชนใน 2 จังหวัด ตัดสินใจก็จะสามารถดำเนินการในเรื่องนี้ได้โดยใช้เวลาไม่นาน โดยที่ผ่านมาประชาชนจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบ ประสบกับปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างหนักเนื่องจากขาดรายได้จากการทำประมงเนื่องจากการระบาดของปลาหมอคางดำ ทำให้ต้องมีภาระในการหาเงินมาวางค่าธรรมเนียมศาลและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องประมาณ 100,000 บาทต่อการฟ้อง 1 จังหวัด
อย่างไรก็ตาม ผลของการพิจารณาของศาลแพ่งในวันนี้ ทำให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดมีกำลังใจในการระดมการสนับสนุนเพื่อฟ้องคดี ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในเดือน มี.ค.นี้
ด้าน ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ แถลงความคืบหน้าในการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ผู้เสียหายในคดีปลาหมอคางดำ ว่า สืบเนื่องจากสภาทนายความได้ให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายคดีปลาหมอคางดำ ในคดีแพ่งและคดีปกครอง โดยคดีแพ่งได้มีการยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เป็นคดีแพ่ง หมายเลขดำที่ สว.1/2567 โดยโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอดำเนินคดีแบบกลุ่ม เนื่องจากมีชาวบ้านผู้เสียหายจำนวนหลายราย
ต่อมาศาลแพ่งกรุงเทพใต้ได้ทำการไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีแบบกลุ่มของโจทก์แล้ว และบัดนี้ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568 เวลา 9.00 น. อนุญาตให้โจทก์ดำเนินคดีแบบกลุ่ม
ดร.วิเชียร กล่าวว่า คำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีแบบกลุ่มอาจอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ ภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง และให้ศาลแพ่งกรุงเทพใต้งดการพิจารณาไว้จนกว่าคำสั่งอนุญาตให้ดำเนินคดีแบบกลุ่มจะถึงที่สุด คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ให้ถือเป็นที่สุดตามมาตรา 222/12 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ส่วนการดำเนินคดีฟ้องศาลปกครอง ได้มีการยื่นฟ้องหน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ จำนวน 18 ราย ต่อศาลปกครองกลาง เป็นคดีปกครอง หมายเลขดำที่ ส.14/2567 เรื่องการเพิกถอนคำสั่งฯ, คำสั่งที่มิชอบ ฯลฯ ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งรับคำฟ้องคดี ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง
ขณะที่ ผู้แทนของซีพีเอฟแจงหลังคำสั่งศาล ระบุว่า บริษัทดำเนินธุรกิจตามมาตรฐานและให้ความสำคัญกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมยืนยันว่า การดำเนินงานของบริษัทไม่ได้เป็นสาเหตุของปัญหาดังกล่าว โดยบริษัทจะอุทธรณ์ตามสิทธิที่มี และจะสู้คดีด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และข้อมูลเชิงประจักษ์ ตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมต่อไป

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา